CF:บทที่ 22 ผู้หญิงที่ร้ายที่สุด
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของอู๋ ฮ่าวเหรินทำให้คนทั้งลานบ้านเงียบในทันที
ปู่และย่านั่งอยู่ที่ประตูบ้าน พ่อ แม่ และน้องสาวของเขายืนอยู่ข้างๆย่า
ด้านหลังของพวกเขามีเด็กอายุ 14 ปีหน้าตาน่ารักมากๆและได้ความสวยสืบทอดมาจากแม่ของเธอ
การทะเลาะในลานบ้านนี่เป็นเรื่องของเธออย่างแน่นอน
“ฮ่าวเหริน ลูกกลับมาทำไม?”
ก่อนที่อู๋ ฮ่าวเหรินจะได้ตอบกับแม่ของเขา เขาก็ได้ยินเสียงแหลมอีกครั้ง “โห นี่ลูกชายเธอที่ได้ไปเรียนในมหาลัยหรอ เขาแต่งตัวดูดีนี่! แต่ฉันได้ยินมาว่าเขาส่งเงินกลับบ้านมา 20,000 หยวนในช่วงปีใหม่และทำงานล่วงเวลาที่บริษัทเพื่อหาเงินไม่ใช่หรอ?”
เธอมองที่เสื้อผ้าอู๋ ฮ่าวเหรินราวกับมองสินค้า เธอพูดอย่างเสียดสีว่า “มันใช้เงินเดือนนายตั้งครึ่งเดือนเพื่อที่จะซื้อชุดแบบนี้ ช่างลงทุนเสียจริง โธ่ ใช้เงินไปกับเสื้อผ้าขนาดนี้ แต่ไม่คิดจะเปลี่ยนกระเป๋าเดินทางกับกระเป๋าสะพายเลยรึ? เงินในมือคงไม่พอล่ะสิ นั่นไม่ดีเลยนะ ต่อให้ต้องยืมเงินคนอื่น นายก็ต้องเปลี่ยนทุกอย่างให้หมดคนจะได้ไม่รู้ว่านายไม่มีเงินน่ะ”
“ฮ่าวเหริน อย่าหาว่าลุงพูดงั้นงี้เลย แต่มันไม่ง่ายสำหรับนายหรอกที่จะออกไปทำงานหาเงินข้างนอก กลับบ้านแล้วโชว์ให้ใครๆดูว่านายซื้อเสื้อแพงๆมาใส่ เมื่อกี้นายพูดว่านายจะส่งเสียจ๋วนจ๋วนไปเรียน ขอถามหน่อยเถอะ ว่าเงินเดือนที่นายทำงานในเมืองเพียงพอสำหรับรายจ่ายของตัวนายเองรึเปล่า? บริษัทฉันก็รับเด็กที่จบใหม่มาตั้งเยอะ เงินเดือนพวกเขาไม่พอสำหรับรายจ่ายของตัวเองหรอก”
เมื่อทั้งคู่พูดออกมาด้วยกัน พวกเขาแทบจะกลั้นหัวเราะใส่อู๋ ฮ่าวเหริน
“ดูสิ นั่นหรอที่นายเรียกว่าลูกชายที่มีแววน่ะ? เขาก็ดูเหมือนจะมีแววจริงๆนะ!”
ได้ยินเสียงผู้หญิงประชดประชัน อู๋ ขิงไฮ่ก็มองที่ลูกชายของเขา เขาหน้าเสียเล็กน้อย
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่พูดอะไรและดูการกระทำของสองคนนั่นในลานบ้าน
ย่าที่มองหลานชายเธอจากประตูบ้านและยิ้มอย่างอ่อนโยน
“มีปัญหาอะไรกับหลานชายฉัน เจ้าเดรัจฉาน เอาผู้หญิงคนนี้ออกไปจากที่นี่ไม่งั้นฉันหักขาแกแน่”
ปู่ที่เงียบมาตลอดก็ลุกขึ้นมาทันที ตัวสูงตรงและไม้เท้าในมือเขาทำให้อู๋ ขิงเหอต้องถอยเองโดยจิตใต้สำนึก
ผู้หญิงนั่นเห็นปู่ยืนขึ้นก็กลัวจนต้องไปหลบหลังอู๋ ขิงเหอ
แล้วเธอก็เพิ่งนึกได้ว่าเธอไม่จำเป็นจะต้องกลัวคนแก่จะลงโลงเลย เธอกำลังจะเปิดปากเพื่อด่าเขากลับไป
อย่างไรก็ตาม อู๋ ขิงเหอก็รู้ว่าถ้าเธอพูดอะไรไปในตอนนี้ และถ้าพวกเขาพลาด พวกเขาจะถูกตีด้วยไม้เท้าในหมู่บ้านซุยฉุยแน่นอน
“กลับเมืองและไปคิดหาทางก่อนเถอะ”
ผู้หญิงคนนั้นมองที่ไม้เท้าในมือของชายแก่แล้วก็กลัว ตอนที่เธอมาวันแรก เธอก็เกือบจะโดนหวดด้วยไม้เท้านั่นจึงพยักหน้า
เมื่อทั้งสองคนนั้นออกไปจากลานบ้าน ทุกคนต่างมองที่อู๋ ฮ่าวเหริน
พ่อยังคงหน้าเสียอยู่ แต่หน้าแม่เต็มไปด้วยความปิติ และน้องสาวเขาทำหน้าบึ้งใส่เขา
ป้ามองอู๋ ฮ่าวเหรินอย่างมีความสุข ส่วนจ๋วนจ๋วนนั้นเป็นเพราะเธอเคยเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินไม่กี่ครั้งเลยยังอายและหลบอยู่ข้างหลัง
ปู่ช่วยพยุงย่าที่ยังยิ้มแย้มเดินมาหา มองอู๋ ฮ่าวเหรินตั้งแต่หัวจรดเท้าและพูดอย่างภาคภูมิ “ยังเป็นหลานชายที่มีความสามารถของฉัน”
“มีความสามารถอะไรล่ะ ใช้เงินตามอำเภอใจ…”
“อย่ามาพูดเลย ถ้าแกหนักแน่นเท่าฮ่าวเหริน แกคงไล่เจ้าเดรัจฉานนั่นไปได้ตั้งแต่วันแรกแล้วไม่ต้องให้เกิดเรื่องแบบวันนี้หรอก”
อู๋ ขิงไฮ่เปิดปากแต่ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเขารู้ว่าพ่อเขารักหลานชายคนนี้ยิ่งกว่าอะไรตั้งแต่เขายังเด็ก ยิ่งหลังจากที่ลูกเขาเข้ามหาลัยได้ ถ้ามีใครกล้ามาพูดเสียๆหายๆถึงหลายชายเขาต่อหน้า เขาก็กล้าที่จะฟาดคนพวกนั้นด้วยไม้
อีกอย่างพ่อเขาได้พูดแล้วว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้เองและไม่คิดจะกลับคำ
ถ้าไม่ใช่ว่าลูกชายเขาและผู้หญิงคนนั้นว่าร้ายใส่หลานชายเขา เขาคงไม่ฟาดพวกนั้นด้วยไม้ มันเป็นเพราะความอดทนของชายชราคนนี้มีขีดจำกัด
“ปู่ พ่อ ค่อยว่ากันทีหลังได้ไหม ผมซื้อของมาฝากและใส่มันไว้ในรถที่จอดอยู่หน้าหมู่บ้าน ขอไปเอามาก่อนนะ”
ครอบครัวตามอู๋ ฮ่าวเหรินตรงออกไปข้างนอก
ระหว่างทางอู๋ ฮ่าวเหรินก็รู้จากแม่ของเขาว่าลุงและผู้หญิงคนนั้นออกไปจากหมู่บ้านซุยฉุยแล้ว
อย่างไรก็ตาม ป้าและลุงเขาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน เขารู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้สำหรับป้าที่จะแต่งงานกับเขา ก็เลยปล่อยไป
แต่ภายหลังเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พวกเขาถึงได้กลับมาและพูดเรื่องการปกครองดูแลจ๋วนจ๋วน
ตอนแรกพวกเขาคิดว่าลุงสำนึกผิดแต่ภายหลังก็เข้าใจว่าลุงกับผู้หญิงนั่นมีลูกด้วยกัน พวกเขาพบว่าจ๋วนจ๋วนนั้นซื่อๆและทำกับข้าวเป็น พวกเขาเลยจะเอาตัวจ๋วนจ๋วนไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กคอยดูแลลูกของพวกเขา
จากคำพูดของแม่เขา อู๋ ฮ่าวบอกได้เลยว่าผู้หญิงคนนั้นทำเรื่องอะไรหลายอย่างตั้งแต่ลุงกลับมาที่บ้านตอนวันปีใหม่ไปจนถึงเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
บางทีในวันปีใหม่คงเห็นจ๋วนจ๋วนและเสี่ยนฮุยทำอาหารแล้วมันอร่อย
คิดว่ามีลูกที่บ้านแล้วกำลังหาพี่เลี้ยงเด็ก รู้สึกไม่สบายใจเลยคิดเรื่องจะใช้จ๋วนจ๋วน
ถ้าเขาไม่ได้กลับมาวันนี้ ตัดสินจากเหตุการณ์ในลานบ้านเมื่อครู่แล้วผู้หญิงนั่นอาจจะทำสำเร็จไปแล้วก็ได้
ตอนนั้น จ๋วนจ๋วนคงไปในเมือง ด้วยความช่างคิดของผู้หญิงคนนั้นและความชั่วของพี่ใหญ่ เขาต้องการให้เธอไปเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เธอจะไปโรงเรียนได้อย่างไร
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหัว ผู้หญิงเช่นนี้นี่มันร้ายสุดยอด
ณ ตอนนี้ข่าวเรื่องการกลับมาของอู๋ ฮ่าวเหรินได้กระจายไปทั่วหมู่บ้านแล้ว ในปีที่ผ่านมาแม้ว่าจะมีนักศึกษามหาลัยหลายคนในหมู่บ้านซุยฉุย แต่อู๋ ฮ่าวเหรินเป็นคนแรกที่ได้ออกจากหมู่บ้านซึ่งทำให้จดจำได้ง่ายกว่าแน่นอน
รู้หรือไม่ว่าเวลาเขาสอนลูกตัวเอง เขามักจะเปรียบลูกกับอู๋ ฮ่าวเหริน หรือก็คืออู๋ ฮ่าวเหรินเป็น “ลูกของคนอื่น” ในหมู่บ้านซุยฉุย
“ได้ยินเรื่องลูกชายของบ้านอู๋กลับมาแล้วรึยัง? ชุดที่เขาใส่มันหล่อมาก!”
“มันเป็นชุดที่ดูดีจริงๆแต่ก็น่าจะใช้เงินเยอะนะ เด็กมันเรียนเรื่องแย่ๆจากข้างนอกแล้วก็ใช้เงินแบบไม่คิด ฉันไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้กัน”
ในตอนนั้นชายอีกคนที่มาได้ยินพอดีเขาจึงถามว่า “นายบอกว่าฮ่าวเหรินกลับมาแล้ว มีใครมาในหมู่บ้านซุยฉุยอีกไหม?”
“ไม่ล่ะ ทำไมหรอ?”
“มันไม่จริงไง เพราะฉันเพิ่งกลับมาจากข้างนอกและเห็นอู๋ ขิงเหอขับรถออกไปกับผู้หญิง”
“อย่าพูดถึงเลย มันไม่สำคัญ นี่เรามีสวะแบบนั้นในหมู่บ้านซุยฉุยได้ยังไง?”
“ฉันก็ไม่ได้จะพูดถึงเขาเหมือนกัน ที่จะบอกคือมันมีรถอีกคันตรงที่เขาจอดรถไว้ นายไม่รู้หรอก ฉันเห็นรถนั่นก็คิดแล้วว่าต้องมีคนใหญ่คนโตมาที่หมู่บ้านเรา มันเป็นรถที่มูลค่าเป็นล้านเลยนะ”
“เดี๋ยวก่อน จะบอกว่านั่นคือรถของฮ่าวเหรินหรอ?”
“ในเมื่อไม่มีใครอื่นมาที่หมู่บ้าน วันนี้มีเพียงฮ่าวเหรินเท่านั้นที่กลับมา จะพูดยังไงได้อีกล่ะ?”
“โอ๊ย! เป็นไปไม่ได้หรอก มันคงเป็นรถของบริษัทเขา”
“รถของบริษัท? นายคิดว่าบริษัทไหนมันจะให้รถราคาเป็นล้านกับพนักงานกัน?”
“งั้นไปที่ทางเข้าหมู่บ้านเถอะ เห็นว่าครอบครัวเขาทั้งหมดก็ไปที่หน้าหมู่บ้านเหมือนกัน”
…
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินไปหน้าหมู่บ้านพร้อมกับครอบครัวเขา เขาพบว่ามีคนจำนวนมากมารวมตัวกันและมองรอบๆรถเขา
เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไร ในมื่อเขาพร้อมที่จะช่วยพัฒนาหมู่บ้านและการให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเขามีเงินมันทำให้ทำอะไรได้ง่ายขึ้น
—————————