CF:บทที่ 177 ยุคของพลังไฟฟ้าจากความร้อน
ถึงแม้โทรศัพท์จะวางสายไปแล้ว แต่จื่อหยงยังคงยืนค้างกับโทรศัพท์ที่ยังคาอยู่ในมือของเขา, รู้สึกราวกับว่าเมื่อกี๊นี้เขาแค่ฝันไปเท่านั้น
จากนั้น, เขาจึงรีบโทรไปรายงานให้เบื้องบนทราบ, ซึ่งเรื่องนี้มันเป็นเรื่องใหญ่และต้องเป็นที่ฮือฮาอย่างมากแน่
“คุณว่าอะไรนะ? คุณไม่พูดเล่นใช่มั๊ย? เจ้าหนูนั้นต้องการที่จะนำเข้าวัตถุดิบด้วยเงิน 8ล้านล้านหยวน!”
“โอเค, โอเค, เข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะไปรายงานเรื่องนี้ให้เอง”
เลขาธิการรู้สึกเหลือเชื่อมาก เพราะเขาเพิ่งจะเข้าประชุมเพื่อถกกันถึงเรื่องปฏิรูปการพยาบาลไปไม่นาน แล้วตอนนี้คนๆนั้นก็เริ่มคิดที่จะทำอะไรบางอย่างอีกแล้ว
เขารีบออกไปข้างนอกและและขับรถไปที่บ้านของท่านผู้นำ
“เสี่ยวหลี, ท่านผู้นำอยู่ที่บ้านมั๊ย?”
“อยู่ครับ, ท่านเพิ่งกลับมาเมื่อสักครู่นี้เองครับ น่าจะกำลังทานอาหารอยู่”
เมื่อเห็นเลขาธิการเดินมา, ท่านผู้นำจึงถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นรึไง?”
“ลูกน้องของผมเพิ่งรายงานเข้ามาว่าประธานบริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ปเพิ่งจะโอนเงินจำนวน 8ล้านล้านหยวนของบริษัทไปยังต่างประเทศเพื่อกว้านซื้อวัตถุดิบครับ”
“อืมม”
ท่านผู้นำชำเลืองมองเล็กน้อย, แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตกใจอะไร ราวกับว่าเขาได้รับรู้ข้อมูลนี้ของฟิวเจอร์กรุ๊ปมาก่อนแล้ว
“มีอะไรเพิ่มเติมอีกไหม?”
“มีครับ, เขาบอกว่าเขาจะไม่ซื้อวัตถุดิบในประเทศครับ, แล้วตอนที่เขากว้านซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศนั้น, พวกเราก็ห้ามมาขัดขวางเขาครับ”
ท่านผู้นำผงกหัวและพูดขึ้นพร้อมกับยิ้ม: “ดูเหมือนเจ้าหนุ่มนั่นจะเคลื่อนไหวครั้งใหญ่อีกแล้ว สำหรับเรื่องเงิน, ก็ให้ลูกน้องของคุณขยับมือขยับเท้าทำงานที่เป็นความความลับกันซักหน่อยละกัน อย่าปล่อยให้ต่างประเทศรู้ได้ว่าเงินที่ใช้จ่ายออกไปนี้เป็นของบริษัทนั้นเด็ดขาด, แล้วก็ช่วยพวกเขาปกปิดเรื่องการสั่งซื้อวัตถุดิบด้วยแล้วกัน”
“แล้วพวกเราควรจะเตรียมการอะไรในประเทศไว้ไหมครับ, ครั้งนี้พวกเราจะเข้าไปร่วมด้วยไหม?”
“นั่นสินะ, ก็คอยดูว่าเจ้าหนุ่มจะนำเข้าวัตถุดิบอะไรบ้าง, ส่วนของในประเทศก็ให้หยุดส่งออกวัตถุดิบนั้นทันที ส่วนของนอกประเทศ, ก็ให้กระทรวงการคลังเตรียมตัวให้พร้อม ข้าเชื่อว่าเมื่อเวลานั้นมาถึง ต่อให้พวกเราไม่พูดอะไร, เขาก็จะส่งสัญญาณมาให้พวกเราเอง”
เลขาธิการคุยกันต่ออีกสักพักแล้วก็กลับไป, ส่วนท่านผู้นำยังคงคิดอยู่ต่ออีกสักพัก เขาอยากรู้ว่าอู๋ฮ่าวเหรินจะทำผลิตภัณฑ์อะไรแปลกๆออกมาอีกกันนะ
ในตอนเช้า ณ บริษัทฟิวเจอร์กรุ๊ป เหล่าพนักงานต่างก็พบว่าผู้คนจากแผนกการเงินและแผนกจัดซื้อได้หายหัวกันไปหมดแต่เช้า
ทำให้หลายคนต่างก็สงสัย,
แต่ถ้าหัวหน้าไม่ได้พูดอะไร, พวกเขาก็ไม่คิดที่จะถามอะไรและทำงานของตัวเองต่อไป
หลิวเมย์หรูและลูกทีมของเธอจากแผนกการเงินทั้งหมด มุ่งหน้าออกเดินทางไปยังเมืองหลวง ส่วนทางด้านของลู่เผิงเฟยและลูกทีมของเขาก็มุ่งหน้าไปตามที่อู๋ฮ่าวเหรินแนะนำเพื่อไปต่อรองกับบริษัทเหล่านั้น และทำสัญญาสั่งซื้อกับพวกเขา
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นได้บอกอย่างชัดเจนแล้วว่าการปฏิบัติการครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว, มิฉะนั้นจะเป็นแบบคราวของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด เป็นเพราะพวกประเทศเหล่านั้น ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับการถูกปฏิเสธนับครั้งไม่ถ้วน
ถึงอย่างนั้น, ก็ยังมีบางคนแอบขึ้นราคาวัตถุดิบอย่างลับๆ แต่โชคยังดีที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ทำสัญญาสั่งซื้อกับประเทศเหล่านั้นไว้ล่วงหน้าแล้ว, การขึ้นราคาวัตถุดิบจึงไม่มีผลอะไรกับเขา
ซึ่งเขาก็รู้ดีว่า เหตุผลของการขึ้นราคาวัตถุดิบนั้นเป็นเพราะบางประเทศอย่างอเมริกาได้ทำการแอบผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดขึ้นมาอย่างลับๆ
ยิ่งไปกว่านั้น, อู๋ฮ่าวเหรินเองก็รู้สึกได้ว่าพวกเขานั้นมีความคิดที่จะผลิตโรงงานในที่ๆสามารถเลี่ยงการละเมิดลิขสิทธิ์ได้
ในสองวันที่ผ่านมาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นนั้น, มีเพียงแผนกบัญชีของหลิวเมย์หรูและแผนกจัดซื้อของลู่เผิงเฟยที่รู้ว่ามีเรื่องที่สุดยอดได้เกิดขึ้นในสองวันนั้น
เงิน8ล้านล้านหยวนในมือของพวกเขานั้น, พวกเขาได้เปลี่ยนไปเป็นกองวัตถุดิบจำนวนมากที่ไม่แม้แต่พวกเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันมีประโยชน์อะไร
ในเวลานี้เอง, ที่กระทรวงที่เกี่ยวข้องของทางรัฐได้รับการบอกใบ้มาจากอู๋ฮ่าวเหรินและพวกเขาก็รู้ดีว่าจะต้องทำเช่นไร
วัตถุดิบทั้งหมดที่อู๋ฮ่าวเหรินหมายตาในประเทศจีนนั้น ได้มีการแจ้งระงับการส่งออกทั้งหมดแล้ว
จากนั้น ในตลาดระหว่างประเทศ, ก็ได้เริ่มดำเนินการ พวกเขาจะต้องดำเนินการให้เร็วที่สุด ก่อนที่การเคลื่อนไหวของเงินในประเทศจะถูกรับรู้ได้โดยต่างประเทศ
และในตอนนี้เอง, จื่อหยงได้เข้าต่อรองกับผู้อำนวยการ, เพื่อเปลี่ยนเงินทุนทั้งหมดของสถาบันวิจัยให้กลายเป็นวัตถุดิบที่อู๋ฮ่าวเหรินต้องการ
“เจ้าหนุ่ม, ถ้าคราวนี้เกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา, ผู้อำนวยการได้ปลดฉันกลางอากาศแน่”
“ไม่ต้องกังวลหรอกน่า, ผมไม่ให้พวกเขาปลดคุณหรอก เผลอๆจะตบรางวัลให้คุณด้วยซ้ำ, มานี่สิ ผมจะให้ดูอะไรที่ผมเพิ่งค้นพบ มันสุดยอดมากเลยนะ คุณจะรู้สึกเบาใจขึ้นมาแน่นอน ถ้าได้เห็นมัน”
อู๋ฮ่าวเหรินพาจื่อหยงไปที่ห้องจัดแสดง ในสองวันที่ผ่านมานี้, เขาได้ทำผลิตภัณฑ์ตัวอย่างขึ้นมา ที่แม้เขาพอได้เห็นมันด้วยตาตัวเอง เขาก็คิดว่ามันน่าทึ่งมาก
“เจ้าสิ่งนี้คืออะไร? มันดูเหมือนตัวเก็บพลังงาน จะบอกว่าเป็นตัวแปลงพลังงานก็ไม่น่าใช่ จะเป็นตัวเก็บพลังงานก็ไม่เชิง?”
มองดูสีหน้าของจื่อหยง, อู๋ฮ่าวเหรินก็แกล้งทำเป็นลึกลับและพูดขึ้น “คุณเคยได้ยินเรื่องเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนมั๊ย?”
“การผลิตไฟฟ้าด้วยความร้อนสินะ, แน่นอน ฉันเคยได้ยินมาบ้าง และตอนนี้พวกเราก็กำลังศึกษาวิจัยกันอยู่”
“ไม่, ไม่, ผมไม่ได้พูดถึงทฤษฎีการผลิตไฟฟ้าด้วยร้อน, แต่ผมหมายถึงเครื่องผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานความร้อนเลยต่างหาก มันสามาถทำงานได้เหมือนกับแผงโซลาร์เซลล์, มันจะรวบรวมพลังงานไว้และปล่อยออกมาเป็นพลังงานไฟฟ้า….”
ตอนแรกจื่อหยงรู้สับสนอยูู่หน่อยๆ แต่เมื่อเขาได้ยินคำอธิบายแล้ว, เขาก็จ้องมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วยสายตาที่เบิกกว้าง
“เจ้าหนุ่ม, อย่าบอกนะว่า, นี่คือสิ่งที่เจ้าเรียกว่า เครื่องผลิตไฟฟ้าจากความร้อนที่ว่า?”
“ใช่แล้ว, อย่ามองผมแบบนั้นน่า เจ้านี่มันคือสิ่งที่คุณคิดนั่นแหละ, และมันจะเป็นยิ่งกว่าที่คุณคิดด้วย เดี๋ยวผมจะทดสอบให้คุณดูและเห็นความสุดยอดของเจ้าสิ่งนี้ ผมต้องการให้คุณเข้าใจว่า ทำไมผมถึงรีบร้อนที่จะเคลื่อนย้ายเงินของผมเป็นจำนวนมาก เพื่อซื้อวัตถุดิบพวกนั้นด้วย”
จื่อหยง, ที่ตอนนี้กำลังทำตัวเหมือนเด็กที่กำลังอยากรู้อยากเห็น, และคอยซักถามอู๋ฮ่าวเหรินเกี่ยวกับเครื่องผลิตไฟฟ้าจากความร้อนและปัญหาด้านเทคนิคที่ยากๆ
มีหลายคนที่มีความคิดเรื่องนี้มาก่อน, แต่ก็ต้องเจอกับปัญหาด้านเทคนิคบางอย่างที่ไม่สามารถแก้ไขได้
“เอาล่ะ, ในขั้นตอนนี้ ผมจะทำให้อุณหภูมิของตัวทำปฏิกิริยาสูงขึ้น, ซึ่งเรียกขั้นตอนนี้ว่าขั้นตอนสะสมพลังงาน แล้วจากนั้น, ผมก็จะเอาตัวทำปฏิกิริยานี้ไปไว้ในที่ๆมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า เพื่อให้พลังงานที่สะสมอยู่ได้ถูกคายออกมา”
ในตอนที่เจ้าเครื่องนี้ถูกขนย้ายกลับมาไว้ที่ห้องจัดแสดงนั้น, สายตาของจื่อหยงจับจ้องมาที่เครื่องวัดอุณหภูมิด้านบนของเจ้าเครื่องนี้ และมาตรวัดพลังงานไฟฟ้าที่อยู่ถัดมาข้างล่าง
เข้ามองเห็นเข็มวัดที่ค่อยๆขยับทีเล็กทีละน้อย, สีหน้าของเขาตอนนี้รู้สึกอัศจรรย์ยิ่งกว่าตอนที่เขาดูอาวุธใหม่ที่ผลิตขึ้นมาในศูนย์วิจัยเสียอีก
“นี่มัน, มันทำได้ยังไงเนี่ย, มันสุดยอดมาก!”
“ข้อเสียของเจ้าเครื่องนี้คือสร้างพลังงานออกมาได้ไม่สูงมากนัก, หลักๆเป็นเพราะมันซึมซับความร้อนจากแสงอาทิตย์ ทำให้มันสะสมพลังงานได้ช้ามาก”
“ถ้าอย่างนั้นคุณเอาเจ้าตัวทำปฏิกิริยานี่ไปรวมกับแผงโซลาร์เซลล์, จะไม่ทำให้มันรวบรวมพลังงานได้เร็วกว่าเหรอ?”
“ไม่ได้หรอก, ตัวทำปฏิกิริยานี้มันถูกเคลือบด้วยสารพิเศษ, ซึ่งถ้าทำแบบที่ว่าแล้ว สารพิเศษที่เคลือบไว้จะถูกทำลาย, และมันจะไม่สามารถที่รวบรวมพลังงานและแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าได้ ถึงแม้ว่าผลของมันจะช้า, แต่มันก็จะให้พลังงานได้สุดยอดมากถ้าสร้างให้มันมีขนาดใหญ่มาก
จื่อหยงคิดว่า เป็นไปได้มั๊ยว่าที่มันน่าจะมีประสิทธิภาพมากกว่าโซลาร์เซลล์? เพราะถึงแม้จะฝนตก, แต่ตราบเท่าที่อุณหภูมิตอนกลางวันกลางคืนมีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ตราบเท่าที่อุณหภูมิสูงลงมาต่ำได้ เจ้าเครื่องนี้ก็จะปล่อยพลังงานออกมาได้เรื่อยๆ
เขารู้แล้วว่าทำไมอู๋ฮ่าวเหรินถึงไม่สามารถรอที่จะซื้อวัตถุดิบนี้ เพราะเมื่อใดที่เรื่องนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกไป, ราคาของวัตถุดิบชนิดนี้จะต้องพุ่งขึ้นติดจรวดแน่นอน
เจ้าสิ่งประดิษฐ์นี้มันจะช่วยแก้ปัญหาเรื่องการขาดแคลนพลังงาน, อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาเรือนกระจกที่เกิดจากอุปกรณ์ทำความร้อนต่างๆ, และยังช่วยรักษาธรรมชาติ
“จะว่าไป, เจ้าตัวทำปฏิกิริยาของเจ้าเครื่องนี้มันจะก่อมลพิษให้สิ่งแวดล้อมมั๊ย?”
“ผมคิดว่าไม่นะ ถึงผมจะยังไม่ได้ทดสอบก็เถอะ, แต่ว่าเจ้าตัวทำปฏิกิริยานี้ผมพบมันตอนที่ผมกำลังพัฒนาระบบการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพอยู่, และพบว่ามันไม่มีปัญหาเรื่องมลพิษ เอางี้, เดี๋ยวผมจะลองทดสอบให้คุณดูละกัน”
อู๋ฮ่าวเหรินแกล้งทำเป็นว่าเขาไม่รู้ และได้ทำการทดลองร่วมกับจื่อหยง
————————————