CF:บทที่ 146 รู้สึกสับสนขึ้นเรื่อยๆ
ในห้องเก็บของโบราณ, อุ๋ฮ่าวเหรินไม่ได้สนใจมองสิ่งของประดับในห้องซึ่งล้วนเป็นของในยุคโบราณ หลังจากที่ยืนยันได้ว่าไม่มีใครแอบดูหรือจ้องมองเขาอยู่, เขาก็เดินไปที่ด้านหลังของผ้าม่านที่อยู่ด้านในสุด
“จี้, เรื่องของหญิงสาวคนนั้นเป็นยังไงกันแน่?” การเปรียบเทียบกันเป็นอย่างไรบ้าง?”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูวิดีโอที่ถูกส่งมาโดยจี้ เขามองดูทุกการเคลื่อนไหวของหลิงหยิ่งอย่างตั้งใจ โดยเฉพาะรูปร่างและสีหน้า
ราวกับเป็นคนๆเดียวกัน แทบไม่เจอจุดแตกต่างเลย ซึ่งมันน่าแปลกมาก ถึงแม้ว่าจะพันธุกรรมเดียวกัน, แต่มันก็ไม่สามารถที่จะเหมือนกันได้ถึงขนาดนี้, เพราะช่วงเวลามันต่างกันมากเกินไป
“จากการเปรียบเทียบกับรูปร่างแล้ว, มีความเหมือนกันของทั้งสองคนอยู่ที่ 95%”
“95%? หมายความว่ามันแทบจะหลุดออกมาจากแม่พิมพ์เดียวกันเลยนะ?”
“ไม่สามารถตัดสินได้, จำเป็นต้องได้รวบรวมข้อมูลมากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม, แต่ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันบนโลก ต่อให้รวบรวมข้อมูลได้มากเท่าไร, ก็ไม่สามารถยืนยันสถานการณ์นี้ได้ เพราะยังติดกฏเกณฑ์บางอย่างอยู่”
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินได้ยินคำตอบของจี้แล้ว เขาก็รู้สึกเป็นสงสัยกับสถานการณ์บางอย่างที่อยู่เหนือกฏเกณฑ์
“เธอจะบอกว่าอาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นคนเดียวกัน ถ้าเกิดว่า, มันจะต้องมีเทคโนโลยีบางอย่างที่สามารถทำให้หลิงเมิ่งเสวี่ยเข้าแคปซูลผนึกเอาไว้และค่อยปลดผนึกออกมาในยุคนั้น”
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงสิ่งที่คนพวกนั้นพูด ที่ว่า, หลิงหยิ่งนั้นเคยถูกเข้าแคปซูลผนึกเพราะว่าเธอเป็นโรคแปลกๆ ซึ่งมันไม่สามารถที่จะรักษาได้แม้แต่พวกอารยธรรมที่สูงกว่า จนกระทั่งร้อยปีผ่านไป
ดังนั้นคำถามคือ, เทคโนโลยีของโลกในยุคนี้จะสามารถมีเทคโนโลยีระดับนั้นได้อย่างไร ต่อให้เป็นอนาคตก็ตาม, ก็ไม่มีอะไรสามารถยืนยันได้ว่าเขาจะมีเทคโนโลยีแบบนั้นได้จริงๆ
ซึ่งถ้าเกิดมีขึ้นมา, ฉันก็เชื่อว่าจะต้องมีคนจำนวนมากที่กำลังจะตายในอารยธรรมมนุษย์นี้หาทางที่จะใช้เทคโนโลยีนี้ผนึกพวกเขาเอาไว้และรอจนกว่าเทคโนโลยีจะพัฒนาจนทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อได้
ยิ่งไปกว่านั้น, ยังมีอีกเรื่องหนึ่งที่ยังไม่สามารถอธิบายได้คือ หลิงหยิ่งนั้นไม่ได้เป็นแบบนั้นตอนที่เธอปรากฏตัวขึ้นมา วิดีโอของเธอเองที่ปรากฏให้เห็นต่อหน้าทุกคนในตอนที่เธอยังเด็ก
มันจึงเป็นเรื่องแปลกที่จะบอกว่า ทั้งสองคนนี้เป็นฝาแฝดกัน ยิ่งไปกว่านั้น, ยังมีข้อผิดพลาดในเรื่องของข้อมูล นอกจากเรื่องของคนๆนี้ ยังมีเรื่องของลูกชายและลูกสะใภ้ของหลิงหยวนเจี่ยก็เสียชีวิตไปแล้วด้วย
หรือว่าจะเป็นเพราะเขาที่ก่อให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกขึ้นมา, แต่มันก็ควรจะเกิดหลังจากที่เขาได้ระบบซองแดงมาใช้
จี้ให้คำตอบแก่เขามา: “สถานการณ์นี้มันเป็นไปไม่ได้, เทคโนโลยีของมนุษย์นั้นไม่สามารถที่จะมีเทคโนโลยีที่อารยธรรมขั้นสูงยังมีไม่ถึงได้, ร่างกายถึงจะผนึกได้, แต่จิตวิญญาณนั้นไม่สามารถที่จะผนึกได้ ในยุคนั้น มีการยืนยันได้ว่าจิตวิญญาณจะอ่อนแอและตายไปตามกาลเวลา”
การคาดคะเนของเขาถูกปฏิเสธโดยจี้ ดูเหมือนว่าถ้าเขาอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาจะต้องสืบเรื่องของคนที่เสียไปแล้วสองคนให้ได้ก่อน
ซึ่งตามความจริง เรื่องที่หลิงหยิ่งถามอู๋ฮ่าวเหรินให้มาตรวจสอบนั้นก็ได้ตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเรื่องของหลิงเทียนซิงนั้นไม่มีปัญหาอะไร, แต่กลายเป็นว่าเรื่องของตัวเธอเองนี่แหละที่เป็นปัญหา
“จริงๆแล้ว มีความเป็นไปได้อีกอย่าง คือระบบซองแดงที่คุณได้มาได้ทำลายตัวตนของกฏเกณฑ์บางอย่าง แต่ทว่า, มันก็สามารถทำให้เกิดคลาดเคลื่อนของช่องว่างและการเวลาเท่านั้น, ซึ่งก็มีการค้นพบแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม, กฏที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณนั้นพิเศษมาก, ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลที่ว่าระบบซองแดงนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตได้”
“หรือก็คือ, การก้าวข้ามนั้นสามารถเป็นไปได้”
จี้ไม่ตอบคำถามเขา แน่นอนว่า, เรื่องนี้นั้นอยู่นอกเหนือความสามารถการคำนวณของจี้ไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคอมพิวเตอร์สมรรถนะสูง, แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาไม่สามารถคำนวณให้ได้อยู่
อู๋ฮ่าวเหริน, เมื่อรู้ว่าเขาไม่สามารถหาคำตอบได้, เขาก็เข้าไปยังระบบซองแดง
“มีคนอยู่ที่นี่ไหม? ผมมีคำถามพิเศษบางอย่างอยากจะถาม”
“ว่ามาเลย”
“คราวหน้า, ไม่ต้องถามก็ได้ว่ามีคนอยู่ที่นี่ไหม, พูดออกมาได้เลย”
“ได้, ที่ผมอยากจะถามคือ, คนเราสามารถที่จะเดินทางก้าวข้ามผ่านกาลเวลาได้ไหม?”
“โอ้พระเจ้า, คำถามแบบนี้ พ่อค้าพลังงาน แกช่วยตอบให้เขาหน่อยละกัน” คนขี้เมาเดินไปหามุมอยู่เงียบต่อ
“ให้ผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ตอบให้ดีกว่า, เขาน่าจะมีความรู้ด้านนี้มากกว่าฉัน”
“เฮ้ย ผู้เชี่ยวชาญ, ผู้เชี่ยวชาญ,
ทำงานหน่อยว้อย”
“มาแล้วมาแล้ว, ฉันกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ แล้วก็นะพ่อค้าของเก่า ทำไมคุณถึงได้ถามคำถามนี้ล่ะ ซึ่งเอาจริงๆก็มีการทดลองมาแล้วหลายครั้ง และมันก็เหมือนไปรนหาที่ตาย”
ดูเหมือนว่าผู้เชี่ยวชาญการแพทย์นั้นค่อนข้างจะรู้เยอะ แล้วเมื่อมองดูคนอื่นๆแล้ว ดูเหมือนนี่จะคือคำตอบ
“คุณหมายความว่ายังไง?
“เอาระบบซองแดงที่เราใช้เป็นตัวอย่างก็ได้, จริงๆแล้วมันก็คือการเดินทางก้าวข้ามกาลเวลาขนาดย่อมๆ เพียงแค่ตัดเรื่องของกาลเวลาออก, เหลือไว้เพียงช่องว่าง และเคยมีคนบ้าๆในเทียนหยูกรุ๊ปได้ทำการทดลองมากมาย, ซึ่งในการทดลองเหล่านั้นมีการทดลองจริงอยู่ด้วย และท้ายที่สุด ตัวอย่างทดลองทั้งหมดนั้น, เสียชีวิตหมดโดยไม่มีข้อยกเว้น”
“เอาล่ะ, ถ้าเราต้องการจะพูดถึงเรื่องผู้ที่รอบรู้ในด้านนี้จริงๆ, พวกเราคงจะต้องพูดถึงพวกอารยธรรมสูงส่งที่เป็นศัตรูของพวกเรา พวกอารยธรรมพารอสที่คอยช่วยเหลือเจ้าพวกแมลง, ซึ่งเทคโนโลยีของพวกเรานั้น, จริงๆแล้วก็ได้รับมาจากพวกเขา พวกเขานั้นเคยทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนดาวเพื่อที่จะศึกษาการเดินทางก้าวข้ามกาลเวลา, ซึ่งทำให้ถูกลงโทษโดยสหพันธรัฐจักรวาล”
“แล้วพวกเขาทำสำเร็จไหม?”
“ไม่, เพราะมันไม่สามารถยืนยันได้ว่าการทดลองสำเร็จหรือไม่, เพราะเราไม่สามารถที่จะรับรู้อนาคตหรืออดีตได้ แล้วก็ไม่รู้แม้แต่ว่าอนาคตหรืออดีตนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ แต่ทว่าก็มีข่าวลือที่ว่า ถ้าจิตใจของคุณเข้มแข็งพอ, การก้าวข้ามกาลเวลาก็อาจจะทำให้สำเร็จได้ แน่นอนว่ายังไม่มีใครยืนยันความสำเร็จได้”
“ผมพอจะเข้าใจที่คุณอธิบายแล้ว”
“จำไว้ด้วยล่ะ, ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณถามเรื่องนี้ไปทำไม, แต่อย่าได้คิดทำมันเชียวล่ะ”
ในตอนนี้, อู๋ฮ่าวเหรินได้ย้ายไปเข้ากลุ่มเลเวลสอง เขาไม่กล้าที่จะถามข้อมูลเรื่องนี้ในกลุ่มเลเวลหนึ่ง
“นักข่าวดาราอยู่มั๊ย?”
“อยู่ครับ, ว่ายังไงครับพ่อค้าของเก่า มีอะไรให้ผมช่วยเหรอครับ?”
“คุณพอจะมีข้อมูลเรื่องของเทพสงครามกับครอบครัวของเขาบ้างไหม? ถ้ามี, คุณช่วยส่งมาให้ผมทีครับ?”
“พ่อค้าของเก่า, ดูท่าคุณจะพยายามอย่างหนักเพื่อครอบครัวของหลิงหยิ่งอยู่สินะ ดูเหมือนพวกผมคงจะหมดโอกาสจริงๆแล้วสินะ ผมเคยรวบรวมข้อมูลของเทพสงครามมาก่อนนะ เดี๋ยวรอผมซักครู่นึง”
ไม่นานนัก, อู๋ฮ่าวเหรินก็ได้ข้อมูลของเทพสงครามมา, ซึ่งเป็นข้อมูลทั้งหมดที่เขาพอจะหาได้ ซึ่งในเรื่องนี้ นักข่าวดาราได้ลงทุนลงแรงไปอย่างมาก ซึ่งบางเรื่องก็ไม่สามารถหาได้ในเครื่องข่ายนำแสง
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดจะดูข้อมูลเหล่านี้ที่นี่ มันมีมากเกินไป, ซึ่งถ้าเขาใช้เวลาในนี้นานเกินไป อาจจะตกเป็นเป้าสงสัยได้
เมื่อผมออกมาจากห้อง, ผมก็พบกับคนรับใช้คนหนึ่งรอเขาอยู่”
“ทางนี้ครับ คุณท่าน, นายท่านกำลังรออยู่ที่ลานกว้างด้านหน้า”
กลับไปที่ลานกว้างด้านหน้า, ฉันก็พบหลิงหยวนเจี๋ยกำลังดื่มชาอยู่กับนักพรตเต๋า, ดูเหมือนจะกำลังคุยอะไรบางอย่างอยู่
“ว่าไงพ่อหนุ่ม สอบถามเรียบร้อยไหม?” เมื่อเห็นอู๋ฮ่าวเหรินเดินมา, นักพรตเต๋าก็ถามเขาก่อน
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัวแล้วก็ตอบกลับไป, “ผมคงต้องขอตัวกลับไปเพื่อเช็คข้อมูลก่อนนะครับ ดูเหมือนทางผมน่าจะผิดพลาดเอง ผู้เฒ่าหลิงครับ, ผมได้ยินมาว่าคุณหนูหลิงมีปัญหาเรื่องสุขภาพสินะครับ นี่คือผลิตภัณฑ์ที่ผมประดิษฐ์ขึ้นมา ผมหวังว่ามันจะช่วยได้”
เขาหยิบอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ
“เสี่ยวเหยา, ส่งคุณชายอู๋กลับที”
หลิงเหยามองดูสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะ ซึ่งเขานั้นก็ตกใจทันทีที่มองไปที่อู๋ฮ่าวเหริน ก่อนจะพูดขึ้น, “ได้ครับ, คุณปู่”
ขณะที่ขับรถไปตามถนน อู๋ฮ่าวเหรินสังเกตเห็นว่าหลิงเหยาต้องการที่จะถามอะไรบางอย่างกับเขา, แต่ก็ไม่ได้พูดออกมา
แน่นอนว่า, ด้วยการปรากฏของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดเมื่อกี้นั้น คนๆนี้คงน่าจะรู้จากข่าวเมื่อวานนี้
“อ่า, ช่วยจอดส่งผมแค่ตรงนี้ก็พอครับ ผมอยากจะชื่นชมทิวทัศน์แถวนี้สักหน่อย”
เมื่อเห็นอู๋ฮ่าวเหรินกำลังลงจากรถ, หลิงเหยาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมา, “คุณคืออู๋ฮ่าวเหรินงั้นหรือครับ?”
อู๋ฮ่าวเหรินหันกลับมามองเขา, แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป, และเดินชมทิวทัศน์เบื้องหน้าต่อ
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้นั้นมันชักน่าสนใจขึ้นเรื่อยๆ บางทีเขาอาจจะขุดเจอความลับอะไรบางอย่างก็เป็นได้
————————–