CF:บทที่ 173 ใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์
การแก้ไขปัญหาเรื่องขาดแคลนไฟฟ้าได้ถูกแก้ไขไปแล้ว, แต่ยังมีปัญหาของเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆตามจำนวนผู้ใช้ที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเช่นกัน
ณ เวลานี้, ทั้งโรงพยาบาลและบริษัทผลิตเครื่องมือการแพทย์นั้น ต่างสามารถพูดได้ว่า พวกเขานั้นเกลียดอู๋ฮ่าวเหรินแห่งฟิวเจอร์กรุ๊ป
รายได้จากการตรวจโรคที่โรงพยาบาลลดลง, และตอนนี้ผู้ป่วยก็ไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆอีกต่อไป มีคนจำนวนมากที่ส่งผลการวินิจฉัยร่างกายของตัวเองมายังเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งในเว็บบอร์ดนั้นมีคนที่พอจะรู้เรื่องยาอยู่บ้างและช่วยทำการวินิจฉัยโรคให้
ผลคือทำให้งานของหมอจอมปลอมถูกตัดออกไปเลย เมื่อผู้ป่วยพบว่าหมอที่ทำการวินิจฉัยโรคนั้นเล่นใหญ่มากเกินไป, พวกเขานั้นชอบที่จะพยายามหาเรื่องให้ต้องจ่ายค่าตรวจเพิ่มมากขึ้น, เปลี่ยนหมอที่ตรวจบ้างล่ะ, ต้องวินิจฉัยซ้ำบ้างล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น, ในเว็บบอร์ดของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น, ก็มีบางคนได้จัดอันดับของโรงพยาบาลทั้งหมดเอาไว้, ซึ่งเป็นพนักงานฝ่ายI.T.ของบริษัทเองที่เป็นคนทำฟังชั่นนั้นขึ้นมา
ตราบเท่าที่ผู้ป่วยเหล่านั้นได้โพสท์อาการและผลการรักษาของเขาไว้ อุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดจะทำหน้าที่ตัดสินการให้คะแนนคุณภาพโดยยึดตามข้อมูลที่รวบรวมมา
นอกจากนี้, ยังมีคนบางคนในเว็บบอร์ดได้เรียกร้องขอให้ฟิวเจอร์กรุ๊ปเปิดหมวดการพยาบาลขึ้นในเว็บบอร์ด และให้ผู้ที่มีใบอนุญาตประกอบโรคศิลป์มาดูแลหมวดนั้น
ถ้าเป็นแบบนั้น, พวกเขาจะได้ถามหมอเกี่ยวกับอาการและปัญหาที่จะเกิดขึ้นของพวกเขา จากผลการวินิจฉัยที่โพสท์ลงในเว็บบอร์ด
และมีบางคนได้ผลักดันให้ทำระบบฐานข้อมูลการรักษาขึ้นมาซึ่งอู๋ฮ่าวเหรินเองก็เคยตั้งใจที่จะทำแต่แรกแล้ว ถ้ามีระบบฐานข้อมูลเช่นนี้ขึ้นมา เมื่อนำมารวมกับผลการวิจัยแล้ว จะทำให้บางโรงพยาบาลต้องลดการจ้างหมอได้เลยทีเดียว
แต่ด้วยในปัจจุบัน, มันเป็นไปไม่ได้เลยที่อู๋ฮ่าวเหรินนั้นจะเปิดระบบฐานข้อมูลที่ว่าได้ ถึงแม้เขาจะเคยคิดเรื่องนี้ก็ตาม, แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีโรงพยาบาลไหนยอมส่งมอบข้อมูลผลการตรวจรักษาให้กับบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเป็นแน่
แต่ทว่า, อู๋ฮ่าวเหรินเองก็เห็นด้วยกับการที่จะจ้างหมอที่มีใบประกอบโรคศิลป์มาประจำเว็บบอร์ด, อย่างน้อยพวกหมอที่มีความสามารถจะได้ไม่ถูกฝังจมดินไป
คำถามตอนนี้คือ หมอที่จะมาทำการวินิจฉัยนั้นทางบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปจะเป็นคนจ่ายเงินเอง หรือจะให้หมอพวกนั้นคิดเงินเป็นเคสๆไปดี
“การประชุมของเราวันนี้ จะคุยกันถึงเรื่องการที่จะเปิดหมวดการพยาบาลขึ้นมาในเว็บบอร์ดของเรา ปัญหาคือเราจะจ้างหมอมาเอง, หรือจะเปิดให้พวกหมอเข้ามาวินิจฉัยเองและให้พวกเขาคิดค่ารักษากันเองดี? ช่วยคิดกันหน่อยนะ”
หัวหน้าคะ, ฉันคิดว่าน่าจะเป็นการดีกว่าที่จะหมอพวกนั้นตรวจวินิจฉัยและคิดค่ารักษากันเองค่ะ พวกเราจะทำหน้าที่แค่เป็นผู้ให้บริการสถานที่และให้การควบคุมดูแลเท่านั้น, ซึ่งจะช่วยลดปัญหามากมายที่จะตามมาค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นถ้าพวกเขาคิดค่าการรักษาด้วยตัวเองแล้ว พวกเขาทำมากก็ได้มาก ทำน้อยก็ได้น้อย ยิ่งพวกเขาทำงานเยอะเท่าไร จำนวนผู้ป่วยที่จะมาขอให้วินิจฉัยก็จะเพิ่มขึ้นมากเท่านั้นค่ะ”
“ผมเองก็คิดเหมือนกันครับ ถ้าเราให้หมอทำการตรวจวินิจฉัยและคิดเงินด้วยตัวเอง “สิ่งที่เราจะต้องทำก็จะมีแค่ตรวจสอบหมอเหล่านี้เท่านั้นเองครับ,
เพื่อให้มั่นใจได้ว่าพวกเขาจะได้ไม่วินิจฉัยมั่ว, และมันจะดีมากถ้าได้หมอที่ประกอบวิชาโรคศิลป์ที่ได้มาตรฐาน”
“…”
หลังจากที่ฟังคำตอบแล้ว, 80%ของพวกเขาคิดว่าจะเป็นการดีกว่าที่จะให้พวกหมอนั้นคิดค่ารักษากันเอง
“ถ้าอย่างนั้นก็มาเปิดรับอาสาสมัครหมอที่มีใบอนุญาติประกอบโรคศิลป์กันเถอะ, และแจ้งกฏและขั้นตอนการตรวจใบอนุญาตไว้ด้วย เช่นเดียวกับราคามาตรฐาน, ระดับความน่าเชื่อถือ, และเอกสารรับรองด้วย แผนกฝ่ายI.T.ฝากจัดการเรื่องนี้และเผยแพร่เรื่องหมวดพยาบาลให้ด้วย”
ผู้คนจากแผนกI.T.ที่ทำหน้าที่ดูแลเว็บไซต์ก็ผงกหัวรับ ซึ่งแผนกที่ดูแลเว็บไซต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปเองก็มีหน้าที่ดูแลเว็บบอร์ดอยู่แล้วด้วย
ไม่นานนักข่าวนี้ก็ได้ถูกประกาศไว้ในเว็บไซต์ของบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป ซึ่งดึงดูดให้ผู้คนมาสนใจในทันที
“ฮ่าๆ, พวกเขาเปิดรับหมอมีใบอนุญาตแล้ว ต่อไปข้าก็ไม่ต้องกังวลเรื่องจะไม่มีใครตอบกระทู้ในอนาคตแล้ว”
“แต่ดูเหมือนจะต้องเสียค่าบริการเพิ่มเติมด้วยนะ”
“ก็แล้วแต่คุณ, คุณจะไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปหาหมอที่ไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติมก็ได้, ทางนั้นอุตส่าห์หาหมอมาให้แล้ว, แน่นอนว่าเขาจะต้องขอเก็บค่าบริการด้วยอยู่แล้ว แล้วก็ไม่ได้เก็บเยอะด้วย แค่ประมาณ 10-50 หยวนเท่านั้นเอง”
“ผมไม่รู้ว่า ผมจะเอาความรู้หมอแบบครึ่งๆกลางๆของผมไปสมัครที่คุณว่ามาได้รึเปล่านะ ถ้าเกิดเข้าไป ผมก็อาจจะทำเงินได้บ้างก็ได้”
“ตราบเท่าที่ไม่ได้ทำใบอนุญาตปลอมขึ้นมาล่ะนะ ดูจากกฏก็น่าจะรู้แล้วล่ะอย่าหาเรื่องใส่ตัวละกัน”
มีบางคนที่พบว่ากฏที่ตั้งโดยอู๋ฮ่าวเหรินนั้น คือกฏที่เข้มงวดมาก สำหรับใครที่คิดเล่นตุกติกก็โชคไม่ดีแล้วล่ะ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการมีใบประกอบโรคศิลป์
ยิ่งไปกว่านั้น, เงินที่ได้รับมาจะยังไม่จ่ายเข้าบัญชีของหมอในทันที แต่จะรอจนกว่าจะถึงท้ายเดือน ถ้ามีหมอคนไหนวินิจฉัยโรคผิดเยอะมากล่ะ เงินก็จะอดไป, และยังถูกจดลงในแบล็คลิสท์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปอีกด้วย
“ผมลองด้วยดีกว่า! ผมก็มีใบอนุญาตนะ ถึงจะเป็นใบอนุญาตประกอบวิชาชีพบัญชีก็เถอะนะ”
“ช่างกล้าอวดนะ ฉันเพิ่งไปลองมาเมื่อกี้ ฉันไม่เข้าใจแบบทดสอบเลยซักนิด ถ้าคุณไม่รู้เรื่องยาเลย, คุณก็ไม่ผ่านการทดสอบหรอก สุดท้ายแล้วก็ต้องใช้ใบประกอบโรคศิลป์อยู่ดี
“ฮะฮ่า, ผมผู้สืบทอดแพทย์แผนจีนโบราณ ผมเคยเรียนจากคุณปู่ของผมมาก่อน แต่ต่อมาผมคิดว่าแพทย์แผนจีนไม่น่าจะรุ่งเลยไปเรียนเศรษฐศาสตร์ก็เถอะ แต่อย่างน้อยผมก็มีใบอนุญาตแพทแผนจีนโบราณนะ”
“คุณนี่ทำสมบัติของตระกูลเสียของไปจริงๆ แพทย์แผนจีนไม่ดูรุ่งก็จริง เป็นเพราะมีหมอแผนจีนจำนวนมากมายได้พังชื่อเสียงของแพทย์แผนจีนไป ส่วนกรณีของนายน่ะเหรอ ถ้านายเป็นไม่ได้ทั้งแพทย์แผนจีนและนักเศรษฐศาสตร์ ก็เป็นได้แค่ไอ้โง่คนนึงเท่านั้นแหละ”
มีคนจำนวนมากมายที่พยายามผ่านการทดสอบหมอ, แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ทำสำเร็จ การที่พวกเขาจะผ่านการทดสอบได้นั้น, พวกจะต้องตอบคำถามที่เกี่ยวกับการแพทย์ต่างๆนา
ปัญหาทุกข้อมีเวลาให้จำกัด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้คุณแก้ปัญหาด้วยวิธีอื่น ยิ่งไปกว่านั้นการทดสอบนั้นจำเป็นต้องใช้กล้องวิดีโอจับและบันทึกภาพด้วย ด้วยกำลังทรัพย์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร และทำให้คุณไม่สามารถหนีไปไหนตามต้องการด้วย
ในตอนค่ำ, มีจำนวนผู้เข้ารับการทดสอบมากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักศึกษาแพทย์จริงๆหรือไม่ก็คนที่กำลังเรียนแพทย์ ถ้าพวกเขาต้องการที่จะรู้ความสามารถของตัวเอง ก็มาลองทำแบบทดสอบนี้ได้
“จี้, สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”
“มีผู้เข้าร่วมการทดสอบอยู่ที่ 25,861 คน, แต่มีที่ผ่านการทดสอบเพียงแค่ 329 คน คิดเป็นอัตราส่วน 1.27% “
ไม่เลวๆ ตอนนี้, มีพวกคนมากมายมาเข้าร่วมเต็มไปหมด เชื่อว่าในไม่กี่วันนี้ จะต้องมีคนมาเข้าร่วมมากมายอีกอย่างแน่นอน
มีเรื่องที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่ทราบในตอนนี้คือ หลังจากที่เขาประกาศเรื่องของหมวดพยาบาล กระทรวงสาธารณสุขก็ได้เริ่มการประชุมขึ้นพอดี
ต่อให้ไม่มีระบบนี้ รายได้ของโรงพยาบาลนั้นก็ลดลงเรื่อยๆอยู่แล้ว ถ้าเมื่อไรที่ระบบนี้เปิดให้บริการแล้ว ผู้ป่วยจะต้องไปใช้บริการการวินิจฉัยโรค ออนไลน์แน่นอน
ด้วยเหตุการณ์นี้จะชักนำให้ผู้ป่วยที่มีอาการเพียงเล็กน้อยไม่มีอะไรสาหัส ไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาลอีกต่อไป ในเมื่อพวกเขาสามารถวินิจฉันโรคผ่านอินเตอร์เนทได้ แล้วค่อยไปหาซื้อยามารักษาเองได้
สำหรับพวกเภสัชกรที่ขายยาตามเคาเตอร์, นี่เป็นโอกาสที่ดีที่บทบาทของพวกเขาจะมีมากขึ้น
“โครงการที่เปิดโดยบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปนี่มันช่างดีต่อผู้ป่วยจริงๆนะ แต่ปัญหาจะตกไปอยู่ที่รายได้ของโรงพยาบาลที่ตกลงเรื่อยๆนี่สิ”
“ใช่, ถึงแม้มันจะช่วยลดระยะห่างจากหมอและผู้ป่วยได้ก็จริง, แต่โรงพยาบาลจำนวนมากก็ไม่สามารถที่จะยืดหยัดต่อไปได้เช่นกัน”
ในอดีต, แค่เรามีอาการเป็นไข้หวัด เราก็ต้องไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการแล้ว แต่เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของฟิวเจอร์กรุ๊ปที่ทำให้ อาการเจ็บป่วยเล็กน้อยทั้งหลาย ทำให้ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลอีกต่อไป
“จริงแล้ว, พวกเรากำลังเข้าใจอะไรผิดๆกันอยู่หรือเปล่า?”
“มันมีอะไรงั้นรึ?”
“ก็หมวดการรักษาของเขา, มันเสียค่าใช้จ่ายน่ะสิ หรือจะให้พูดก็คือ, ผู้ป่วยแค่เปลี่ยนจากการไปโรงพยาบาลเพื่อไปหาหมอ กลายมาเป็นเข้าอินเตอร์เนทเพื่อไปหาหมอแทนไง ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว ไม่ใช่ว่ารายได้ของหมอจะมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?”
ทุกคนมีสีหน้าที่เปลี่ยนไป หากมาลองคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ก่อนหน้านี้ โรงพยาบาลประสบปัญหาอย่างมากเรื่องการขาดแคลนบุคลากร แต่ตอนนี้ปัญหานั้นได้หายไปแล้ว
เมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณงานของโรงพยาบาลแต่เดิม ในตอนนี้ จำนวนผู้ป่วยในโรงพยาบาลลดลงไป และปริมาณงานก็ลดลงไปด้วย
“ผมว่าพวกเราลองกลับไปคิดเรื่องนี้ดูกันใหม่ดีกว่า แล้วเราค่อยมาประชุมกันใหม่พรุ่งนี้”
กระทรวงสาธารณสุขเองก็พบว่าปัญหาที่เกิดมันผิดไป เขาจะต้องรายงานเรื่องนี้ให้กับผู้บังคับบัญชาต่อไป ในกรณีนี้ปัญหาน่าจะตกไปอยู่ที่สถาบันการแพทย์มากกว่า
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่ได้คาดคิดว่าเว็บบอร์ดหมวดการพยาบาลของเขานั้น จะมีส่วนทำให้สถาบันการพยาบาลแห่งชาติต้องเปลี่ยนไป บางทีในอนาคต, มันจะพัฒนาให้โรคภัยไข้เจ็บเล็กๆจะไม่จำเป็นต้องเข้าโรงพยาบาล จะมีแต่โรคภัยที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยาเท่านั้น ถึงจะต้องไปรักษาที่โรงพยาบาล
————————–