CF-บทที่ 290 มีสูตรผสมก็ไร้ประโยชน์
เมื่อพวกเขาตามอู๋ฮ่าวเหรินเข้าไปยังส่วนในสุดของห้องทํายาแล้ว พวกเขาก็ต้องตกตะลึงกับสถานการณ์เบื้องหน้า
ห้องปรับปรุงส่วนผสมยานั้นกว้างขวางใหญ่โตมาก ซึ่งถูกแบ่งเป็นส่วนๆวยกระจกแบบพิเศษ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าตัวยาจะไม่ส่งผลกระทบต่อกันและกัน
เมื่อมองเข้าไปก็จะเห็นเหล่าเภสัชกรที่กําลังตั้งอกตั้งใจผลิตยาอยู่ด้านหลังเครื่องนั้น
อีกด้านหนึ่ง ก็จะเห็นเครื่องที่กําลังสกัดยาจากวัตถุดิบโดยอัตโนมัติ และส่งต่อไปยังเภสัชกรที่กําลังผสมยาผ่านเครื่องลำเลียง
ห้องข้างๆเป็นห้องพักของเหล่าเภสัชกร เภสัชกรที่เหนื่อยล้ามักจะมาพักผ่อนที่ห้องก่อนที่จะออกไปทําหน้าที่สลับสับเปลี่ยนกับคนอื่นๆต่อไป
หลังจากเปลี่ยนชุดเป็นชุดพิเศษแล้ว ทั้งสามคนก็เข้าไปในห้องยา โรเบิร์ตและรูธมองดูเหล่าเภสัชกรและอุปกรณ์ล้ำสมัยเหล่านั้นอย่างสงสัย
พวกเขาไม่ได้สนใจเครื่องผสมยาเลยเพราะพบว่าพวกเขามุ่งเน้นความใจไปยังกระบวนการผสมเสียมากกว่า ซึ่งแสดงให้เห็นว่ากระบวนการผสมยานั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
หลังจากดูอยู่สักพักหนึ่ง อู๋ฮ่าวเหรินโชว์ให้พวกเขาเห็นวัตถุดิบที่ใช้ในการเตรียมยาและอธิบายถึงปัญหาบางอย่างของตัวยาให้พวกเขารู้
เมื่อออกข้างนอก ในที่สุดทั้งคู่ก็เข้าใจว่าทําไมอู๋ฮ่าวเหรินถึงได้เคยกล่าวไว้ว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเตรียมยาพวกนี้ได้โดยปราศจากเครื่องมือพวกนี้
ในฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายในการสกัดเอาตัวยาออกจากส่วนประกอบโดยอาศัยบุคลากรแค่ไม่กี่คนผ่านเครื่องมือนั้น
แต่ทว่า พวกเขารู้แล้วว่าพวกเขาคงไม่สามารถใช้เทคโนโลยีการสกัดตัวยาแบบนี้ได้เมื่อพวกเขาไปที่สถาบันวิจัยเภสัชศาสตร์ใดๆ ก็ตาม
ถ้าเทคโนโลยีการสกัดยังไม่สามารถทําถึงขั้นนี้ได้ล่ะก็ ขั้นตอนการผสมยาในขั้นตอนต่อไปก็ไม่ต้องพูดถึงเลย ถ้าหากมีสิ่งปนเปื้อนมากเกินไป การผสมยาไม่สําเร็จในขั้นตอนการผสมยา
ลําพังการผสมยานั้นเป็นขั้นตอนที่สําคัญที่สุดของยาชนิดนี้อยู่แล้ว ถ้าหากไม่มีเครื่องมือเหล่านี้ ตัวยาที่สกัดออกมานั้นก็จะไม่สามารถผสมเพื่อผลิตยาต้านมะเร็งได้เลย
“คุณอู๋คะ พวกเราจะสามารถผลิตอุปกรณ์เพิ่ม เพื่อเร่งการผลิตเภสัชภัณฑ์เหล่านี้ได้ไหมคะ? ถ้าคุณติดขัดอะไรเรื่องอะไรพวกเราก็ยินดีจะให้ความช่วยเหลือคุณค่ะ” รูธบอก
มองดูแววตาที่คาดหวังของทั้งสองคน อู๋ฮ่าวเหรินพูดขึ้นมาว่า “ ตอนนี้เครื่องมือพวกนี้กําลังอยู่ในขั้นตอนการผลิตแล้ว ซึ่งมันต้องใช้เวลาสักพัก แต่ว่าพวกคุณดูเหมือนว่าพวกคุณจะมองข้ามปัญหาหนึ่งไปแล้ว”
“โอ้, ปัญหาเรื่องอะไรงั้นรึ?”
“วัตถุดิบที่ใช้ทํายาครับ
ตัวยาต้านมะเร็งนี้สกัดมาจากสมุนไพรจีน ถ้าหากวัตถุดิบไม่เพียงพอ ต่อให้มีเครื่องมือมากแค่ไหนก็เปล่าประโยชน์ครับ”
ทั้งสองคนตกตะลึงไปชั่วขณะ พวกเขาลืมคิดถึงปัญหาข้อนี้ไปเลย
” ตัวยาชนิดนี้หายากมากหรือครับ?”
“ถ้าใช้แค่ในประเทศจีนก็คงไม่เท่าไรหรอกครับแถมน่าจะเหลือด้วย แต่ถ้าต้องใช้กับผู้ป่วยโรคมะเร็งที่มีกว่าสิบล้านคนทั่วโลกแล้ว ผมเกรงว่าตัวยาจะไม่พอเอาครับ”
นี่ไม่ใช่สิ่งที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดขึ้นมาเอง แต่เขาได้ให้ทําการคํานวนเพื่อประมานการอย่างคร่าวๆ เรื่องวัตถุดิบทํายาและพบว่ามันมีปัญหาจริงๆ และผู้ป่วยโรคมะเร็งนั้นไม่สามารถรักษาได้ในคราวเดียวด้วย อย่างน้อยก็ต้องห้าครั้ง
ถ้าเป็นเซลล์มะเร็งที่เกิดมาจากเครื่องมือนั้นแล้วคงไม่มีปัญหาอะไร ตราบเท่าที่อุปกรณ์ที่ใช้ควบคุมเซลส์ ก็จะสามารถเปลี่ยนเซลล์มะเร็งสามารถเปลี่ยนมันกลับเป็นเซลล์ปกติหรือกําจัดให้หมดรวดเดียวก็ได้
แต่เซลล์มะเร็งที่เกิดจากการกลายพันธุ์ตามธรรมชาตินี้มีความซับซ้อนกว่าเซลส์มะเร็งที่ทําให้เกิดจากเครื่องมือที่เขาเตรียมไว้ใช้กับเทคโนโลยการฟื้นฟูร่างกายมาก จึงจําเป็นที่จะต้องจัดการด้วยเครื่องมือพร้อมกับให้ยาเท่านั้น
เมื่อได้ยินที่อู๋ฮ่าวเหรินอธิบาย ทั้งสองคนถึงกับหน้าถอดสี เพราะโรคมะเร็งนั้นไม่สามารถรอนานขนาดนั้นได้ โดยเฉพาะผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ถ้าหากตัวยาเกิดการขาดแคลนขึ้นมาจริงๆ พวกเขาคงไม่สามารถบอกให้ประชาชนยอมแพ้ให้กับการรักษาในประเทศตนเองเพื่อรักษาที่ประเทศอื่นได้แน่
“เอางี้ทั้งสองคน, ผมจะมอบตัวอย่างของยาเเละส่วนผสมที่สกัดแล้วให้กับพวกคุณละกัน เมื่อพวกคุณกลับไปถึงแล้ว พวกคุณก็ลองแก้ปัญหาเกี่ยวกับตัวยาดูก่อนเลย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วถึงจะมีเครื่องมือไป ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”
หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล สํานักงานของอู๋ฮ่าวเหรินได้จัดการเรื่องส่วนผสมสมุนไพร และยาต้านมะเร็งให้ทั้งสองคนออกจากฟิวเจอร์กรุ๊ปและกลับไปด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
อู๋ฮ่าวเหรินส่ายหน้า ตัวยาส่วนใหญ่ที่ใช้ในประเทศตะวันตกนั้นมาจากการสังเคราะห์ และปัญหาก็คือยาต้านมะเร็งที่พวกต้องการในตอนนี้ไม่สามารถสังเคราะห์ขึ้นมาได้ นอกจากนี้วัตถุดิบที่นํามาใช้ในการสังเคราะห์นั้น อู๋ฮ่าวเหรินรู้สึกว่ามันไม่ได้ดีไปกว่าสมุนไพรตามธรรมชาติเลย ยิ่งได้ติดต่อกับผู้คนที่เกี่ยวของกับเภสัชศาสตร์มากเท่าไหร่ อู๋ฮ่าวเหรินก็ยิ่งเข้าใจมากขึ้นว่าบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถค้นหาได้ด้วยเครื่องมือ แต่มันก็ยังมีอยู่แน่นอน
ตัวอย่างเช่น ในอนาคตพวกของที่สามารถใช้ยึดชีวิตออกไปได้นั้น ฉันยังไม่เคยได้ยินว่ามีอารยธรรมไหนที่สามารถใช้การสังเคราะห์ขึ้นมา ทั้งหมดนั้นมาจากรูปแบบทางธรรมชาติที่เป็นผลมาจากการวิวัฒนาการของจักรวาลทั้งนั้น
เมื่อโรเบิร์ตกับรูธกลับไปถึงโรงแรม พวกเขารายงานเกี่ยวกับสิ่งที่ได้เห็นภายในฟิวเจอร์กรุ๊ปในวันนี้, และรายชื่อสมุนไพรที่อู๋ฮ่าวเหรินให้พวกเขามารวมไปถึงวัตถุดิบสําหรับใช้ทํายาต้านมะเร็งด้วย
เมื่อได้ยินว่าทั้งคู่ได้รับสูตรสําหรับการสร้างยาต้านมะเร็งมาด้วยแล้ว ต่างก็คิดว่าเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อ และคิดว่าประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ปนั้น ไม่เข้าใจความสําคัญของสูตรผสมยานี้เลย
สูตรผสมของยาต้านมะเร็งกระจายไปถึงมือของนานาประเทศอย่างรวดเร็ว จากนั้นพวกเขาก็ได้ให้สถานวิจัยทําการทดลองเพื่อดูว่ามันสามารถผลิตขึ้นมาได้หรือไม่
อู๋ฮ่าวเหรินกําลังจัดการกับเรื่องซื้อรถโบราณอยู่นั้น จู่ๆ ก็โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา
“ฮัลโหล, มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ?”
“ทําไมสูตรผสมของยาต้านมะเร็งที่คุณศึกษาอยู่ถึงได้ถูกเผยแพร่ออกไปได้ ? ตอนนี้มันถูกโพสท์ลงบนโลกอินเทอร์เน็ตแล้วนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินตอบแบบไม่แยแส “ผมคิดว่ามีเรื่องอะไรสําคัญซะอีก ก็เป็นเรื่องสูตรผสมถูกเผยแพร่ออกไปนี้เอง ผมไม่ได้คิดจะเก็บไว้เป็นสูตรลับอยู่แล้ว ผมมั่นใจว่าพวกเขาไม่สามารถสร้างยาต้านมะเร็งจากสูตรนั้นได้หรอกครับ”
“สร้างไม่ได้งั้นเหรอ ทําไมรึ”
จื่อหยงสับสนเล็กน้อย ด้วยสูตรผสมนั้น ทําไมถึงไม่สามารถสร้างยาออกมาได้กันล่ะ?
“คุณคิดจริงๆหรือว่ายาต้านมะเร็งมันจะผลิตกันได้ง่ายขนาดนั้น ถ้าใครสักคนผลิตมันขึ้นมาได้นะ ผมยินดีมากที่จะเข้าไปช่วยแก้ปัญหาตัวยาขาดแคลนของผู้ป่วยมะเร็งเลย ก็เหมือนกับตอนเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ผมให้คุณไปนั่นแหละ ถ้าคุณไม่มีเครื่องจักรกลพวกนั้นแล้ว คุณแน่ใจหรือว่าจะผสมมันออกมาได้น่ะ?”
จื่อหยงอยากจะตอบว่าใช่ แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรออกมา เขาก็กลับกลืนมันลงไปอีกครั้ง
แม้ว่าเขาไม่อยากที่จะยอมรับ แต่เทคโนโลยีเครื่องยนต์อู๋ฮ่าวเหรินนั้น ถ้าไม่มีเครื่องจักรกลล้ำสมัยพวกนั้นแล้ว ก็ไม่มีหนทางอื่นเลย
ตัวอู๋ฮ่าวเหรินเองก็เช่นกัน เขาเทคโนโลยีสําหรับการผลิตยานอวกาศมาแล้วก็จริง แต่เขาเองก็ไม่สามารถสร้างยานอวกาศเองได้ด้วยเทคโนโลยีการผลิตของโลกนี้ได้เลย
“ท่าทางประเทศเหล่านั้นคงจะมีความสุขกันไม่น้อย”
“แล้วก็ ผมว่าคุณควรจะไปบอกกับคนในกระทรวงสาธารณสุขว่าเดี๋ยวประเทศเหล่านั้นจะนําเข้าสมุนไพรพวกนั้นจากขึ้นด้วยราคาสูง ผมคํานวณไว้แล้วว่าปริมานวัตถุดิบยาที่สั่งซื้อจากบริษัทเราน่าจะพอสําหรับผู้ป่วยมะเร็งในช่วงนี้แล้ว ให้พวกชาวไร่ที่มีสมุนไพรนี้ในครอบครองทําได้รายได้สักจํานวนหนึ่งก่อน แล้วค่อยเริ่มเข้าควบคุมตัวยานั้นในฤดูเก็บเกี่ยวหน้า”
“เข้าใจล่ะ คุณนี่มันร้ายการจริงๆ คราวนี้คุณก็ขุดหลุมพรางรักพวกประเทศพวกนั้นไว้อีกแล้วนะ”
อู๋ฮ่าวเหรินยิ้ม เขาบอกความจริงกับทั้งสองคนนั้นไปแล้วทั้งสิ้น ปริมาณสมุนไพรจีนในประเทศไม่เพียงพอกับผู้ปวยโรคมะเร็งทั่วโลก แต่เขาลืมบอกไปว่าปัญหาเหล่านั้นจะหมดไปเมื่อฤดูเก็บเกี่ยวสมุนไพรวอบหน้ามาถึง ยิ่งกว่านั้น ชาวไร่ที่อยากได้เงินก็จะยิ่งเพิ่มผลผสตสมุนไพรของพวกเขาให้มากขึ้นไปอีก
แน่นอนว่า ประเทศเหล่านั้นตกหลุมพรางเข้าอย่างจัง เมื่อพวกเขาได้รู้ว่าวัตถุดิบสําหรับทํายาเต้านมะเร็งเหล่านั้นไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ป่วยในโลก พวกเขาคงได้แต่ไขว่คว้าหามันจากตลาดสมุนไพรจีน
ต่อให้มีเครื่องมืออยู่ แต่กลับไม่มีตัวยาแล้ว มันคงเป็นเรื่องขายหน้ายิ่งนัก