CF:บทที่ 27 ก่อตั้งบริษัท
เมื่ออู๋ ฮ่าวเหรินกลับบ้านมา เขาก็พบว่าครอบครัวเขาทั้งหมดกำลังรอเขาอยู่ในสวน
เห็นสีหน้าจริงจังของแม่ และท่าทางของน้องสาว เขาก็รู้ว่ากำลังจะเจอปัญหา
“บอกหน่อยซิว่าคิดอะไรอยู่? ถ้ามีเงินขนาดที่จะแต่งงานแล้วอยู่บ้านซะ ทำไมต้องไปทำอะไรอีก?”
“แม่ผมยังหนุ่มอยู่เลย ลูกชายแม่ไม่สามารถจะเกาะเงินก้อนเดียวและอยู่ไปเหมือนอยู่ในนรกได้หรอก! อีกอย่าง ผมจะพาคนทั้งหมู่บ้านรวยไปด้วยกัน ผมไม่มีเงินจะไปเรียนได้ในตอนนั้น แต่ทุกครอบครัวทั้งหมู่บ้านก็รวมเงินกันส่งผมเรียน ผมลืมบุญคุณพวกเขาไม่ได้หรอก”
“โอ้ สมกับที่เป็นหลานชายฉัน อู๋ ฮ่าวเหริน เราไม่ควรลืมรากเหง้าของตัวเอง แล้วก็ต้องรู้ว่าจะตอบแทนบุญคุณเหล่านั้นยังไง ปู่สนับสนุนหลานในเรื่องนี้ เอาเลย!”
ด้วยการสนับสนุนของปู่ แน่นอนว่าแม่ก็ต้องยอมไป
“ห้าล้านหยวนตามที่พ่อของลูกบอก เอาไปฝากไว้ในบัญชีที่ลูกเคยส่งมาให้ในวันพรุ่งนี้ แม่จะเก็บไว้ให้ แล้วก็จะหาสะใภ้ให้ลูกด้วย”
เฉิง ซูเซี่ยพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่
อู๋ ฮ่าวเหรินพยักหน้าและพูดว่า “ผมเข้าใจแล้ว เดี๋ยวผมจะไปที่ตลาด ผมจะฝากเงินให้ แล้วนี่ป้ามีปัญหาอะไรรึเปล่า? ลุงไม่ได้กลับมาวันนี้ใช่ไหม?”
“ถ้ามันกล้ากลับมาก่อเรื่องอีกล่ะก็ ฉันจะหักขามันซะ” ปู่พูดพร้อมหวดไม้เท้าลงพื้น
“เธออยากติดรถพี่ไปในเมืองไหม?”
เสี่ยว ฉานตาเป็นประกาย เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย แต่เมื่อได้ยินแม่บ่นเธอก็หน้าเศร้าแล้วก้มลงไปเล่นกับมือถือของเธอต่อ
“คิดจะไปเที่ยวเล่นหรือไง? รีบไปรีบกลับซะ แล้วขับรถระวังๆด้วย”
“รู้แล้วแม่ ผมไปล่ะ วันนี้มีเรื่องให้ทำอีกเยอะเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินเอาเอกสารทั้งหมดติดตัวไปด้วย เขาขับรถออกจากหมู่บ้านและตรงไปยังเมือง
หลังจากตรวจดูที่ตั้งของกรมอุสาหกรรมและการค้าขาย เขาก็ขับตรงไปที่นั่น บริษัทที่จะก่อตั้งในวันนี้คือบริษัทที่เน้นการผลิตเครื่องดื่มเป็นหลัก ส่วนชื่ออู๋ ฮ่าวเหรินได้คิดเอาไว้ในใจแล้วมันคือเครื่องดื่มแห่งอนาคต
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเข้าไปในกรมอุตสาหกรรมและการค้าขาย และสอบถามเกี่ยวกับกฎระเบียบที่ต้องการในการลงทะเบียน เขาก็พ่ายแพ้ไม่เป็นท่าเพราขั้นตอนนั้นซับซ้อนมากๆ
ถ้าเขาทำตามขั้นตอนล่ะก็ เขาคงไม่ได้ทำเรื่องลงทะเบียนไปเป็นอาทิตย์
เขาออกมาและกลับเข้าไปในรถ หาธนาคารที่ใกล้ที่สุดและขับรถออกไป
ในเมื่อวิธีตามขั้นตอนนี้มันยุ่งยาก ก็ต้องใช้วิธีอื่น
เดิมทีหลังจากเข้าไปในธนาคาร อู๋ ฮ่าวเหรินอยากจะใช้สิทธิพิเศษของธนาคารในการทำเรื่องฝากในช่องVIP แต่โชคร้ายที่เขามีเพียงบัตรปกติและทำได้แค่ยืนต่อแถวในช่องธุรกรรมทั่วไป
“ท่านต้องการจะทำธุระอะไรคะ?”
อู๋ ฮ่าวเหรินยื่นบัตรธนาคารของเขากับสมุดบัญชีของแม่เขาให้พนักงานไป แล้วพูดว่า “โอนเงินห้าล้านหยวนจากบัตรธนาคารนี้ไปสมุดบัญชีนี้ครับ”
เขาไม่อยากฝากกับช่องปกติเพราะมันจะเป็นแบบนี้ แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปช่องVIPเพื่อจัดการกับบางเรื่อง อย่างไรก็ตามอู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์กับเรื่องแบบนี้ เลยไม่รู้วิธีจัดการกับมันเลย เขาต้องทำด้วยวิธีนี้เท่านั้น
“เท่าไหร่นะคะ?”
หลิว รูเหมยกำลังพิมพ์บนแป้นพิมพ์ เธอสอบถามเกี่ยวกับข้อมูลบัตรธนาคารของอู๋ ฮ่าวเหริน
“ห้าล้าน”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดดังไปนิดหน่อย ทำให้ทั้งธนาคารเงียบลงไปขณะหนึ่ง ทุกคนหันมามองที่เขา
หลิว รูเหมยคิดว่าหนุ่มที่อยู่ตรงข้ามกับเธอคนนี้กำลังล้อเล่นกับเธอ แต่ตอนนี้เธอได้เห็นข้อมูลบัญชีในบัตรธนาคารแล้วเธอก็ตกใจกับตัวเลขหลายหลักนั่น
จากนั้นเธอจึงเงยหน้าและตอบว่า “กรุณาเชิญทางนี้ค่ะท่าน เสี่ยวหลีมาแทนที่ฉันหน่อย ฉันต้องพาสุภาพบุรุษผู้นี้จัดการเรื่องธุรกิจข้างใน”
ผู้คนในธนาคารเห็นการตอบสนองของหลิว รูเหมยแล้วก็เข้าใจได้เลยว่าชายหนุ่มคนนี้กำลังจะทำเรื่องจัดการกับเงินห้าล้านจริงๆ
บางคนก็พูดด้วยเสียงเบา “เขาหล่อจัง ในที่สุดวันนี้ฉันก็ได้เห็นคนที่รวยจริงแถมหล่อด้วย”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้สนใจกับความเห็นของคนพวกนี้ เขาเอาบัตรธนาคารและสมุดบัญชีกลับมาจากพนักงานและตามเธอเข้าไปข้างใน
เมื่อเขาออกมาจากธนาคารเขาก็พูดไม่ออก บัตรธนาคารถูกแทนที่ด้วยบัตรเพชรเป็นบัตรVIPขั้นสูงสุด และเบอร์โทรศัพท์ของผู้จัดการธนาคาร
ที่สำคัญที่สุด ผู้จัดการคุยกับอยู่นานว่าเขาอยากให้อู๋ ฮ่าวเหรินให้เงินกับธนาคารเพื่อการลงทุน
เขาก็อยากจะบอกไปว่าเงินนี่อาจจะไม่ใช่ของเขาแล้วในอีกไม่กี่วัน มันจะไม่พอเมื่อต้องคิดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่ต้องใช้ในการเดินโรงงานและต้องซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงงานด้วย
หลังจากนั้นเขาก็ขับออกมาจากเมืองเพื่อจะไปที่สำนักงานเขต
ในเมื่อมันยุ่งยากที่จะตั้งบริษัทด้วยวิธีปกติ เขาต้องคิดหาทางอื่นแทน เขาเชื่อว่าการลงทุนเงินสัก 10 ล้านหยวนจะดึงดูดสำนักงานเขตมากโดยเฉพาะที่นี่
มองที่กรมส่งเสริมการลงทุนในสำนักงานเขตแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็ส่ายหัว ถ้าเขาไม่เห็นป้ายที่แขวนไว้ที่ประตูเขาคงคิดว่ามันเป็นโรงงานมืดแน่นอนเพราะมันโทรมมากๆ
หลังจากเข้าไป เขาพบชายหนุ่มกำลังนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กำลังจิ้มแป้นพิมพ์อย่างซึมกะทือ ราวกับไม่ได้เห็นว่าเขาเข้ามา
อู๋ ฮ่าวเหรินทำได้เพียงเคาะประตูที่ยังเปิดอยู่และถามว่า “นี่คือสำนักงานพ่อค้าจีนรึเปล่า?”
พอได้ยินเสียง ชายหนุ่มก็ตกใจ เมื่อเขาได้เห็นอู๋ ฮ่าวเหรินเขาก็ขมวดคิ้ว พยักหน้าและตอบว่า “ใช่ คุณมีเรื่องอะไรหรือ?”
“ผมอยากจะลงทุนในเขตนี้ คุณมีนโยบายพิเศษอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินว่าอู๋ ฮ่าวเหรินมาเพื่อลงทุน ท่าทีของชายหนุ่มก็เปลี่ยนไปทันที เขายืนขึ้นจากเก้าอี้และต้อนรับเขาอย่างอบอุ่น
“ทางนี้ครับ”
หลังจากเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินนั่งลงแล้วเขาก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ขอโทษนะครับ คุณจะลงทุนในบริษัทไหน อุตสาหกรรมอะไร และใช้เงินเท่าไหร่?”
“ผมยังไม่ได้ลงทะเบียนเลย แต่ผมจะลงทุนไม่ต่ำกว่า 10 ล้านหยวนในเมืองหลิวเหอ เพื่อตั้งบริษัทผลิตเครื่องดื่ม”
“อะไรนะ! 10 ล้าน พูดจริงใช่ไหม?”
“จริงสิ ผมมาถึงที่นี่ ผมคงไม่กล้ามาพูดเล่นกับคุณหรอก”
“งั้นคุณนั่งรอตรงนี้ก่อน ผมจะไปเรียกผู้อำนวยการมาที่นี่”
เงินทุนสิบล้าน แม้ว่าหลี เวินหัวจะรู้ว่าถ้าเขาจัดการลงทุนนี้ เขาจะได้เครดิตมหาศาลแน่นอน
แต่เขาก็รู้ว่าการลงทุนแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้สำหรับเขาที่จะจัดการ และเขาก็ไม่มีความกล้ามากพอที่จะเอาเครดิททั้งหมดเข้าตัวเอง
“ผู้อำนวยการ มีใครบางคนมาลงทุนในเขตเรา ตอนนี้เขากำลังนั่งรออยู่ข้างนอก”
“โอ้ จัดการมันเลย ถ้ามันเป็นไปตามมาตรฐาน ก็ให้นโยบายพิเศษกับเขาด้วย” ฟาน เวินหมิงไม่เอาใจใส่ เขายังคงจัดการกับเอกสารต่อไป
“แต่เงินทุนของเขาคือสิบล้านหยวน และนี่เป็นแค่เงินทุนขั้นต่ำ”
“อะไรนะ สิบล้าน? เขาอยู่ตรงไหนนะ?”
ได้ยินว่าเงินทุนสิบล้านหยวน ฟาน เวินหมิงก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันทีแล้วพูดเสียงดัง ”นี่มันความสำเร็จทางการเมืองเลย นี่เป็นสิ่งที่เขาขาดอยู่ตอนนี้”
“เชิญข้างนอกเลยครับ”
“แล้วทำไมนายยังอยู่นี่ล่ะ?นำฉันไปสิ ช่างเถอะ ฉันไปเองก็ได้”
เมื่อฟาน เวินหมิงรีบออกไปแล้วเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินนั่งรออยู่เขาก็สงบลงทันที เพราะอู๋ ฮ่าวเหรินดูไม่เหมือนคนที่จะลงทุนได้ถึง 10 ล้านหยวนเลย
————————-