CF:บทที่ 35 ภาพวาดที่ดึงดูด
หลี่ชู่เป็นเมืองที่มีขนาดเล็ก ผู้คนที่กำลังหางานนั้นส่วนใหญ่ก็มาจากที่นี่ ราวกับเป็นนักศึกษาที่กำลังจบจากโรงเรียนก็มิปาน
มีผู้คนไม่มากมายเท่าไหร่ในงานจ็อบแฟร์ ประมาณซักร้อยกว่าคนได้ ไม่มีทางที่จะเปรียบเทียบกับเมืองที่แออัดได้เลย
แต่อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ กว่าครึ่งของผู้ที่ไปงานจ็อบแฟร์กำลังมุ่งหน้าไปรวมตัวกันที่ส่วนลึกสุดของงาน จุดที่เหล่าคนจีนโดนต้อนด้วยความเชาว์ปัญญา
“บริษัทข้างหน้านี่คืออะไรน่ะ? แล้วเงินเดือนของบริษัทใหญ่นั้นล่ะ?”
“น่า มาเร็ว บริษัทใหญ่กำลังรับสมัครพนักงานนะ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น เพื่อนที่โดนเบียดแออัดอยู่ในฝูงคนก็พูดออกมาเสียงดังต่อว่า “มันเป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่! ดูที่ข้างบนตรงคำอธิบายนั่นสิ ดูเหมือนว่าจะเป็นผู้ผลิตเครื่องดื่มนะ อะไรคือ เครื่องดื่มแห่งอนาคต ก็ไม่รู้ ชื่อมันฟังดูสูงมากๆเลย และฉันไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง นี่น่ะไม่ใช่โรงงานเล็กๆแน่ๆ”
“แล้ว ว่าแต่ทำไมถึงมีผู้คนแออัดตรงนี้ล่ะ?”
“มันมีรูปภาพอยู่ข้างใน มันสวยมากๆ คนพวกนี้เบียดเสียดกันเข้าไปเพื่อดูภาพนั้น”
พอคนเริ่มจางออก ภาพที่อยู่ด้านหลังก็ปรากฎ มันเป็นภาพที่ดูดีเลยทีเดียวเชียว
ชายผู้ที่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ตะโกนขึ้น “โอ้ พระเจ้า! เว็บไซต์ที่บริษัทเครื่องดื่มนี่ทำมันเจ๋งอยู่นะ โอ้ ไม่ นี่ดูเหมือนจะเรียกว่า ฟิวเจอร์กรุ๊ป เป็นบริษัทแม่ของ บริษัทเครื่องดื่มอนาคตอีกที”
ชัดเจนเลยว่าผู้คนบางส่วนนั้นเริ่มที่จะสนใจหาบริษัทของอู๋ ฮ่าวเหริน ในอินเตอร์เน็ตกันแล้ว และพวกเขาก็ต้องตกใจเมื่อได้พบกับเว็บที่จี้สร้างขึ้นมา
“จริงเหรอเนี่ย? ด้วยดีไซน์ของเว็บไซต์ที่สอดคล้องและบ่งชี้ถึงตัวตนบริษัทนี่มันสุดยอดไปเลยนะ”
เมื่อเหล่าผู้ที่สรรหางานใหม่ได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเป็นฝ่ายเริ่มค้นหาชื่อบริษัทดังกล่าวเพื่อเข้าดูเว็บไซต์ด้วยตาตัวเองด้วย
หลังจากที่พวกเขาได้เห็นเว็บไซต์ที่สร้างโดยจี้ คนที่ไม่ได้เข้าใจมันเป็นพิเศษก็จะเพียงแค่รู้สึกดีและสบายตา ส่วนผู้ที่รู้ว่าเว็บไซต์นั้นทำยังไงก็จะบอกได้ทันทีเลยว่ามันไม่ได้สร้างขึ้นมาง่ายๆ มันเป็นผลงานชั้นยอดที่ผ่านการวางแผนและออกแบบมาได้อย่างดีเลยทีเดียว
“อืม อืม…การจะสร้างเว็บไซต์ขนาดนี้ได้ต้องใช้เงินมากอยู่นะ ดูท่าบริษัทนี่จะแข็งแกร่งพอตัวเลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้คิดเกี่ยวกับเจ้าสิ่งนี้ เขาคิดแค่ว่าเว็บไซต์มันจะต้องเจ๋งและทำให้ลูกค้าที่เข้าชมรู้สึกสะดวกสบาย เขาไม่ได้คาดหวังที่จะได้รับโบนัสอะไรจากงานจ๊อบแฟร์นี้
จากที่คนบางส่วนไม่ได้สนใจที่จะสมัครทำงานกับบริษัทใหม่ ตอนนี้ก็เริ่มจะให้ความสนใจบ้างแล้ว และบางส่วนก็ตัดสินใจที่จะสมัครเข้าทำงาน
ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่ด้านหน้าของโต๊ะรับสมัครงาน ทั้งคู่ไม่มีเวลาที่จะอ่านข่าวใหม่ๆเลย
ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่เมื่อได้ยินว่านี่เป็นบริษัทที่เพิ่งเปิดใหม่ และเป็นบริษัทเครื่องดื่ม ก็จะรู้สึกไม่น่าเชื่อถือ
แต่เพราะภาพวาดนั้น เลยทำให้เขายังนั่งในท่าทีที่ไม่เดือดร้อนได้
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ลี่ เจีย ผมกำลังเรียนอยู่ในคณะเศรษฐศาสตร์และการบริหารจัดการ ผมจะจบการศึกษาจากมหาลัยในปีนี้ นี่เป็นเรซูเม่ของผมครับ ผมเอ่อ…อยากจะสมัครเข้าทำงานที่นี่”
อู๋ ฮ่าวเหรินรีบสแกนเรซูเม่ของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าโทรศัพท์มือถือที่ข้อมือของเขาก็อัพโหลดข้อมูลนั้นและส่งกลับไปยังจี้ หลังจากที่จี้ได้รับข้อมูลเหล่านั้น ก็เริ่มนำมันมาค้นหาเรื่องราวต่างๆของผู้สมัครนี้ผ่านอินเตอร์เน็ตเพื่อนำมาประกอบการพิจารณา
ในความจริงแล้ว จ็อบแฟร์วันนี้ อู๋ ฮ่าวเหริน เป็นเพียงสื่อกลาง ส่วนผู้ที่ประเมินจริงๆนั้น ก็คือปัญญาประดิษฐ์ต่างหาก
“ขอโทษนะหนุ่มน้อย นายไม่เหมาะกับงานนี้หรอก นายสามารถไปลองดูบริษัทอื่นที่เหมาะกับนายมากกว่านี้ได้นะ”
แน่นอนว่า อู๋ ฮ่าวเหริน จะไม่พูดว่า นายสามารถกลับมาใหม่ได้ทุกเมื่อ หรือเราจะติดต่อนายไปในไม่กี่วัน หรือคำพูดอะไรที่มันเป็นการพูดแบบปล่อยผ่านแบบที่บริษัทอื่นๆชอบทำ
หากว่าคุณอยากจะปฏิเสธผู้อื่น แม้ว่ามันจะทำร้ายความมั่นใจของเขาขนาดไหน แต่มันย่อมดีกว่าต้องมาปฏิเสธเขาในภายหลังแบบตัวต่อตัวแน่ๆ
ในความเป็นจริง อู๋ฮ่าวเหริน ไม่ได้หวังว่าจะได้ผู้สมัครตำแหน่งอะไรบ้างจากวันนี้ แต่เขาสามารถหาคนที่เหมาะสมกับงานได้ที่นี่แน่ๆ
เพราะว่าเขานั้นต้องการว่าจ้างพนักงานที่มีความสามารถในระดับสูง ไม่ว่าจะเป็น การเงิน ผู้จัดการ การจัดซื้อ และอื่นๆอีกมากมาย ใครก็ตามที่มีความสามารถในระดับสูงเพียงคนเดียวเท่านั้น
และรับมาในฐานะบุคลากรผู้ดูรับรับผิดชอบการผลิตเครื่องดื่ม แม้ว่าตัวโรงงานจะอยู่ในกระบวนการสร้างและอุปกรณ์ยังไม่พร้อมใช้งานก็ตาม หลังจากที่ว่าจ้างพนักงานเข้ามาแล้ว พวกเขาต้องจ่ายค่าแรงหลายเดือนโดยที่ยังไม่มีใครได้ทำงานใดๆทั้งสิ้น
ในความแออัดนั้น
หญิงสาวกับแว่นตาทรงเก่า แต่งตัวเรียบง่าย ดูเหมือนว่าเธอจะย้อนยุคมา ผู้หญิงที่ดูจะคุยด้วยยาก อารมณ์เหมือนผู้อำนวยการของโรงเรียนที่เก๋าๆเลย
จากรูปที่เห็นนั้น แสดงออกถึงจุดแข็งของบริษัทเปิดใหม่เช่นนี้อยู่บ้าง มันอยู่ในเมืองลิ้วเหอ ‘เหมาะกับฉันจริงๆ’ ลิ้ว เหมย หรู่ คิดวนซ้ำเกี่ยวกับสิ่งนี้
เธอคือพนักงานบัญชี และมีประสบการณ์การทำงานกว่า 5 ปีด้วย เพราะลักษณะของเธอทำให้เธอมีความสัมพันธ์กับเหล่าพนักงานในบริษัทเก่าที่ต่ำเตี้ยมาก นอกจากนั้น เธอยังปฏิเสธที่จะทำบัญชีที่ไม่ตรงตามความเป็นจริงให้กับบริษัทแถมเธอยังไม่ชอบชุดของบริษัทอีกด้วย ดังนั้น เธอจึงออกจากงานมาและกลับมายังบ้านเกิดเพื่อพักผ่อนซักพักหนึ่ง
วันนี้ ฉันไม่ได้มาหางานให้ตัวเอง แต่มาหางานเพื่อลูกสาวของญาติที่สนิท
หลังจากที่ไตร่ตรองกับสิ่งตรงหน้าอยู่พักใหญ่ หลิว เหมย หรู่ ก็เดินตรงเข้าไปยังโต๊ะรับสมัครพนักงานของอู๋ ฮ่าวเหริน แต่เพราะว่าเธอไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรมาเลย หลังจากนั่งลงไปแล้วเธอจึงทำได้แค่แนะนำตัวเองโดยรวมเท่านั้น
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปยังหญิงสาวผู้แปลกประหลาดนี้ด้วยความงงงวย เธอคนนี้มาจ็อบแฟร์โดยที่ไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรเลยเนี่ยนะ? ช่างมั่นใจตัวเองซะเหลือเกิน
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อจีจี้ส่งข้อมูลการพิจารณาหญิงสาวตรงหน้าเขามาให้ เขาดูมันอย่างไม่น่าเชื่อ ทำไมคนที่มีความสามารถขนาดนี้ถึงมาอยู่ในงานจ็อบแฟร์นี่ได้กันนะ?
ถึงแม้รูปลักษณ์จะดูเป็นปัญหาก็เถอะ แต่ความสามารถระดับนี้เป็นอะไรที่บริษัทใหญ่ไม่ควรปล่อยผ่านเลยนะ
อู๋ฮ่าวเหรินไม่พูดอะไรไร้สาระ เขากลัวว่าเขาจะพลาดในการจ้างเธอเข้ามาเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งในตอนนี้เขาต้องการพนักงานบัญชีเช่นนี้เอาเสียมากๆ
“คุณหลิว เหมย หรู่ ครับ หากไม่มีปัญหาอะไร คุณได้รับการรับรองจากทางบริษัทของเราครับ”
เมื่อได้ฟังคำพูดของ อู๋ ฮ่าวเหริน หลิว เหม่ยหรู่ ก็ถึงกับตกใจไปเลย เธอเพียงแค่พูดถึงประวัติการทำงานและข้อมูลของเธอคร่าวๆ แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมรับในตัวเธอถึงเพียงนี้
“คุณไม่อยากรู้อะไรเพิ่มเติมหรือถามคำถามอะไรฉันหน่อยเหรอ?”
“ไม่จำเป็นครับ คุณได้รับการรับรองแล้ว นี่เป็นข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทของเรา คุณเอาไปดูก่อนได้เลย ถ้าคุณสามารถทำได้ เราจะมาเซ็นสัญญากันทีหลังก็ได้” อู๋ ฮ่าวเหรินพูดในเชิงบังคับเล็กน้อย
หากปราศจากการพิจารณาอันชาญฉลาดของจี้ เขาคงไม่กล้าที่จะรับคนแบบนี้แน่ๆ
เมื่อ หลิว เหมยหรู่ เปิดข้อมูลบริษัทดู และทันทีที่เห็นทุนในการจดทะเบียนของบริษัท เธอก็ถึงกับช็อคไปเลย
ในความคิดของเธอ สำหรับบริษัทเล็กๆ ทุน 5 ล้านหยวนก็ดีพอแล้ว แต่เธอไม่คิดเลยว่า บริษัทนี้จะใช้ทุนถึง 10 ล้านหยวน
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลบริษัทยังดูแปลกตามากๆอีกด้วย ไหนจะตัวโรงงานที่กำลังอยู่ในกระบวนการสร้าง และดอกกล้วยไม้สีม่วงที่กำลังเติบโตอยู่ นอกจากเธอแล้ว พนักงานทั้งหมดก็ดูจะมีแค่ 2 คนนี้ ก็คือ หัวหน้าแล้วก็คนขับรถเท่านั้น
เธอเริ่มประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่อยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาควรจะปกปิดมันไว้และตั้งหน้าตั้งตาหาพนักงานไปก่อนเป็นอันดับแรก
เพราะตามปกติแล้ว หลังจากที่ผู้สมัครกว่า 80% เห็นข้อมูลเหล่านี้ แน่นอนว่าพวกเขาต้องคิดทบทวนซ้ำแล้วซ้ำอีกในการสมัครเข้าเป็นพนักงานแน่ๆ
หลายนาทีต่อมา หลิว เหมยหรู่ปิดข้อมูลบริษัทลงไปหลังอ่านจบ ใบหน้าที่มีอายุของเธอฉายรอยยิ้มที่งดงามออกมา
“เป็นบริษัทที่แปลกมากเลยค่ะ ฉันสงสัยจังว่านี่เป็นบริษัทประเภทไหน อ๊ะ แน่นอนว่าภาพที่สวยงามข้างหลังนั่นก็เป็นตัวแปรสำคัญที่ทำกระตุ้นให้ฉันสนใจบริษัทขึ้นมา”
ฟังคำของหลิวเหม่ยหรู่ อู๋ฮ่าวเหรินก็ยิ้มออกมา ทุกสิ่งที่ทำนั้นเกิดขึ้นด้วยความ’จงใจ’ ด้านหน้าเขาคืออาหารจานรอง…กับดักอันแสนโอชะที่เอาไว้ทดสอบคนเป็นพิเศษ ส่วนจานหลักก็คือภาพด้านหลังเขานั่นแหละ
หากคุณยังอ่านข้อมูลไม่หมด คุณก็คงจะยอมแพ้กับงานนี้แต่ใครจะรู้ว่านั่นน่ะ คือส่วนหนึ่งของการสมัคร
อู๋ฮ่าวเหรินพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมมั่นใจว่าคุณคงจะไม่ปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับบริษัทของเรา ผมไม่เคยคาดคิดเลยว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับนี้อย่างคุณจะมาเข้าร่วมงานจ๊อบแฟร์ในเมืองเล็กๆเช่นนี้”
ขณะที่พูดไป เขาก็เปิดคอมพิเตอร์และหันให้อีกฝ่ายดู ถึงข้อมูลในอดีตของตัวเธอเอง และนั่นเพื่อแสดงให้เธอเห็นว่า บริษัทแห่งนี้มีประสิทธิภาพในด้านต่างๆเกี่ยวกับข้อมูลขนาดไหน
———————