CF: บทที่ 298 หุ่นยนต์จู่โจม
หุ่นยนต์ที่พวกเขาปรับแต่งในตอนนี้เกินจิตนาการของอู๋ ฮ่าวเหรินไปเสียอีก ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะสามารถยกระดับของหุ่นขึ้นมาได้อีกระดับโดยไม่บอกไม่กล่าว
ส่วนที่ซับซ้อนทั้งหมดถูกพวกเขาแยกส่วนออกไป หุ่นยนต์นี้จึงเหลือแต่เพียงพลังทําลายและความคล่องตัวสูง
ถ้าเป็นสงครามโจมตีฐานที่มั่นล่ะก็ ความสามารถระดับนี้ กระสุนปืนใหญ่ก็คงจะยิงโดนหุ่นที่ขนาดไม่ใหญ่มากนี้ได้ยาก
อาวุธพลังงานของหุ่นก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างนักกับศัตรูได้ในเวลาอันสั้น มีข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือยิ่งการต่อสู้มีความเข้มข้นมาเท่าไหร่ พลังงานก็จะถูกใช้ไปอย่างรวดเร็วมากขึ้นเท่านั้น
ในอนาคต หุ่นยนต์แบบนี้จะเป็นหุ่นยนต์รุ่นแรกสําหรับการวิจัยของมนุษย์ ในเวลานั้นมนุษย์ได้เข้าสู่ยุคการสํารวจครั้งใหญ่
แต่อู๋ ฮ่าวเหรินก็สับสน ประเทศมีอาวุธพลังงานล้ำยุคเช่นนี้อยู่จริงงั้นหรือ?
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าจีนสามารถย่อส่วนอาวุธพลังงานของตัวเองได้ มันดูเหมือนว่าเทคโนโลยีบางอย่างถูกซ่อนไว้เพื่องานใหญ่ไม่ใช่เพื่องานเล่นสนุก
“หุ่นนี้ตอนที่ทดสอบมัน ชัดเจนเลยว่าหุ่นสามารถประหารได้แต่ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายที่เคลื่อนไหวได้สินะ?”
ได้ยินคําพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว โจ้ว เซว่หองก็ตอบอย่างตื่นเต้น “ใช่เลย นั่นแหละปัญหาที่เรากําลังศึกษามันอยู่ ดูเหมือนจะเป็นเพราะว่าหุ่นเคลื่อนที่เร็วเกินไปจนโปรแกรมคํานวณระยะไม่ได้ ตอนที่หุ่นโจมตีตําแหน่งของมันก็เปลี่ยนไปเลยโจมตีไม่โดน
“คุณ คุณเป็นปรมจารย์แห่งปัญญาประดิษฐ์ แล้วปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ในหุ่นนี่ก็ยังพัฒนาโดยคุณอีกด้วย ผมสงสัยว่าพอจะมีทางแก้ปัญหาเรื่องนี้ไหม?” เจิ้ง หมิงเจินถามด้วยเสียงต่ำ
เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย ที่จริงแล้วแนวคิดของหุ่นยนต์ก็เดินหน้าได้เพราะเขา
ตอนที่เขาดูเกมนั้น เขาคิดถึงการหลบหลีกของเครื่องบินรบเขาเลยคิดแนวคิดนี้ออกมาได้ว่าจะเป็นอย่างไรถ้าหุ่นยนต์สามารถหลบได้อย่างเต็มที่?
ตอนนี้การทดลองได้พิสูจน์แล้วว่าหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการหลบอย่างเต็มที่เหมาะมากที่จะโจมตีศัตรูจากด้านข้าง
ด้วยความคล่องตัวสูง รถถังของศัตรูไม่มีทางตามทันได้เลย ต่อหน้าเครื่องบินรบ สํา หรับการโจมตีด้วยขีปนาวุธหุ่นก็สามารถใช้อาวุธพลังงานโจมตีสวนเพื่อทําลายมันได้
แล้วพวกเขาก็ทดลองให้หุ่นลองเหยียบกับระเบิดดู ในระดับนี้กว่ากับระเบิดจะทํางาน หุ่นก็วิ่งผ่านมันไป 6-7 เมตรแล้วซึ่งมันก็จะไม่ได้รับความเสียหายมากนัก
นี่เป็นหุ่นยนต์ที่ทรงพลัง แต่ตอนนี้ต้องแก้ปัญหาเรื่องการยิงระหว่างเคลื่อนที่ของหุ่น ไม่อย่างนั้นก็จะโจมตีระหว่างเคลื่อนที่ไม่ได้ เมื่อโจมก็จะทําได้เพียงแต่ต้องหยุดยิ่งแล้วก็กลายเป็นเป้าของศัตรู
“ข้อมูลจากการทดสอบของนายมีความถูกต้องเป็นอย่างมาก หุ่นยนต์ไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ระหว่างที่มันเคลื่อนที่อยู่ มันเป็นเพราะโปรแกรมคํานวณโจมตีได้หลังจากที่ระบุตําแหน่งของเป้าหมายได้เท่านั้น ทว่าเพราะเคลื่อนที่ได้เร็วเกินไปกระสุนที่ควรจะเข้าเป้าก็เลยเบี่ยงเบนไป”
“มันก็เป็นปัญหาแบบนั้นแหละ ระยะความผิดพลาดของการโจมตีเป้าหมายของหุ่นในแต่ละครั้งมีอะไรที่ต้องแก้กับความสามารถของหุ่นเยอะมาก”
“ปัญหานี้ไม่ซับซ้อนอะไรเลย ต่อให้เป็นปัญญาประดิษฐ์มันก็ยังต้องโอนถ่ายข้อมูลหลังจากที่ตัดสินเป้าหมายได้แล้ว ต่อให้ข้อมูลจะใช้เวลาเพียงเสี้ยววินาที ความคลาดเคลื่อนในท้ายที่สุดก็จะใหญ่มาก”
“เราสามารถแก้ปัญหาโดยการเพิ่มความเร็วในการโอนถ่ายข้อมูลได้ไหม?” เจิ้ง หมิงเจินถาม
“ไม่ได้ผลหรอก มันก็เหมือนกับการตอบสนองของเส้นประสาทของมนุษย์นั่นแหละ เราสามารถรู้สึกถึงอะไรแล้วก็ตอบสนองได้ แต่หุ่นยนต์มันไม่มีระบบการตอบสนองอะไรแบบนั้น ดังนั้นไม่ว่าเราพัฒนาการการโอนถ่ายข้อมูลยังมันก็จะยังคลาดเคลื่อนอยู่ดี”
“แล้วผมจะทํายังไง?”
มองสีหน้าที่สับสนของทั้งสองแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินก็วาดรูปลงในแปลนแล้วตอบว่า “มันง่ายมาก ทหารแก้สถานการณ์นี้ยังไง หุ่นยนต์ก็ทําแบบนั้น”
เจิ้ง หมิงเจินชะงักไปสักพัก ก่อนจะพูดด้วยความประหลาดใจว่า “คุณอู๋ นี่ล้อเล่นรึเปล่า? หุ่นยนต์ก็ออกกําลังกายได้งั้นหรือ?”
พอโจ้ว เซว่หองได้ยินลูกศิษย์ของเขาถามคําถามแบบนี้โดยไม่คิด เขาจึงพูดใส่หน้าว่า
“อย่าลืมสิว่ารูปแบบการกระทําของหุ่นยนต์มันมาจากไหน มันไม่ใช่แค่ข้อมูลที่เราใส่ลงไปแล้ว หุ่นยนต์ก็ทําตามสักหน่อย ในเมื่อมันคือปัญญาประดิษฐ์ถ้ามันไม่มีความสามารถในการเรียนรู้คําว่า ” ปัญญา” จะไปมีความหมายอะไร”
โจ้ว เซว่หองสอนบทเรียนให้ลูกศิษย์เขาก่อนจะหันมาหาอู๋ ฮ่าวเหรินและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “ที่คุณหมายถึงก็คือเราสามารถคํานวณการเบี่ยงเบนแล้วให้คนจําลองการกระทําก่อนที่จะป้อนลงในหุ่นยนต์ใช่ไหม?”
“ก็ใช่อยู่แต่แบบนั้นมันตายตัวเกินไป บางครั้งรุ่นอาจจะไม่สามารถทําตามได้ ที่จริงเราต้องโอนถ่ายข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการที่หุ่นไม่สามารถโจมตีเป้าหมายได้ไปสู่หุ่นปัญญาประดิษฐ์ ดังนั้นหุ่นยนต์ก็จะทําความเข้าใจด้วยตัวมันเอง ด้วยวิธีนี้หุ่นยนต์ก็จะจัดการกับปัญหาได้ด้วยตัวเอง”
ที่จริงแล้ว ถ้าพวกเขาเอาข้อมูลพวกนี้ใส่ลงในระบบของหุ่นยนต์เร็วกว่านี้ แล้วค่อยสั่งให้หุ่นยนต์โจมตีเป้าหมายล่ะก็ ระบบคํานวณในหุ่นยนต์ก็จัดการตามคําสั่งได้อย่างสมบูรณ์ด้วยเงื่อนไขและข้อมูลที่มี
“ถ้าข้อมูลเหล่านั้นเอามาคํานวณด้วยการจําลอง มันก็มีแนวโน้มว่าจะมีความคลาดเคลื่อนในข้อมูลเหล่านี้ แต่ถ้าข้อมูลถูกคํานวณด้วยตัวหุ่นยนต์เองแล้วมันก็จะไม่เกิดปัญหาใดๆ เดี๋ยวฉันจะให้โปรแกรมไป นายสามารถเอาไปรวมกับปัญญาประดิษฐ์แล้วความสามารถในการรบของหุ่นก็จะทรงพลังยิ่งขึ้น”
อู๋ ฮ่าวเหรินให้โปรแกรมคํานวณอัตโนมัติกับพวกเขาไป หลังจากที่โปรแกรมนี้ถูกใส่ลงในปัญญาประดิษฐ์ หุ่นยนต์ก็จะคํานวณด้วยตัวเองและตัดสินการกระทําที่ถูกต้องมากที่สุดผ่านการวิเคราะห์
ทั้งสองตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่จะแก้ปัญหาได้ แต่ยังได้รับการชี้แนะจากตัวอู๋ ฮ่าวเหรินเองอีกด้วย
กลับจากบริษัทแห่งอนาคตไปที่ศูนย์วิจัย โจว ซูงหงและเจิ้ง หมิงเจินก็เริ่มเพิ่มเติมและปรับปรุงโปรแกรมภายในหุ่นยนต์ พวกเขาใส่ข้อมูลที่ตรวจพบทั้งหมดลงในระบบปัญญาประดิษฐ์ของหุ่นยนต์
จากนั้นก็ปล่อยให้หุ่นยนต์ทําความเข้าว่าจะต้องทําอย่างไรถึงจะโจมตีเป้าหมายได้ เพียงไม่กี่นาทีระบบปัญญาประดิษฐ์ก็ได้คําตอบซึ่งแม่นยํากว่าที่พวกเขาคํานวณไว้
มองดูหุ่นยนต์ที่สูงกว่าสี่เมตรและดูแล้วให้ความรู้สึกว่าผอมแล้ว ทั้งคู่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข
มันเดินไปยังเขตทดสอบภายใต้คําสั่งของพวกเขา การเดินปกติของมันแต่ละก้าวก็ยาวสามถึงสี่เมตร
เจิ้ง หมิงเจินมองดูหุ่นที่เหมือนกับเสือชีต้าแล้วพูดว่า “อาจารย์ ผมตัดสินใจแล้วว่าหุ่นยนต์นี้จะมีชื่อว่า ชีต้า”
โจ้ว เซว่หองไม่ได้สนใจชื่อของหุ่นยนต์มากนัก ที่เขาสนใจเป็นหลักคือหุ่นที่ปรับปรุงมาใหม่นี้จะทรงพลังเพียงใด
“ทําทุกอย่างเหมือนเดิม เป้าหมายให้ตั้งไว้ที่ความเร็วสูงสุด ลองดูกันว่าหุ่นพวกนี้จะโจมตีเป้าหมายที่มีความเร็วสูงได้หรือไม่”
เป้าทดสอบเริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วที่ละตัว
ทว่าสําหรับหุ่นยนต์ที่มีตัวตรวจจับทรงพลัง เป้าเคลื่อนที่พวกนี้ก็ไม่เป็นอุปสรรคอะไร
หุ่นยนต์ไม่ได้เริ่มการโจมตีทันที พวกมันเหมือนจะทําการคํานวณความสามารถในการเคลื่อนไหวของเป้าหมายก่อน
หลังจากนั้นไม่กี่นาที ในสายตาของทั้งสองก็เห็นว่าหุ่นยนต์ได้เริ่มทําการโจมตีแล้ว