CF:บทที่ 176 ทำธุรกิจใหญ่
ในตอนค่ำ อู๋ฮ่าวเหรินได้เข้าระบบซองแดงและก็พบกับคนที่ไม่โผล่หัวมาเลยในช่วงที่ผ่านมานี้ และดูเหมือนพวกเขากำลังคุยกันอย่างมีความสุขกันอยู่
“พวกคุณไม่ได้เข้าระบบซองแดงกันเลยนะช่วงนี้ หายไปทำอะไรกันมางั้นรึ?”
“พ่อค้าของเก่ามาแล้ว…ก็นะใครจะไปมีเวลาเข้าระบบซองแดงในช่วงที่มีการแข่งขันจัดอันดับกองกำลังของสหพันธรัฐจักรวาลกันเล่า?”
อู๋ฮ่าวเหรินถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาไม่รู้เลยว่ามันคือการแข่งขันอะไร
ขณะที่เขากำลังจะถามนั้นเอง, มนุษย์ชุดเกราะก็ได้โยนวิดีโอมาและพูดขึ้น “น่าเสียดายนะ, ถ้าเจ้าเทพสายฟ้านั่นสามารถกำจัดพวกที่มาจากอารยธรรมเทียนเฉินได้นะ, ทั้งห้าคนของอารยธรรมมนุษย์คงจะติดอันดับกำลังรบสูงสุดทั้งหมดไปแล้ว
“ก็ไม่เถียงหรอก, หมอนั่นมันดันโชคไม่ดี, โดนคนจากอารยธรรมเทียนเฉินคุมเกมส์ไว้อยู่หมัดเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินก็พบว่าน่าจะเป็นการแข่งขันเพื่อหาอารยธรรมที่แข็งแกร่งที่สุดในอวกาศในอนาคต, รวมถึงเป็นการแสดงศักยภาพของเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของกองกำลังในแต่ละอารยธรรมด้วย
บ้าจริง, คนพวกนี้ถ้ามาที่โลกตอนนี้คงจะสามารถทำลายล้างสิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกได้อย่างง่ายดายแน่ๆ
เขาส่ายหัวและมองดูการต่อสู้ในวิดีโอต่อไปอย่างอิจฉา เขานั้นไม่คิดที่จะดาวน์โหลดวิดีโอ เพราะมันเป็นเรื่องที่ไกลตัวเกินไปสำหรับเขา
จากวิดีโอ, เขาพบผู้คนในยุคสมัยนั้น, ไม่ว่าจะมีเทคโนโลยีที่สุดยอดเพียงใด หากต้องการที่จะแข็งแกร่งแล้วล่ะก็, พวกเขาจำเป็นที่จะต้องพัฒนาร่างกายของพวกเขาให้แข็งแกร่งขึ้นในระดับหนึ่งก่อน
เพราะในการต่อสู้แบบนี้นั้น, ถ้าร่างกายไม่แข็งแกร่งเพียงพอแล้ว, แม้อุปกรณ์จะแข็งแกร่งเพียงใด มันก็จะไม่ส่งผลอะไรอยู่ดี
“จะว่าไปพวกคุณพอจะรู้บ้างมั๊ยว่านักร้องดังหลิงหยิ่งอยู่ที่ไหนตอนนี้ พวกคุณพอที่จะติดต่อเธอให้ผมหน่อยได้ไหม? ผมมีบางคำถามที่อยากจะถามเธอ”
“มิสเตอร์เรดาร์, มิสเตอร์เรดาร์ ออกมาหน่อยซิ ดูเหมือนพ่อค้าของเก่าจะอยากไล่ตามจีบเทพธิดาขึ้นมาแล้วล่ะ”
“มาแล้ว, มาแล้ว, พอดีฉันมีงานเข้ามาพอดี พ่อค้าของเก่า, คุณกำลังตามหาหลิงหยิ่งอยู่สินะ ฉันได้บอกเธอเรื่องที่คุณตามหาเธอไปแล้ว แต่ดูเหมือนเธอจะไปที่อารยธรรมชั้นสูงแล้ว เธอน่าจะยังไม่กลับมาซักพัก”
“ถ้างั้นคุณพอจะรู้มั๊ยว่า เธอกำลังจะทำอะไร?”
“ฉันก็ไม่รู้หรอกนะ ฉันเองก็อยากถามคุณเหมือนกันว่า, เธอตามหาคุณตอนนั้นทำไม? และหลังจากที่เธอได้พบกับคุณ, ฉันก็ได้ยินมาว่าเธอได้ทะเลาะกับคุณปู่ของเธอ, ท่านเทพสงคราม และจากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปยังอารยธรรมชั้นสูง”
อู๋ฮ่าวเหรินได้ตกใจขึ้นมาตอนนั้น ดูเหมือนที่เขาคิดว่าจะต้องมีอะไรที่ผิดพลาดกับข้อมูลพวกนั้น ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่ช่วยคุณปู่ของเธอตามหาสมบัติอะไรบางอย่างของตระกูลหลิงของพวกเขาแค่นั้นเอง แต่น่าเสียดาย,
ที่ผมไม่ได้พบอะไรเลย”
“เลิกคุยกันเรื่องพวกนี้กันเถอะ จำเรื่องที่จะอัพแพทช์ระบบซองแดงได้มั๊ย, ฉันได้ยินเรื่องนี้มาตอนช่วงที่มีการแข่งขันอยู่, เจ้าพวกบ้าในเทียนหยูกรุ๊ปได้บรรลุข้อตกลงกับอารยธรรมอื่นๆแล้ว และบอกว่าจะมีพวกอารยธรรมชั้นสูง 2 อารยธรรมมาเข้าร่วมด้วย อย่างไรก็ตาม, เมื่อพวกเขาเข้ามาแล้ว ก็ดูเหมือนพวกเขาจะถูกจัดให้อยู่ในเลเวลสูงสุดเลย และจะไม่โผล่ในกลุ่มเลเวลต่ำด้วย”
“เอ้า, มองดูคนที่เชื่อมต่อเข้ามาใหม่นั่นสิ พวกเขาคงจะเต็มไปด้วยความอิจฉากันหมดแล้ว”
“พอเถอะ, ถึงแม้จะมีเลเวลสูงสุดตอนนี้ก็ตาม, และเข้ากลุ่มพวกเลเวลสูงๆได้ ก็คงได้แต่มองซองแดงของพวกนั้นอย่างน้ำลายไหลอยู่ดี”
สุดหล่อโคตรเจ๋งก็ร้องไห้ออกมาและพูดขึ้น “มันก็จริงอยู่ว่าถ้าคุณไม่มีเหรียญพลังงาน, แต่เมื่อใดที่คุณได้เข้ากลุ่มพวกเลเวลสูงๆแล้ว, คุณจะพบซองแดงมากมายที่คุณต้องการจะฉกนั้น แต่ทำได้แต่ยืนมองน้ำลายไหลเท่านั้น”
มิสเตอร์เรดาร์ก็พูดขึ้นมาบ้าง: “ฉันเองก็พอจะเข้าใจอยู่นะว่า มีพวกเศรษฐีใหม่อยู่มากมายในกลุ่มเลเวลสูงๆ ฉันเองก็เคยเจอนายน้อยแห่งพลังงานพาณิชย์, ซึ่งหมอนั่นน่ะเป็นพระเจ้าตัวจริงเลย ทุกครั้งที่มีการส่งซองแดงมาจากเขา, ก็มีแต่คนได้แต่จ้องมองซองแดงนั้น แต่น่าเสียดาย, เพราะไม่มีเหรียญพลังงานพอที่จะฉกซองแดงนั้นมาได้”
หลังจากที่ได้ยินที่คนพวกนี้พูดแล้ว, อู๋ฮ่าวเหรินจะรู้สึกอย่างไร? หนทางการอัพเกรดของเขาก็ช่างมืดมนเหลือเกิน เขาได้แต่หวังว่าการอัพแพทช์ในครั้งนี้, ระบบซองแดงนั้นจะยกระดับค่าเหรียญพลังงานของวัตถุโบราณให้สูงขึ้น
มิฉะนั้นแล้ว, มันคงจะเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะอัพเกรดซองแดงได้จากทรัพยากรที่มีบนโลก เว้นแต่เขาจะสามารถหาทรัพยากรในจักรวาลได้
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องนี้สักพัก, อู๋ฮ่าวเหรินก็ถอนตัวออกมา คนพวกนี้พูดคุยกันในเรื่องที่ลึกเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจ, ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกว่าความสำเร็จเล็กๆของเขาในตอนกลางวันนั้นได้หายไปเลย
————————————————————
เมื่อเขามาถึงที่บริษัทในเช้าวันต่อมา, เขาก็ได้ยินข่าวดีว่า วัตถุดิบที่เขาต้องการนั้นได้ถูกส่งมาถึงแล้ว
อู๋ฮ่าวเหรินได้เอาเอกสารที่เขาได้มาจากจื่อหยงเมื่อวานนี้ให้ลู่เผิงเฟยดู, ในอนาคต เมื่อเขาต้องการที่จะถามหาวัตถุดิบอื่นจากทางรัฐ ตราบเท่าที่ไม่ใช่วัตถุดิบที่พิเศษมากเกินไป, ทางรัฐก็จะไม่เข้ามาควบคุมวัตถุดิบนั้น
จากบริษัทชั่วคราวไปยังโรงงาน, เป็นอีกครั้งที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ขังตัวเองอยู่ในห้องแล็บและเริ่มการทดลองวัตถุดิบในอุณหภูมิที่ต่างกัน
มีบางผลการทดลองที่จำเป็นต้องปลอมขึ้นมาเอง, เพื่อกันไม่ให้คนอื่นสงสัยเมื่อได้เห็นผลการวิจัย
ดังนั้น, ในวันนี้ทั้งวัน, โดยเฉพาะตอนชั่วโมงสุดท้าย, อู๋ฮ่าวเหรินจะต้องสร้างวัตถุดิบทำไฟฟ้าที่เกิดจากความร้อนขึ้นมา, และจัดการทดลองต่างๆกันขึ้นมาตามการคำนวณของจี้
เมื่อเขาออกมาจากห้องแล็บ, อู๋ฮ่าวเหรินก็โทรศัพท์หาลู่เผิงเฟยและบอกให้เขาตามใครบางคนให้กลับมาที่บริษัทให้ด้วย, เช่นพี่หลิวและพวกพนักงานการเงิน
“พี่หลิวครับ, ตอนนี้บริษัทมีเงินอยู่เท่าไรครับ?”
“มากกว่า 8ล้านล้านหยวนค่ะ”
พี่หลิวพูดขึ้นอย่างตั้งใจ ทำให้ผู้คนในห้องประชุมตอนนี้ต่างก็สูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พวกเขาสามารถมีเงินมากขนาดนี้ได้อย่างไร?
เมื่อเห็นอาการของแต่ละคน, หลิวเมย์หรูก็อธิบาย: “5ล้านล้านหยวนได้มาจากอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด โดยมี 4ล้านล้านหยวนที่ได้มาจากยอดการสั่งจองในต่างประเทศและเมื่อรวมกับในประเทศก็จะได้ร่วมๆ 5ล้านล้านหยวน และส่วน 3ล้านล้านหยวนที่เหลือมาจากเงินปันผลกำไรที่ทางรัฐได้ให้กับบริษัทของเราเป็นค่าของวัสดุเส้นใยพืช ซึ่งฉันเองก็ไม่ค่อยมั่นใจกับเรื่องเงินในส่วนนี้ หัวหน้าน่าจะรู้ดีกว่าค่ะ”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูโทรศัพท์มือถือที่อยู่ที่ข้อมือของเขา, และจี้ก็ได้บอกเขาเป็นคำตอบเดียวกัน ซึ่งเงินปันผลกำไรของวัสดุเส้นใยพืชนั้นจะสามารถรู้ได้ชัดเจนก็หลังจากที่ทางประเทศได้เริ่มดำเนินการแล้ว
“มากกว่า 8ล้านล้านหยวนสินะ ถ้าเช่นนั้น เดี๋ยวผมจะเรียกทีหลังนะ ลู่เผิงเฟย, คนไปแจ้งทุกคนในแผนกจัดซื้อให้เตรียมพร้อมนะ เวลานี้พวกเราจะทำธุรกิจใหญ่กันแล้ว”
เขามองดูผู้คนในแผนกการเงินและพูดขึ้น “พวกคุณจะต้องร่วมมือกับพี่หลิว พวกเราจะโอนเงินทั้งหมดไปยังต่างประเทศเพื่อซื้อวัตถุดิบบางอย่างเข้ามา จำไว้ด้วยว่า นอกจากเงินที่ต้องจ่ายเป็นเงินเดือนให้กับทุกคนในเดือนหน้าแล้ว, เงินทั้งหมดจะต้องถูกนำไปใช้ซื้อวัตถุดิบพวกนี้”
“แล้วก็คุณ, ลู่เผิงเฟย งานนี้คงต้องเหนื่อยคุณหน่อย ตราบเท่าที่วัตถุดิบพวกนี้ไม่สูงเกินราคาที่ผมคาดการณ์ไว้คุณก็ซื้อมาได้เลย และจำไว้ด้วยว่า, จะต้องทำให้ไวที่สุด ก่อนที่ประเทศพวกนั้นจะไหวตัวทัน พวกเราจะเปลี่ยนเงินของบริษัทเราทั้งหมดให้เป็นวัตถุดิบพวกนี้”
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินกำลังเดินออกจากห้องประชุม, เขาก็หันกลับมาและพูดแบบติดตลก “แล้วก็นะ, ถ้าพวกคุณอยากจะได้เงินเพิ่ม, พวกคุณจะร่วมลงทุนในส่วนนี้ด้วยก็ได้นะ ผมไม่มีปัญหา, พวกคุณอาจจะได้เงินคืนกลับมาซัก 2-3 เท่าก็เป็นได้”
ผู้คนในห้องประชุมต่างก็รู้สึกสับสนไปหมด พวกเขามองดูหัวหน้าเดินออกไป และรู้สึกราวกับว่าวันนี้เป็น “วันเมษาหน้าโง่” ยังไงอย่างงั้น
ลู่เผิงเฟยมองมาที่หลิวเมย์หรูและถาม, “ทำอย่างไรต่อดี พี่หลิว?”
“ก็ทำไปตามที่หัวหน้าบอกนั้นแหละค่ะ นอกจากนี้, ใครที่ต้องการทำเงินตามที่หัวหน้าบอกมา พวกคุณก็ไปหาเงินมาร่วมลงทุนได้เลย แต่ต้องระวังไม่ให้ข่าวรั่วไหลออกไป พวกคุณน่าจะรู้สัญญาของบริษัทกันดีอยู่แล้ว”
อู๋ฮ่าวเหรินที่ออกมาจากห้องประชุมแล้ว ก็ได้โทรไปหาจื่อหยงหลังจากที่เขาเดินมาถึงห้องของเขา
“มีธุระอะไรงั้นรึ? ถึงได้โทรมาหาฉันเวลานี้”
“เรื่องใหญ่เลยล่ะ, ผมต้องการที่จะใช้เงินทั้งหมดของบริษัทในการซื้อวัตถุดิบอย่างหนึ่ง บอกเบื้องบนด้วยว่า อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้ และจะดีมากถ้าคุณจะช่วยเปิดช่องทางพิเศษให้ผม, เวลาค่อนข้างกระชั้นชิดมาก, และจำนวนเงินก็มากด้วยประมาณ 8ล้านล้านหยวน ซึ่งน่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายใน 2 วัน”
จื่อหยงถึงกับนิ่งไปพักหนึ่งในทันที เขารู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นรวยมาก และเมื่อได้ยินเรื่องเงิน 8ล้านล้านหยวน ก็ทำให้เขารู้สึกกลัวขึ้นมา
“จะบ้าเรอะ, แกกำลังทำบ้าอะไรอยู่เนี่ยเจ้าหนุ่ม? ใช้เงิน 8ล้านล้านหยวนในการซื้อวัตถุดิบเนี่ยนะ แกเป็นบ้าไปแล้วเรอะ?” จื่อหยงพูดตอบกลับไปด้วยอารมณ์ที่ตื่นตะลึง
“ผมไม่ได้บ้า คุณเคยบอกผมใช่ไหม ว่าตอนนี้สถาบันวิจัยของคุณกำลังขาดแคลนเงิน? ผมจะบอกให้คุณฟรีๆเลย คอยดูว่าบริษัทของผมซื้อวัตถุดิบอะไร, แล้วคุณก็เอาเงินในสถาบันของคุณซื้อวัตถุดิบนั้นตาม, แล้วขอให้มั่นใจเลยว่าคุณจะได้เงินคืนกลับมาเป็นสองเท่า”
“แล้วก็, ตอนที่คุณรายงานเรื่องนี้ให้กับเบื้องบน, บอกพวกเขาไปว่าผมไม่สนเรื่องวัตถุดิบในประเทศ แต่ผมจะซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ, ดังนั้นพวกเขาห้ามเข้ามายุ่งเด็ดขาด มิฉะนั้นแล้ว วัตถุดิบพวกนี้มันจะพังคามือของคุณ แล้วอย่ามาโทษผมว่าผมไม่ได้เตือนคุณแล้วนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้กังวลเรื่องที่ทางประเทศจะทำอะไรลับหลังเขา อย่างไรก็ตาม, พวกบริษัทที่มีวัตถุดิบพวกนี้เก็บไว้เยอะๆได้ถูกทำเครื่องหมายไว้ในรายชื่อที่จะซื้อวัตถุดิบไว้แล้ว, ลู่เผิงเฟยก็ได้นำพาทีมของเขา ไปคุยกับบริษัทเหล่านั้น กว่าที่พวกนั้นจะไหวตัวทัน, พวกเขาก็น่าจะได้วัตถุดิบที่พวกเขาต้องการจะซื้อแลกกับเงินทั้งหมดของบริษัทแล้ว
——————————–