CF:บทที่ 149 อย่าโชว์ออฟ
อู๋ฮ่าวเหริน, ผู้ซึ่งหนีตลอดทั้งคืนเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา, โดยที่หารู้ไม่ว่าพวกเขานั้นรู้ที่อยู่บ้านของเขาและพร้อมที่จะไปหาแล้ว
คราวนี้, เป้าหมายของเขาคืออำเภอลู่, มณฑลเสฉวน โดยหวังว่าจะได้พบกับต้นตระกูลของลุงชาวจีน, ไป๋โม่หนิว
อู๋ฮ่าวเหรินได้คาดหวังเอาไว้ ว่าเขาอาจจะพบกับสุดยอดจอมยุทธ์ที่สามารถเหาะเหินเดินข้ามกำแพงได้แบบในตำนานบ้างก็เป็นได้
“ท่านผู้โดยสารทุกท่านคะ, กรุณาคาดเข็มขัดนิรภัยด้วยค่ะ อีกเดี๋ยวเครื่องบินจะออกแล้วนะคะ”
อู๋ฮ่าวเหริน, ที่กำลังจะหลับก็ถูกขัดด้วยเสียงของแอร์โฮสเตส, ในตอนนี้ เขาพบว่าเครื่องบินเต็มไปด้วยผู้โดยสารแล้ว
ซึ่งทำให้บ่งบอกได้ว่า ปริมาณการบริโภคภายในประเทศนั้นกำลังอยู่ในระดับที่ดี, แต่ทว่าคนที่มานั่งข้างๆเขานั้นแต่งตัวแปลกๆเหมือนเขา สวมหมวกและแว่นตาดำขนาดใหญ่
ถ้ามีแค่คนเดียวก็คงดูไม่แปลกเท่าไร, แต่พอมีคนแต่งแบบนี้สองคนอยู่ด้วยกันแล้ว มันจะดูแปลกตาขึ้นมาทันที
อู๋ฮ่าวเหลินมองไปที่เขา และเขาก็หันมามองที่อู๋ฮ่าวเหรินเช่นกัน ดูท่าเขาเองก็คงสงสัยเหมือนกัน อู๋ฮ่าวเหรินเลยคิดว่า เขาคงจะหนีใครมาเหมือนกับเขา
“สวัสดีครับ, พวกเราแต่งตัวเหมือนกันและยังมานั่งข้างกันอีก มันคงดูแปลกพึลึกเลยนะครับ”
“ผมก็คิดเหมือนกันครับ, ผมก็สงสัยอยู่ว่าแอร์โฮสเตสคนนั้นมองผมแปลกๆมาสักพักแล้ว ผมพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไม”
“คุณก็เป็นเหมือนผมงั้นเหรอ?”
เขาเริ่มรุกก่อน, อู๋ฮ่าวเหรินที่ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เจอกับคนในวงการบันเทิงนั้น, จึงส่ายหัวกลับมาและตอบว่า “ไม่”
“โอ้, ผมก็นึกว่าคุณใช่ซะอีก”
คนๆนั้นส่ายหัวแล้วหันหน้ากลับไป, ทำหน้าเหมือนผิดหวัง แล้วเมินอู๋ฮ่าวเหริน
อู๋ฮ่าวเหินถึงกับพูดอะไรไม่ออก คนๆนี้เป็นใครกันแน่นะ? ถึงจะไม่ใช่คนในวงการบันเทิงด้วยกัน ก็น่าจะหันมาคุยแล้วทำความสนิทสนมกันบ้างนะ
ช่างเถอะ, ถ้าคุณไม่ต้องการจะคุยกับผม ผมก็ไม่คุยกับคุณก็ได้ ไปหาคนคุยด้วยในอนาคตดีกว่า
จากนั้นอู๋ฮ่าวเหรินจึงปรับที่นั่งของเขาแล้วเอนตัวนอนลงไป คนที่ข้างเขาก็รับหันหน้ากลับมาหาอู๋ฮ่าวเหริน และทำสีหน้าผิดหวังมากกว่าเดิมก่อนเอนตัวลงไปนอนบ้าง
“เฮอะ, อุตส่าห์ให้โอกาสคนอย่างนายได้ทำความรู้จักกับดาราทั้งที, กลับไม่รักษาโอกาสนั้น เอาแบบนั้นก็ได้”
หลังจากที่พูดแบบนั้น, เขาก็หันมามองอู๋ฮ่าวเหรินอีกที แต่ก็ต้องผิดหวัง, เพราะอู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้เข้าระบบซองแดงไปแล้ว และกำลังคุยกันถึงเรื่องหุ่นรบ จึงไม่ได้สนใจเขาอีก
จริงๆแล้ว, เขานั้นต้องการให้อู๋ฮ่าวเหรินได้รู้จักกับตัวตนของเขา, แต่ตอนนี้เขากลับถูกเมินโดยอู๋ฮ่าวเหริน ทำให้คนนี้รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก, และสายตาของเขาก็ได้เปลี่ยนไป
ในกลุ่มเลเวลหนึ่งในระบบซองแดงนั้น, อู๋ฮ่าวเหรินกำลังมองดูวิดีโอที่พวกเขาส่งมาให้อยู่ ถึงกับพูดอะไรไม่ออก, มันดูเหมือนของเล่นมาก
“ฉันอยากจะบอกว่า มันจะมีประสิทธิภาพกว่าถ้าเกิดถอดเกราะแขนทั้งสองอันออกแล้วติดปืนกลตอบโต้อากาศยาน 2 กระบอกเข้าไปแทน”
“เปล่าประโยชน์น่า พลังทำลายของปืนกลตอบโต้อากาศยานมันต่ำเกินไป เมื่อต้องสู้กับพวกสัตว์ประหลาดทมิฬ ผมคิดว่าติดตั้งธันเดอร์โบลท์ยูนิตก็น่าจะทรงพลังกว่า
“พอเลย, ทำไมไม่ติดปืนใหญ่มรณะสองกระบอกลงไปแทนล่ะ ต่อให้เรือรบมาเจอเข้า ก็ยังต้องถอยแน่นอน”
“เงียบไปเลย, เจ้าคนศึกษาพืชผักอย่างนายจะรู้อะไรเกี่ยวกับปืนใหญ่มรณะ ต่อให้หุ่นรบตัวใหญ่พอจะติดตั้งปืนใหญ่ได้ก็จริง แต่จะต้องจ่ายพลังงานไปเยอะขนาดไหนถึงจะทำให้ปืนใหญ่มรณะทำงานได้ “
เมื่อเห็นข้อความที่ถูกส่งมาโดยชาวไร่, กลุ่มคนถึงกับพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ อู๋ฮ่าวเหรินมองดูพวกเศรษฐีรวยพลังงานพวกนี้พูดถึงเรื่องพลังงานแล้ว มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ
“มันฟุ่มเฟือยเกินไปว้อย ใช้พลังงานมากขนาดนั้นกับของแบบนี้ ถ้าเกิดโดนยิงพังโดยยานรบขึ้นมา ได้ร้องไม่ออกแน่”
“ถ้าเกิดใช้หุ่นยนต์ในสนามรบ จะไม่ช่วยลดการตายของมนุษย์ได้มากกว่าเหรอ?”
“พ่อค้าของเก่าคุณนี่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆนะ ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่านายอาศัยอยู่ในดวงดาวล้าหลังขนาดไหนเนี่ย ไม่ว่าหุ่นยนต์จะฉลาดมากแค่, ถ้าเกิดไม่มีมนุษย์ควบคุมอยู่ เมื่อเข้าสู่สนามรบ มันก็จะเป็นได้แค่เศษเหล็กเท่านั้นแหละ ถ้าเกิดว่าโดนตัวก่อสัญญาณรบกวนพลังงานขึ้นมาหุ่นยนต์ก็จะเป็นอัมพาต”
“และด้วยเหตุผลนี้แหละที่ทำให้มนุษยชาติสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก กว่าพวกเขาจะรู้ถึงข้อเท็จจริงอันนี้ การรบในครั้งนั้น, เพราะมีการใช้หุ่นยนต์เป็นจำนวนมาก ทำให้กองทัพเกือบจะต้องย่อยยับ”
“พวกคุณพอจะเอาข้อมูลของหุ่นยนต์มาให้ผมบ้างได้ไหม? ผมต้องการที่จะศึกษาและเรียนรู้มันซักหน่อย ผมคงปล่อยให้คุณบอกผมว่าไร้การศึกษาไม่ได้ละ”
“นายนี่นะ,
คงไม่ได้ติดอยู่บนดาวล้าหลังซักดวงจริงๆหรอกนะ ถ้านายต้องการข้อมูลจำพวกนี้ นายต้องรอมนุษย์ชุดเกราะแล้วล่ะ เขามีข้อมูลเกี่ยวกับหุ่นยนต์ทุกประเภทแหละ”
ถ้าเกิดเขาได้ข้อมูลมา, เขาอาจจะใช้ศึกษาหุ่นยนต์สำหรับสู้รบได้
ตอนนี้เขามีหุ่นยนต์แล้วก็จริง แต่ก็เป็นหุ่นยนต์ทำงาน, หาได้มีพลังทำลายอะไรเลย
เมื่อเครื่องบินลงจอด, อู๋ฮ่าวเหรินก็ออกมาจากระบบซองแดง
เขามองดูคนที่นั่งข้างๆอย่างสงสัย เขารู้สึกแปลกๆ ทำไมชายคนนี้ถึงได้ดูอาฆาตแค้นกับเขาแปลกๆ
หลังจากที่ออกมาจากสนามบิน, อู๋ฮ่าวเหรินก็รีบเดินไปที่โรงแรมที่เขาจองเอาไว้ ซึ่งตอนนี้ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
“นายจะเอายังไงกับผมอีก? บนเครื่องบินนายก็ทำเป็นไม่สนใจผม แล้วตอนนี้นายจะตามผมมาทำไมอีก?”
“ไอ้บ้า”
อู๋ฮ่าวเหรินพอจะเริ่มเข้าใจแล้วว่าคนๆนี้กำลังคิดอะไรอยู่ บ้าจริง, คนๆนี้คิดว่าตัวเขาโด่งดังอยู่คนเดียวรึไง, บ้าสิ…ถ้าผมถอดแว่นตาออกมา ถึงจะไม่ดึงดูดเท่ากับดารา แต่ถ้าพวกนักข่าวรู้เข้า, พวกเขาได้มาล้อมโรงแรมแน่
“สวัสดีครับ, ผมได้จองห้องพักของที่นี่เอาไว้แล้ว”
“อ๊าา!”
พนักงานต้อนรับกรีดร้องออกมา เมื่อเธอเห็นบัตรประชาชนของอู๋ฮ่าวเหริน เพราะเธอเพิ่งอ่านข่าวของอู๋ฮ่าวเหรินมา
“เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ” มีรปภ.สองคนรีบวิ่งเข้ามาและถาม
“ไม่มีอะไรค่ะ ไม่มีอะไรค่ะ แค่มือกระแทกกับโต๊ะค่ะ” เธอกระพริบตาให้กับอู๋ฮ่าวเหริน พร้อมกับยกมือขึ้นมาและตอบกลับ รปภ.
“ช่วยจัดการเรื่องเช็คอินให้ผมก่อนทีครับ”
“ได้ค่ะ, ได้ค่ะ, จะทำให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
สาวน้อยคนนั้นแน่นอนว่าเธอนั้นมีอาการตื่นๆและรีบเร่งดำเนินการเปิดห้องพักให้อู๋ฮ่าวเหรินให้เสร็จสรรพ
ดูเหมือนว่าการปรากฏตัวของอู๋ฮ่าวเหรินที่นี่นั้นจะสร้างอิมแพคไว้มาก เมื่อชายคนที่อยู่ข้างหลังเขาเดินมาถึงแผนกต้อนรับ, เขาก็ถอดหมวกและแว่นตาออก
จากนั้นเขาก็พูดกับพนักงานต้อนรับคนนั้น “เช็คอินด้วยครับ”
“ได้ค่ะ”
แน่นอนว่าสาวน้อยคนนั้นยังคงคิดถึงเรื่องที่ได้เจอกับอู๋ฮ่าวเหรินอยู่ แล้วคิดว่าเธอกำลังฝันไปแน่ๆ, เธอเลยไม่ได้สนใจชายคนนี้มากนัก
เดิมทีเขานั้นต้องการที่จะโชว์ออฟ, และได้เตรียมบทพูดแบบดาราไว้แล้ว แต่อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้ยึดครองหัวใจของเธอไปหมดแล้ว
จนกระทั่งดำเนินการเปิดห้องพักให้เขาคนนั้นเสร็จสิ้น, เธอคนนั้นก็ไม่ได้โต้ตอบอะไรกับเขาเลย, ซึ่งทำให้เขาสงสัยขึ้นมา
……………………………..
ในตอน 6 โมงเช้า, ข้างนอกโรงแรม, ถูกล้อมรอบไปด้วยนักข่าว, พร้อมด้วยกล้องเล็กกล้องใหญ่อยู่เต็มหน้าโรงแรม ถ้าไม่ใช่เพราะรปภ, พวกเขาคงได้บุกเข้ามาในโรงแรมแล้ว
ข้างในโรงแรม, มีดารากำลังตะโกนใส่พนักงานอยู่: “พวกเธอทำงานภาษาอะไรกัน? ทำไมถึงเปิดเผยข้อมูลของผมให้พวกสื่อกัน? พวกเธอรู้มั๊ยว่านี่มันเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวของผมชัดๆเลยนะ…”
พนักงานต้อนรับทั้งสองคนกำลังรอให้ผู้จัดการเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยอยู่, ในตอนนี้, พวกเธอทำได้แค่เพียงพูดขอโทษเท่านั้น
พนักงานต้อนรับหญิงที่กำลังจะไปพักนั้นต้องรีบวิ่งกลับมาอย่างรีบร้อน
“เป็นเธอ, เป็นเธอแน่ๆที่เอาข้อมูลของผมไปเปิดเผย เธอต้องอธิบายมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
สาวน้อยได้ยินที่ดาราคนนั้นตะโกนโวยวาย, แต่เธอไม่ได้ตอบสนองอะไร เธอไม่รู้จักกับคนๆนี้ด้วยซ้ำ ข้อมูลอะไรที่ถูกเปิดเผย?
“ซ่งจวน, บอกฉันมาเดี๋ยวนี้นะ, ว่านี่มันเรื่องอะไรกัน? ทำไมเธอถึงเปิดเผยข้อมูลของแขกกัน? เธอก็รู้กฏของโรงแรมของเราดีไม่ใช่เหรอ ว่าเธอจะต้องเก็บข้อมูลของแขกไว้เป็นความลับน่ะ?”
“หัวหน้าหลิวคะ, เขาเป็นใครกันเหรอคะ? หนูไม่รู้จักเขาเลยค่ะ ข้อมูลอะไรของเขาถูกเปิดเผยเหรอคะ?”
“คุณกล้าที่จะบอกอีกเหรอว่าไม่รู้จักผม ทั้งๆที่เธอเป็นคนจัดการเรื่องห้องพักให้ผมเมื่อคืนนี้ ถ้าไม่ใช่เธอเอาข้อมูลของผมไปเปิดเผย, จะมีนักข่าวมารุมล้อมข้างนอกแบบนี้ได้ยังไง?”
“อ๊ะ! นักข่าว, หัวหน้าหลิวคะ, หนูไม่ได้บอกใครเลยจริงๆนะคะ หนูบอกแค่ผู้จัดการซุ่ยคนเดียวเองนะคะ”
“เห็นมั๊ย?, ผมบอกแล้วไงว่าโรงแรมของคุณปล่อยข้อมูลของผมออกไป, คราวนี้ผมจะทำยังไงดีล่ะเนี่ย?”
ในตอนนี้, อู๋ฮ่าวเหริน, ผู้ที่ได้นอนหลับอย่างสบาย, ก็ได้ออกมาจากลิฟท์พร้อมกับกระเป๋าเดินทาง
โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าอะไรเกิดขึ้นด้านนอก แล้วเขาก็พูดขึ้น, “เช็คเอาท์ครับ, อ้าวคนหายไปไหนหมด?”
———————