บทที่ 322 ความเสื่อมโทรมของซูเถา
รถที่เขาสั่งกับจ้าวแห่งรถบินได้เมื่อคืนนั้นจะแล้วเสร็จภายในไม่กี่วัน เขาไม่รู้ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร อู๋ฮ่าวเหรินตั้งหน้าตั้งตารอมัน
เขาเดินไปที่ห้องพยาบาล เห็นแดฟเน่ออกมาจากห้องโภชนาการ เธอได้ซ่อมแซมชิ้นกล้ามเนื้อที่เป็นเศษซากและแคระแกน
“คุณพ่อบ้านดีแลน ตามเหตุการณ์ในตอนนี้ ระยะเวลาการรักษาควรจะสั้นลง คุณแดฟนี่ฟื้นตัวได้ดี ตราบใดที่เนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของเธอหายดี เธอก็จะสามารถไปสู่การรักษาต่อไป”
ดีแลนมองดูแดฟเน่ในรถเข็น ที่กําลังถูกเข็นไปโดยคนรับใช้เพื่อไปชมทิวทัศน์ เขายิ้มและกล่าวอย่างจริงใจว่า “ขอบคุณมาก คุณอู๋”
“คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก แดฟเน่คือคนที่ได้ใช้เทคโนโลยีนี้เป็นครั้งแรก และคุณปล่อยให้ผมรักษาเธอ นั่นแสดงว่าคุณไว้ใจผม”
เมื่อออกจากห้องพยาบาล อู๋ฮ่าวเหรินได้รับโทรศัพท์จากจื่อหยง ว่าซูเถา(ซูวี่เต๋า)ได้กลับมาแล้ว
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินเห็นชายคนนี้ เขาพบว่าชายคนนี้มีท่าทางเหนื่อยล้าบนใบหน้าของเขา และจิตใจของเขาก็สามารถมองออกผ่านหว่างคิ้วของเขา
“เจ้านาย”
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูเขาและรู้ว่าเขาคงจะไม่มีความสุขที่จะต้องกลับบ้านในตอนนี้
“ผมว่าผมควรต้องรักษาขาของคุณ และค่อยรีบกลับไปที่บ้านเกิด ไปเถอะ อันดับแรกผมจะตรวจร่างกายของคุณก่อน แล้วจึงจะวินิจฉัยแผนการรักษาต่อไป”
เขากําลังจะไปถามซื่อหยงว่าเกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้ เมื่อเขาไปถึงบ้าน เขารู้สึกว่าชายคนนี้ช่างทรุดโทรมไปทั้งร่าง
ทหารสองคนที่เขาส่งไป อู๋ฮ่าวเหริน ได้ขอให้หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยรับพวกเขาเข้ามาในฟิวเจอร์กรุ๊ป
จากสายตาของเหล่าทหาร อู๋ฮ่าวเหรินเห็นความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับฟิวเจอร์กรุ๊ป
เป็นที่พูดกันว่า ทางเลือกแรกของทหารผ่านศึกษาจากกองทัพในตอนนี้คือการเป็นฝ่ายรักษาความปลอดภัยในฟิวเจอร์กรุ๊ปหรืองานอื่น
บางครั้งเพื่อที่จะแข่งขันสําหรับหนึ่งหรือสองที่เพื่อที่จะได้เข้ามาทํางานที่บริษัท แม้แต่พวกเจ้าหน้าที่อยู่ในที่ประชุม พวกเขาก็ทะเลาะกัน ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็จะแสดงบทบาทการแสดงที่สมจริง
ภายในห้องพยาบาล ผลการทดสอบกําลังจะออกมาในไม่ช้า สถานการณ์ดีกว่าที่อู๋ฮ่าวเหรินจินตนาการไว้ มันเป็นเพียงแค่เส้นประสาทแตกซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการซ่อมแซมอย่างง่ายๆ
อู๋ฮ่าวเหรินมองดูสายตาที่คาดหวังของซูเถา และกล่าวว่า “ถ้าคุณมาหาเราเร็วกว่านี้ คุณก็คงจะวิ่งปรอได้แล้วตอนนี้ เอาล่ะ บ้านในพื้นที่หอพักจะเป็นของคุณ ให้ฝ่ายรักษาความปลอดภัยข้างนอกพาคุณกลับไปก่อนนะ การรักษาจะเริ่มพรุ่งนี้”
“เจ้านาย จะรักษาผมจนหายได้จริงๆ ใช่ไหมครับ?”
เห็นได้ชัดว่าซูเถาไม่เชื่อที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ปลอบโยนเขา เมื่อตอนที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาล เขาได้ยินจากพวกหมอว่าในตอนนี้นั้นไม่มีทางรักษาเขาแล้ว
“ผมบอกว่ามันคงเป็นไปได้ มะเร็งสามารถถูกพิชิตได้ด้วยบริษัทของเรา เอาล่ะ กลับไปพักผ่อนได้แล้ว อย่าทําตัวเศร้าขนาดนั้น”
เมื่อชายคนนี้ถูกส่งตัวไปโดยพนักงานรักษาความปลอดภัย อู๋ฮ่าวเหรินก็โทรหาจื่อหยง
“เกิดอะไรขึ้นกับซูเถาที่บ้านเกิดของเขา? ผมรู้สึกว่าเขาค่อนข้างกังวลตอนที่เขามาถึง”
“คุณมองดูหน้าเขาสิ ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่ๆ เขาหย่าขาดจากเมียเขาแล้ว เขาเป็นคนขอหย่าด้วยตัวเขาเอง กรมทหารได้ส่งคนไปไกล่เกลี่ยแต่ก็ไม่สําเร็จ
อู๋ฮ่าวเหรินพูดไม่ออก แน่นอนว่าเขารู้ว่าในกรณีนี้ กองทัพอยู่ในสถานการณ์พิเศษถ้าฝ่ายหญิงไม่ร้องขอ ก็จะไม่ได้รับการอนุมัติ
“มันเป็นเพราะขาของเขา หรือเป็นเพราะความสัมพันธ์?”
“มันมีบางอย่างเกี่ยวกับการบาดเจ็บที่ขา แต่มันก็มีบางอย่างเกี่ยวกับอาชีพของเขาครับ เขาเคยทํางานข้างนอกเป็นปีและไม่ค่อยจะมีเวลากลับบ้าน ดังนั้นจึงมีปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งสองฝ่ายครับ”
ถึงแม้ว่าจื่อหยงจะพูดอย่างสุภาพมาก แต่อู๋ฮ่าวเหรินก็รู้ว่ากําลังจะเกิดอะไรขึ้น
“ผมรู้แล้ว ขาที่บาดเจ็บของเขาจะได้รับการรักษาเร็วๆ นี้ แต่ว่าผมจะหาทางติดต่อกับครอบครัวของเขาได้อย่างไร เพราะเขาไม่ได้เป็นทหารอีกต่อไปแล้ว เขาจะมาเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยในฟิวเจอร์กรุ๊ป”
เมื่อได้ยินคําของอู๋ฮ่าวเหริน จื่อหยงถึงกับพูดไม่ออก เห็นได้ชัดว่าวัตถุประสงค์ของชายคนนี้ไม่ธรรมดา!
แต่ก็ดีเหมือนกัน พวกเขาก็อยากจะทําแบบนี้เหมือนกัน
น่าเสียดายที่ทหารนั้นมีระเบียบปฏิบัติและมันก็ไม่สามารถที่จะมุทะลุได้อย่างอู๋ฮ่าวเหริน
การเคลื่อนไหวของกองทัพนั้นเป็นไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่จื่อหยงพูดคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินแล้ว เขาก็เริ่มเดินทางไปที่นั่น
ครอบครัวของซูเถาได้แก่พ่อและน้องสาวของเขา น้องสาวของเขากําลังจะเข้ามหาวิทยาลัยและไม่ต้องการที่จะมาที่นี่
ในเมืองเล็กๆ นั้น ข่าวของซูเถาได้กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง เขาพูดกันว่าเขาทําหน้าที่ปกป้องสมาชิกครอบครัวของประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ป ในตอนนี้เขาได้รับการคัดเลือกและกําลังจะกลายมาเป็นพนักงานของของฟิวเจอร์กรุ๊ป
สองสามวันก่อนหน้านี้ มีผู้คนมากมายในเมืองเล็กๆ แห่งนี้ทราบข่าวเกี่ยวกับโบนัสจํานวน 400,000 เหรียญของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“ลูกของซูเถากําลังเติบโต เขาคิดว่าขาของเขานั้นหัก มันช่างน่าเสียดาย ซึ่งดูเหมือนว่าตอนนี้เวลานั้นได้มาถึงแล้ว”
“ใครจะกล้าปฏิเสธ? พ่อแม่ของเขาถูกพาตัวไป เขาว่ากันว่าพวกนั้นมาจากกองทัพ คุณไม่เห็นหรือตอนนั้นน่ะ ผู้นํามณฑลปฏิบัติกับครอบครัวของซูเถาอย่างสุภาพราวกับว่าเขาพบกับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่อย่างนั้นแหละ”
“ยังไงซะ ข่าวเรื่องการหย่าของเขาก็เป็นความจริงใช่ไหม?”
“จริงครับ ฉันได้ยินว่าเขาได้หย่าเมื่อสองสามวันก่อน ไม่แปลกใจเลย เขาไม่ได้กลับมาเป็นปีแล้ว เขาเดินไม่ได้เมื่อตอนที่เขากลับมา ใครมีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือ?”
“การบาดเจ็บที่ขาของซูเถาเป็นเพียงแค่ข้ออ้าง ฉันได้ยินมาว่าครอบครัวของภรรยาเขาต้องการที่จะไปตั้งนานแล้ว คุณไม่รู้หรอก เขาเพิ่งจะหย่าที่นี่ ฉันได้ยินมาว่าเขาได้หมั้นหมายใหม่อีกครั้ง คนอื่นบางที่พวกเขาก็ไม่มั่นใจ ว่าพวกเขาจะรู้สึกเสียใจหรือไม่ที่ตัดสินใจไปจากซูเถา
“…”
เมื่อผู้คนในเมืองพากันพูดเช่นนั้น ความจริงแล้ว การแต่งงานของซูเถานั้นถึงแม้ว่าเขาจะกลับมาแบบสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง มันก็คงจะไม่ยืดยาว
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ ครอบครัวของภรรยาเขา หลังจากที่ได้รับข่าว ไม่ได้รู้สึกว่าการหย่านี้เป็นเรื่องแย่ อย่างน้อยลูกสาวของเธอก็ไม่ต้องอยู่กับชายที่อ่อนแอไปตลอดชีวิต
เมื่อซูเถาเห็นว่าพ่อแม่ของเขาถูกรับตัวมา เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
“ พ่อ แม่ ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ?”
“พวกทหารไปรับพวกเรามาและบอกว่าเธอจะอยู่ที่นี่ บ้านนี้ช่างใหญ่โตและสวยงามเหลือเกิน ฉันจะต้องอยู่ที่นี่กับพ่อของเธอ ฉันไม่ชินเลย”
ซูเถามองดูบ้านที่เขาอาศัยอยู่ เขาเคยชินที่จะอยู่ตัวคนเดียว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ในตอนนี้เขาพบว่าบ้านหลังนี้นั้นช่างหรูหรา
ซูเถามองดูพ่อแม่ของเขาและพูดพร้อมกับยิ้มว่า “พ่อครับ แม่ครับ โอเคนะ ถ้าพวกท่านไม่ชอบในสิ่งที่เห็น ผมจะขอใครสักคนให้เปลี่ยนให้ นี่เป็นบ้านที่ผมได้รับมอบจากบริษัท มันจะกลายเป็นของพวกเราในอนาคต เดี๋ยวผมจะไปชมรอบๆ ครับ พาพ่อกับแม่ไปรู้จักเพื่อนบ้านใหม่ และไปที่พื้นที่กิจกรรมด้านล่างเพื่อพูดคุยกับพวกเขาเผื่อว่าจะไม่มีอะไรทํานะครับ”
“ฉันไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนหรอกนะ ฉันคิดว่าการตกแต่งที่ที่สวยงามแล้ว อย่างกับโรงแรมใหญ่ๆ เลย”
“ตกลงตามนั้นครับ ถ้าพวกท่านรู้สึกว่าการพักอาศัยที่นั่นไม่สะดวกสบาย บอกผมได้เลยครับ ยังไงซะ เจ้านายจะช่วยรักษาขาให้ผมในวันนี้ ต่อไปผมคงไม่ต้องใช้สิ่งนั้นแล้ว” ซูเถาชี้ไปยังไม้ค้ำยันและพูดว่า
“อ่า จริงหรือ?”
“จริงครับ และแน่นอนว่าแม่กับพ่อไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับปัญหาของผมอีกแล้ว เมื่อขาของผมหายดี ผมจะหาลูกสะใภ้สวยๆ ให้นะครับ”
คนแก่ทั้งสองคนมีความสุขอย่างเห็นได้ชัดและเริ่มถามซูเถาเกี่ยวกับปัญหานานับประการแล้วฉันก็ได้โทรศัพท์หาน้องสาว และขอให้เธอช่วย
ซูลุ่ยรู้สึกช็อคอย่างเห็นได้ชัดเมื่อรู้ว่าพี่ชายของเธอเข้าทํางานในฟิวเจอร์กรุ๊ป เพราะในตอนนี้นั้น เธอเพิ่งจะพูดกับเพื่อนร่วมห้องของเธอว่ามันคงจะดีถ้าได้ทํางานที่ฟิวเจอร์กรุ๊ปหลังสําเร็จการศึกษา
เธอไม่รู้เลยว่าพี่ชายของเธอเข้าได้เข้าไปทํางานในบริษัทที่เธอใฝ่ฝันจะเข้าไปทํางานเช่นกัน