CE:บทที่ 334 เกิดความกังวลต่างๆ นาๆ
เมื่อนั่งลงภายในรถ อู๋ฮ่าวเหรินก็เอนลงไปบนโซฟาอย่างสบาย ด้านหน้าของเขานั้นคืออุปกรณ์ฉายภาพเสมือนจริงที่กําลังฉายข่าวสารอยู่
“มันช่างสบายจริงๆ มันต้องดีกว่านี้แน่ๆ ถ้าเอาเครื่องดื่มขึ้นมาด้วย”
ความสมดุลของรถนั้นแข็งแรงมาก เพียงแค่การยืนอยู่ในห้องทดลองคุณก็ไม่สามารถที่จะรู้สึกได้เหมือนตอนที่รถกําลังวิ่ง
อย่างไรซะ ก็ยังไม่สบายเท่ากับหลังจากตอนที่เปลี่ยนรูปแล้ว หลังจากการเปลี่ยนรูป พื้นที่ภายในรถจะขยายออกอีก โดยที่คนสามารถที่จะยืนและเดินในรถได้เลยทีเดียว
เมื่อรถของอู๋ฮ่าวเหรินออกมาจากห้องทดลอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายคนได้เห็นมัน พวกเขาคิดว่าเจ้านายกําลังทําการทดลองการพัฒนารถแบบใหม่
แน่นอนว่ารูปลักษณ์ของรถคันนี้ทําให้มันดูเหมือนเป็นเพียงแค่รถคันหนึ่งที่ได้ถูกพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว ไม่เหมือนกับรถที่ผลิตออกมาอย่างครึ่งๆ กลางๆ เหมือนครั้งที่แล้ว
“รถที่เจ้านายทํามาครั้งนี้รูปลักษณ์ดูดีมากและมันดูน่าพอใจมากเลยนะ อะไรอีกล่ะ และมันก็รู้สึกสม่ำเสมอมากเวลาขับ”
“คุณรู้ไหมว่ารถคันนี้มันไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาเลย?”
“งั้นหรือ ไม่จริงน่ะ เกิดอะไรขึ้น?”
อู๋ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่ารถคันนี้ใช้ระบบพลังงานที่มีประสิทธิภาพจากพลังงานผลึกคริสตัล ดังนั้นเมื่อขับรถ มันจะไม่มีเสียง เงียบเหมือนอย่างกับผี
สําหรับเรื่องไอเสียจากรถยนต์ มันไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นเลย มันเองก็เป็นความผิดของเขาที่เขาไม่ได้พิจารณาถึงปัญหานี้เลยแม้แต่น้อยเมื่อตอนที่เขาได้ออกแบบมัน เขาเพียงแต่สนใจที่จะทําให้รูปลักษณ์ของมันออกมาเหมือนกับรถยนต์ทั่วไป
ถึงอย่างไรก็ตามมันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร มันเป็นแค่เรื่องของการใช้พลังงานไฟฟ้า
สําหรับเรื่องที่ว่าทําไมมันถึงไม่มีเสียง แน่นอนว่า มันเป็นเครื่องยนต์จริงๆ แต่ถ้ามีใครสักคนต้องการถามเกี่ยวกับเรื่องเครื่องยนต์อู๋ฮ่าวเหรินเองก็ไม่สามารถที่จะตอบคําถามข้อนี้ได้
พนักงานหลายคนของฟิวเจอร์กรุ๊ปรู้ว่าเจ้านายกําลังทดลองการสร้างรถใหม่เมื่อพวกเขาได้เห็นรถพิเศษคันนี้
เมื่อดูที่ความเร็วของการเคลื่อนที่ของรถในบริเวณใกล้ๆ โรงงาน ทุกคนรู้สึกว่าประสิทธิภาพของรถคันนี้แข็งแกร่งมาก
กลุ่มพนักงานที่อยู่ภายในตัวอาคารรู้สึกภูมิใจเป็นอย่างมากที่ได้เห็นรถที่อยู่ด้านล่างจากทางหน้าต่างของตึก
“พวกคุณคิดว่ารถคันนี้เจ้านายเป็นคนขับ หรือว่าใช้ปัญญาประดิษฐ์?”
“ถึงแม้ว่าเจ้านายของเราขับรถเก่ง แต่ฉันคิดว่าทักษะการขับรถแบบนี้น่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์มากกว่านะ”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ ต้องเป็นปัญญาประดิษฐ์แน่ๆ เทคโนโลยีของเจ้านายเรานี่ดีเหมือนกับนักขับรถแข่งมืออาชีพเลยล่ะ คุณเห็นไหม รถคันนี้ไม่ได้ชะลอเลยแม้กระทั่งตอนที่เลี้ยว ไม่ว่ามันจะเป็นโค้งแบบไหนก็ตาม?”
ชายคนนั้นตอบออกมาทันที ความเร็วของรถคันนี้ไม่ช้าเลย อย่างน้อยก็ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ในกรณีนี้โค้งที่เห็นอยู่นั้น รถไม่ได้ชะลอลงเลยแม้แต่น้อยแต่มันก็เป็นเรื่องที่แปลกมากที่รถสามารถจะผ่านโค้งนั้นไปได้โดยที่ไม่ไปชนเข้ากับกําแพง
“ฉันก็เห็นเหมือนกัน ใครพอจะอธิบายให้ฉันฟังได้ไหมว่ามันทํางานอย่างไร?”
“มันไม่ง่ายเลยนะ เจ้านายคนเก่งของเราประดิษฐ์สิ่งใหม่ๆ ออกมาอีกแล้ว ในสถานการณ์นี้มันคงจะต้องมีการทําอะไรสักอย่างเกี่ยวกับประสิทธิภาพของรถ ฉันไม่รู้เผื่อว่าพวกเราอยากจะซื้อรถแบบนี้บ้าง”
“มันไม่ง่ายเลยนะที่จะซื้อ ฉันได้ยินมาว่าบริษัทรถยนต์ที่ร่วมมือกับบริษัทของเราได้เริ่มผลิตรถแล้ว
อย่างไรก็ตาม รถพวกนี้ก็ยังต้องถูกทดสอบ คุณอาจจะลงชื่อเข้าร่วมการทดสอบและได้รับรถมาแบบฟรีๆ ก็ได้นะ”
“การทดสอบงั้นหรือ ตกลงเลย แต่ฉันก็จะไม่เอาเปรียบใครหรอกนะ เมื่อผลการทดสอบออกมาแล้ว ฉันก็จะซื้อเอง”
เห็นได้ชัดว่าพนักงานยังคงครุ่นคิดเกี่ยวกับรถคันใหม่นี้ ถึงแม้ว่ามันจะเป็นบริษัทรถยนต์ที่เข้าร่วมมือกับบริษัทของพวกเขา แต่ถึงอย่างไรมันก็ไม่ใช่รถยนต์ที่ผลิตโดยบริษัทของพวกเขาอยู่ดี
ในตอนนี้ ข่าวที่ว่าอู๋ฮ่าวเหรินได้พัฒนารถคันใหม่ได้แพร่ไปถึงแผนกต่างๆ
“รถคันนี้รูปลักษณ์ดีทีเดียว แต่ฉันไม่รู้ว่ามันทํางานอย่างไร?”
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับประสิทธิภาพของมันหรอกนะ ฉันรู้สึกเสียใจกับพวกคนขับรถ เมื่อได้ยินคุณพูดว่า ถ้าพวกเราจะต้องใช้รถที่มีคุณสมบัติแบบนี้ พวกเราก็จะไม่ต้องเหนื่อยนักหลังเลิกงาน เพราะว่ารถนี้มีระบบปัญญาประดิษฐ์ซึ่งพวกเราก็ไม่ต้องขับรถเอง” ชายหนุ่มวัยยี่สิบกล่าว ขณะที่จ้องดูวิดีโอ
“ฉันยังไม่มีสิทธิ์นั้นแต่ฉันได้ยินว่าพวกเขากําลังทดสอบรถ คุณอาจจะลองสมัครดูก็ได้เผื่อว่าจะสําเร็จ”
สําหรับคนที่อยู่เบื้องบนเองก็ทราบข่าวเกี่ยวกับรถพวกนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้สนใจนัก เพราะว่าพวกเขามีเทคโนโลยีด้านรถยนต์ที่อู๋ฮ่าวเหรินได้มอบให้แก่พวกเขามากเพียงพออยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม บางประเทศเริ่มที่จะสนใจข่าวนี้เมื่อพวกเขาได้ทราบ
ข่าวที่ว่าบริษัทจะศึกษาเกี่ยวกับรถในอนาคตเป็นประเด็นที่ทุกคนให้ความสนใจ ยิ่งไปกว่านั้นภาพวิดีโอที่อู๋ฮ่าวเหรินได้ทดสอบรถยนต์มันก็แสดงให้เห็นว่ารถยนต์นั้นได้ถูกผลิตขึ้นมาแล้ว
และจากวิดีโอนั้นได้ผลตอบรับดีมาก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่นานาประเทศสนใจนั้นไม่ใช่ตัวรถยนต์ แต่เป็นเทคโนโลยีที่ถูกใช้การการผลิตรถ จากข่าวสารที่ได้แพร่ขยายออกไป สามารถสรุปได้ว่าฟิวเจอร์กรุ๊ปได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยจํานวนมากโดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบปัญญาประดิษฐ์ที่ถูกนํามาใช้ในรถยนต์
ในตอนนี้ สหรัฐอเมริกาได้เริ่มการประชุมหารืออีกรอบ โดยมีหัวข้อเกี่ยวกับเทคโนโลยียานยนต์ของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“ท่านประธานาธิบดี ในตอนนี้พวกเราได้ศึกษาเทคโนโลยีเครื่องกลอย่างอื่นจนเกือบจะสําเร็จแล้ว แต่พวกเราไม่สามารถที่จะแก้ไขปัญหาด้านวัสดุได้ เป็นเพราะระบบพลังงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งจะนําไปสู่การขาดประสิทธิภาพความแข็งแกร่งของวัสดุเครื่องยนต์และปัญหาด้านการแตกร้าว”
เห็นได้ชัดว่าอู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้มาร่วมการประชุมในครั้งนี้ หลังจากการทดลองอย่างยาวนานทางด้านเครื่องยนต์ คนเหล่านี้ค้นพบสาเหตุเป็นเพราะว่าระบบพลังงานนั้นแรงเกินไปและเครื่องยนต์ถูกใช้งานยาวนานเกินไป จนทําให้เกิดรอยแตกและจากนั้นเครื่องยนต์ก็จะพัง
“คุณรู้ไหมว่าพวกเขาจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร? เทคโนโลยีของพวกเขาก็คือวัสดุต่างๆ ที่คงจะล้าหลังกว่าของพวกเรา แล้วพวกเขาจะแก้ปัญหานี้ไปทําไมในเมื่อเราเองก็ยังแก้ไม่ได้?” เจ้าหน้าที่หลายคนอยากจะบอกว่าเทคโนโลยีเครื่องยนต์นั้นได้ถูกคิดค้นโดยคนอื่น ซึ่งคนที่จะสามารถจะแก้ไขปัญหานี้ได้แน่นอนว่าต้องเป็นประธานของฟิวเจอร์กรุ๊ป
“เราจะสามารถลดระบบพลังงานของเครื่องยนต์เพื่อแก้ปัญหาเรื่องความแข็งแรงของวัสดุที่ไม่เพียงพอได้ไหม?” เจ้าหน้าที่ถาม
“มันเป็นไปได้ครับแต่มันจะทําให้อายุการใช้งานของเครื่องยนต์นั้นสั้นมาก ถ้าเครื่องยนต์ถูกใช้เป็นเวลานาน มันก็จะร้าวเนื่องจากการสึกหรอของวัสดุ
“งั้นก็แปลว่า ถ้าไม่สามารถแก้ปัญหาด้านวัสดุได้ เครื่องยนต์ก็ไม่สามารถที่จะผลิตได้”
“ใช่ครับ ถ้าพวกเราแก้ปัญหาด้านวัสดุนี้ได้ พลังอันทรงพลังของเครื่องยนต์นี้จะสามารถเสริมกําลังทหารของเราได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น ประธานาธิบดีถึงกับขมวดคิ้วและถามว่า “คุณพอจะทราบไหมว่ากําลังทหารดีขึ้นมาแค่ไหน?”
“มันมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการรบ เรือรบ หัวรถจักรและอื่นๆ แรงผลักดันที่แข็งแกร่งหมายถึงความเร็วที่เร็วขึ้นครับ”
“ดูเหมือนว่ากําลังทางทหารของจีนจะเปลี่ยนไปอีกครั้ง สั่งให้แผนกวิจัยเร่งเรื่องการวิจัยอาวุธแปลงพลังงานและพัฒนาอาวุธพลังงานที่สามารถผลิตได้เป็นจํานวนมาก”
“ดูนี่สิครับท่านประธานาธิบดี นี่พวกเรากําลังจะได้เทคโนโลยีเพิ่มเติมจากที่นั่น ยกตัวอย่างเช่น กองกําลังพิเศษชนิดนั้น เพื่อจัดการกับอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้”
ประธานาธิบดีสั่นหัวและกล่าวว่า “พวกเรายังไม่พบพลังงานที่เป็นอาวุธชิ้นเดียวในโลกเลยทันทีที่มันถูกใช้ พลังงานบางส่วนก็จะถูกใช้ไป นี่ยังไม่ใช่เวลาที่จะเอาอาวุธแบบนั้นออกมา ให้พวกเขาศึกษาข้อมูลอย่างรวดเร็วเพื่อดูว่าถ้าพวกเขาสามารถที่จะหาอาวุธที่จะสามารถนํามาใช้ได้”
เห็นได้ชัดว่าในการเผชิญกับการเติบโตของกองกําลังทหารของจีน สหรัฐอเมริกาเองก็ต้องเร่งพัฒนาทางการทหารของพวกเขาเช่นกัน
อู๋ฮ่าวเหรินก็ผิดคาดเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ โดยปล่อยให้เทคโนดลยีด้านเครื่องยนต์ของสหรัฐอเมริกานั้นก้าวหน้าไปมาก