CF:บทที่ 194 การวิจัยหุ่นยนต์
การทำกำไรได้มหาศาลในครั้งนี้ ก็นำพามาซึ่งเงินโบนัสที่สูงขึ้นของเว่ยหมิงและพรรคพวก ซึ่งจะทำให้พวกเขารู้สึกไม่อยากออกจากฟิวเจอร์กรุ๊ป
เมื่อได้เห็นอนาคตของโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ก็เหมือนเป็นแรงผลักดันของเว่ยหมิงให้เพิ่มขึ้นไปอีก คนๆนี้จึงได้ไปหาอู๋ฮ่าวเหรินที่ออฟฟิศ และอธิบายสถานการณ์การขายให้ฟัง และได้ขอเมล็ดพันธุ์จากอู๋ฮ่าวเหรินเพิ่ม
หลังจากที่ได้รับคำตอบตกลงจากอู๋ฮ่าวเหริน เขาก็บอกว่าจะกลับมาหาที่ออฟฟิศใหม่พรุ่งนี้เพื่อเอาเมล็ดพันธุ์ ก่อนที่จะเขาจะเดินทางออกไปยังที่ว่าการอำเภออีกครั้ง เพราะเขารู้สึกว่าที่ดินที่เคยติดต่อทำสัญญาไว้ครั้งก่อนมันยังน้อยเกินไป เขาจึงตั้งใจที่จะทำสัญญาซื้อที่ดินเพิ่มขึ้นอีก
ในเว็บไซต์ของบริษัทเองได้ประเมินเครื่องดื่มชนิดนี้ไว้สูงมาก มีหลายคนที่คิดว่าเจ้าสิ่งนี้เรียกเครื่องดื่มไม่ได้หรอก มันเป็นยาบำรุงด้วยซ้ำ
แน่นอนว่ายังมีคนอีกเป็นจำนวนมากที่ยังรอดูผลการทดสอบออกมาก่อน แล้วถึงจะประเมิน
ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรกับข้อมูลที่อ้างมา ทางบริษัทจะต้องมีปัญหาขึ้นมาและชื่อเสียงของบริษัทก็จะตกลงฮวบฮาวแน่นอน
และที่ตลกคือในส่วนของเว็บไซต์ของบริษัทสำหรับต่างประเทศ ก็ได้มีเศรษฐีต่างชาติจำนวนมาก ที่อยากจะลิ้มลองเครื่องดื่มนี้
ดังนั้น พวกเขาจึงได้เรียกร้องและหวังว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปจะส่งออกเครื่องดื่มนี้ไปยังต่างประเทศเพื่อที่จะได้หาซื้อได้
อู๋ฮ่าวเหรินนั้นไม่สนใจเรื่องของการขายเครื่องดื่มมากเท่าไรนัก ในสายตาของเขา ผลกำไรแค่นี้เขาเมินเฉย
ในเวลานี้, หลังจากที่เขาได้พูดคุยกับคนในซองแดงเมื่อคืนเสร็จ เขาก็ศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์ วันนี้เขาจึงได้เข้าห้องแล็บตั้งแต่ตอนบ่ายและเริ่มทำการวิจัยและผลิตชิ้นส่วนของหุ่นยนต์
คราวนี้, สิ่งที่เขาจะทำจะไม่ใช่หุ่นแบบโบราณที่เดินไม่ได้แล้ว แต่จะเป็นหุ่นยนต์ที่สามารถเดินได้จริงและมีความคล่องแคล่วในระดับหนึ่ง
อู๋ฮ่าวเหรินได้ตั้งใจที่จะเลียนแบบข้อต่อกระดูกของมนุษย์ในการทำส่วนข้อต่อ และก็ติดตั้งระบบกันสะเทือนแม่เหล็กลงไปเพื่อลดการเสียดสีของข้อต่อด้วย
“จี้, คุณคิดว่าหุ่นยนต์ที่ฉันทำรอบนี้จะสำเร็จไหม?”
“ไม่”
“ทำไมล่ะ?”
“เพราะคุณไม่ได้คิดถึงเรื่องของระบบพลังงานที่จำเป็นของหุ่นยนต์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากการใช้ระบบกันสะเทือนแม่เหล็กเพื่อลดการเสียดสีนั่น?”
“อ้า, จริงด้วยๆ ลืมคิดซะสนิทเลย”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกอายขึ้นมาทันใด เขาไม่ได้ทำตามข้อมูลที่อยู่ในฐานข้อมูลของจี้
ในการสร้างหุ่นยนต์ เขาต้องการที่จะรู้ว่าตัวเขาเองมีความสามารถหรือไม่ แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าตัวเขาเองจะไม่มีความสามารถด้านนี้เอาเสียเลย
จี้ได้ฉายภาพข้อมูลของหุ่นยนต์ที่เสร็จสิ้นแล้วออกมา เพื่อแสดงให้อู๋ฮ่าวเหรินดูว่าหุ่นยนต์ที่พลังงานไม่เพียงพอจะเป็นอย่างไร มันช่างดูเหมือนคนเมา
“มันคงไม่แย่ถึงขนาดนั้นหรอกน่า ฉันรู้สึกว่าถ้าหุ่นยนต์มีพลังงานมากพอ ก็น่าจะทำให้มันเดินเหมือนคนก็ได้”
จี้ทำเป็นไม่สนใจเขา ก่อนที่จะแกะชิ้นส่วนทั้งหมดของหุ่นยนต์ออกมาแล้วทำการเปลี่ยนบางชิ้นส่วนข้างใน ไม่นานนัก หุ่นยนต์ขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าของอู๋ฮ่าวเหริน
“ในปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีบนโลกในปัจจุบัน สามารถผลิตหุ่นยนต์ได้แค่แบบนี้เท่านั้น ถ้าคุณต้องการที่จะผลิตหุ่นยนต์ให้มีขนาดเท่ากับมนุษย์นั้น เทคโนโลยีนั้นยังไม่เพียงพอ แน่นอนว่า ถ้าคุณต้องการที่จะสร้างหุ่นยนต์ที่อืดอาดและเชื่องช้า ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด”
อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เขาจึงได้เริ่มศึกษาข้อมูลที่จี้ได้แสดงขึ้นมา
ปัญหาที่ยากที่สุดที่เขาพบคือปัญหาเรื่องของการเคลื่อนไหว มันเป็นไปไม่ได้เลยว่าที่จะทำให้หุ่นยนต์ที่มีขนาดเท่ามนุษย์นั้นมีพลังงานใช้เพียงพอ
ในการแก้ปัญหาเรื่องของการพลังงานไม่พอใช้นั้น หนทางที่ง่ายที่สุดคือการสร้างหุ่นยนต์ให้มีขนาดใหญ่ขึ้นแล้วติดตั้งตัวกำเนิดพลังงานเข้าไปสองตัว
ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไม ในตอนแรก มนุษย์นั้นถึงไม่คิดสร้างหุ่นยนต์ เพราะติดเรื่องของพลังงานไม่เพียงพอนี่เอง จนกว่าเทคโนโลยีนิวเคลียร์จะถูกย่อส่วนลงมาได้ หุ่นยนต์จึงสามารถสร้างขึ้นมาได้
อู๋ฮ่าวเหรินยอมแพ้ให้กับความคิดของเขา และเริ่มผลิตชิ้นส่วนตามแบบแปลนที่คำนวณออกมาโดยจี้
เขาพบว่าหุ่นยนต์ตัวหนึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีมากมายรวมเข้าไว้ด้วยกัน และเทคโนโลยีที่สำคัญที่สุดเลยคือ เรื่องของพลังงานและปัญญา
ส่วนเรื่องของเทคโนโลยีในการทำหุ่นรบนั้น มันซับซ้อนเสียยิ่งกว่าการทำหุ่นยนต์เสียอีก เพียงแค่ระบบควบคุมกับระบบประมวลผลที่ต้องใช้แล้ว อู๋ฮ่าวเหรินก็ไม่กล้าที่จะเอาออกมาใช้ในปัจจุบันแล้ว
เขานั้นพบว่าเอ๊กโซสเกลเลตันนั้น ถือเป็นสุดยอดชุดเกราะแห่งอนาคตที่สามารถทำได้ตราบเท่าที่สามารถย่อส่วนเทคโนโลยีนิวเคลียร์ลงได้เพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงาน
แต่ไม่ว่าจะเป็นหุ่นยนต์ หรือหุ่นรบ หรือสุดยอดชุดเกราะ, เหล่านี้ล้วนแล้วแต่ต้องการพลังงานมหาศาล เพื่อที่จะให้อุปกรณ์สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะเรื่องของพลังงานที่ต้องใช้ในการลดแรงเสียดสีระหว่างโลหะ
แม้แต่ในอนาคตก็ไม่มีโลหะชนิดไหนที่สามารถแก้ปัญหาเรื่องของแรงเสียดทานได้อย่างหมดจดเลย หุ่นยนต์จึงจำเป็นต้องกำจัดแรงเสียดทานด้วยการใช้พลังงานแทน
ยกตัวอย่างเช่น วิธีสนามแม่เหล็กที่เขาเพิ่งใช้ไป, วิธีไฮดรอลิก(ชลศาสตร์) และวิธีสเฟียริคัลไดนามิก(พลศาสตร์ทรงกลม) ก็ล้วนแล้วแต่ต้องใช้พลังอย่างต่อเนื่องทั้งหมด
มันยังเป็นเรื่องยากสำหรับอู๋ฮ่าวเหรินที่จะทำชิ้นส่วนของหุ่นยนต์ขึ้นมาได้ ซึ่งชิ้นส่วนพวกนี้ต้องการความแม่นยำที่สูงมาก เรียกได้ว่าแทบจะต้องไม่มีความผิดพลาดเลย ถ้าเกิดชิ้นส่วนมีปัญหาขึ้นมา หุ่นยนต์ก็จะพังเสียหายได้
โชคยังดีที่ ด้วยการช่วยเหลือของจี้ ชิ้นส่วนจำนวนมากไม่จำเป็นต้องผลิตด้วยฝีมือของเขา แต่เป็นฝีมือของเครื่องจักรที่ควบคุมโดยจี้แทน
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว เมื่อเขามองดูหุ่นยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานที่ยังคงอยู่ในระบบซองแดง ถ้าต้องการจะใช้หุ่นยนต์พวกนี้อย่างเปิดเผยแล้ว อย่างน้อยเขาจำเป็นที่จะต้องพัฒนาหุ่นยนต์ให้ได้ใกล้เคียงกับหุ่นพวกนั้นเสียก่อน
หุ่นยนต์ที่เขากำลังสร้างในตอนนี้นั้นจะใช้เครื่องยนต์ประสิทธิภาพสูง ซึ่งเครื่องยนต์นั้นอู๋ฮ่าวเหรินตั้งใจที่จะซื้อมา ถ้าเขาคิดจะทำขึ้นมาเองแล้ว เขาต้องการอุปกรณ์มากมาย
แน่นอนว่า ถ้าเข้าสร้างมันขึ้นมาเอง เขาสามารถพัฒนาให้อุตสาหกรรมเครื่องยนต์นั้นล้ำหน้าและมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้
แต่เพื่อไม่ให้เป็นข่าวใหญ่ อู๋ฮ่าวเหรินจึงได้ล้มเลิกความคิดนี้ไปและเตรียมที่จะซื้อเครื่องยนต์มาสองเครื่องแทน
นั่นคือสิ่งที่เขาใช้เวลาตลอดช่วงบ่ายวันนี้ในห้องแล็บ ในตอนนี้ห้องแล็บเต็มไปด้วยชิ้นส่วนหุ่นยนต์มากมาย
ขณะที่อู๋ฮ่าวเหรินกำลังศึกษาเรื่องของหุ่นยนต์อยู่นั้น ตัวแทนจากประเทศต่างๆก็ได้เดินทางมาถึงโดยเครื่องบินแล้ว
บางทีหลังจากที่ถูกปฏิเสธโดยอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว พวกเขาจึงได้เดินทางมาที่นี่กัน เป็นไปได้ว่าพวกเขาต้องการจะคุยแบบที่ไม่มีใครรู้ จึงได้เดินทางมาโดยไม่แจ้งรัฐบาล
เหมือนกับว่าคนพวกนี้ต้องการคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินเป็นการส่วนตัว แต่ว่าการเดินทางของเขานั้นก็ถูกจับตามองผ่านคนจากบุคลากรที่เกี่ยวข้องอยู่ดี
เมื่อคนพวกนี้มาถึงอำเภอหยุนหลง พวกเขายังไม่ได้ไปหาอู๋ฮ่าวเหรินทันที พวกเขาอยู่รอที่โรงแรมในอำเภอก่อน แล้วจึงเริ่มสืบหาเรื่องราวของอู๋ฮ่าวเหริน
พวกเขานั้นไม่ได้โง่ ถ้าพวกเขาไปแบบไม่รู้อะไรเลย อู๋ฮ่าวเหรินย่อมที่จะไม่สนใจพวกเขาแน่นอน
หลังจากที่ขวางทางเข้าออกอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว ดูเหมือนจะไม่ได้ผลอะไรเลย
ดังนั้นพวกเขาจึงได้เตรียมตัวให้พร้อมศึกษาดูว่าอู๋ฮ่าวเหรินชอบอะไรจะได้เตรียมของขวัญเอาไว้ก่อนแล้วจะได้ให้เขาตอนที่ได้เจอกับอู๋ฮ่าวเหริน
แต่แล้วพวกเขาก็รู้สึกท้อแท้ เพราะคนที่ส่งออกไปหาข้อมูลนั้น ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรกลับมาเลย
พูดอีกอย่างคือ ไม่มีใครเลยที่รู้เลยว่าอู๋ฮ่าวเหรินนั้นชอบอะไร นอกจากนี้ยังมีเพียงไม่กี่คนที่รู้จักกับอู๋ฮ่าวเหริน มีเพียงคนในที่ว่าการอำเภอหยุนหลงไม่กี่คน รวมถึงคนในฟิวเจอร์กรุ๊ปเท่านั้น
สุดท้ายแล้วคนพวกนี้ก็คว้าน้ำเหลว, แต่พวกเขาก็ยังมีความคิดอื่นๆที่จะช่วยประเทศของพวกเขาไว้ได้แม้จะต้องอ้อมค้อมก็ตาม
———————