CF:บทที่ 44 อู๋ ฮ่าวเหริน
เมื่องานเฉลิมฉลองเริ่มจะเงียบลง เหล่ต้าสามารถพูดได้ว่ามันน่าพอใจแล้วสำหรับเขา นั่นรวมไปถึงการทำให้พ่อของเขาเองประหลาดใจด้วย
โทรศัพท์ราคา 300 หยวนนั้นถูกส่งไปยังห้องสมบัติของตระกูลเหล่ โดยเหล่าทีมคุ้มกันของตระกูลและหลังจากนั้นมันจะถูกนำไปจัดแสดง
ในเวลานั้นทางฝั่งของเหล่ ต้า เต็มไปด้วยผู้คน ทุกๆคนมองเขาในมุมมองที่ต่างออกไปจากเดิม แม้แต่คนที่ที่เคยมองเขาว่ามีปัญหาในบางมุมเองก็ยังเลือกที่จะมองข้ามมันไป
หลังจากเพลิดเพลินกับคำสรรเสริญทั้งหลายแล้ว เหล่ต้า ก็ไม่ได้หลงตัวเองกับสิ่งเหล่านั้นเสียเท่าไหร่แต่เขากลับคิดถึงจุดที่โทรศัพท์มือถือนั้นส่งมา นั่นทำให้เขากระเหี้ยนกระหายอยากจะติดต่อกับพ่อค้าของเก่านั่นเร็วๆ
ดังนั้นเขาจึงรีบไปทานข้าวกลางวันก่อนจะรีบบึ่งรถจนเกิดกำหนดและหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“เฒ่าเหล่ นายมีหลานที่ดีและมีความถ่อมตน”
“แต่ถึงยังไง เฒ่าเหล่ เมื่อไหร่ที่นายจะสามารถสร้างโทรศัพท์ขึ้นมาให้เราดูได้ สิ่งนั้นต้องไปอยู่ในพิพิธภัณฑ์แน่ๆ และนั่นคงจะมีมาตรการป้องกันที่แน่นหนาเลย”
เหล่ เทียนหง ยิ้มอย่างภาคภูมิใจก่อนจะพูดอย่างเบาๆขึ้นมา “ไม่ต้องกังวล ฉันจะโชว์โทรศัพท์มือถือของฉันแน่ๆ แต่หลังจากที่ระบบรักษาความปลอดภัยเสร็จแล้วนะ มันอาจจะใช้เวลาอีกซัก 2-3 วัน”
“พูดมันไม่เหมือนกับทำนะ พวกเราต้องการดูเป็นการส่วนตัว เป็นไปได้ก็อยากจะจับมันด้วย”
เหล่ เทียนหง คิดก่อนจะพูดต่อ “ก็ได้ ถ้าจะจับน่ะนะ แต่ต้องเป็นในค่ายที่มีการรักษาความปลอดภัยเท่านั้น”
“เราเข้าใจ มันต้องเป็นค่ายที่มีการคุ้มกันแน่นหนา”
นั่นเป็นเรื่องจริง ก็เพราะว่า สมบัติของตระกูลชิ้นนี้ หากจับต้องได้ง่ายๆเกรงว่ามันอาจจะถูกขโมยหรือถูกทำลายได้
เมื่องานเลี้ยงจบลง ข่าวของตระกูลเหล่ที่เป็นผู้ถือครองโทรศัพท์จากโลกยุคโบราณก็ได้แพร่กระจายออกไป
ขั้นแรกเลยมันกลายเป็นเรื่องน่าตกใจภายในหมู่ผู้ที่ค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับของโบราณ นักวิจัยบางคนถึงกับลงทุนมาหาจากที่ไกลแสนไกลเพื่อคลายข้อสงสัยที่บางคนได้นำใบรับรองจากรัฐออกมาเผยแพร่
ส่วนบางคนก็แสดงตัวชัดเจนว่า ต่อให้มีใบรับรองจากรัฐก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นเรื่องจริง เพราะสิ่งของประเภทนี้ บางอย่างมันก็ขอใบรับรองได้
บนระบบความไวแสงในตอนนี้มีการต่อสู้ที่ดุเดือดเกิดขึ้นก็เพราะใบรับรองดังกล่าว ตระกูลเหล่ ผู้วางแผนอยู่เบื้องหลังวางเอกสารที่ได้มาจากสมองกลอัจฉริยะจากรัฐบาลลงไปอีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายที่กำลังทะเลาะกันบนระบบเครือข่ายต่างก็พากันอยู่ในอาการตกตะลึงกันหมด พวกเขาต่างดูหลักฐานที่ได้จากสมองกลนั้นอย่างเหลือเชื่อ
เมื่อการสนับสนุนนั้นทำให้ความจริงปรากฎ เทศกาลทับถมคนอีกฝ่ายที่ซึ่งพ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้ก็ถาโถมขึ้น
เหตุการณ์ที่เกิดนั้นมีผลกระทบกับแค่เหล่านักค้นคว้าวิจัยวัตถุโบราณเท่านั้น ภายใต้การวางแผนของเหล่าบุคลากรแห่งตระกูลเหล่ มันทำให้ตระกูลเกิดความน่าสนใจในสายตาของเหล่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นอย่างมาก แน่นอนว่ามันส่งผลให้บริษัทในเครือตระกูลโด่งดังตามไปด้วย
ในเวลานั้น เหล่ต้า ซ่อนตัวอยู่ในห้องของเขา เข้าไปยังระบบซองแดงและในตอนนี้เขาพร้อมที่จะติดต่อกับพ่อค้าของเก่าเพื่อจะส่งคำขอบคุณของเขาไปแล้ว
อู๋ ฮ่าวเหริน เพิ่งจะกลับมาจากเทศบาล ในวันหนึ่ง ท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถทำให้ออฟฟิศของบริษัทมีตัวตนขึ้นมาได้และตอนนี้เขาก็ยกแบรนด์บริษัทขึ้นไปติดตั้งเรียบร้อย
ในขณะเดียวกัน เขาเองก็ได้รับสายเรียกเข้าจาก หลี่ เหวินหัว ว่าโครงการทั้งหมดถูกอนุมัติ และเอกสารทั้งหมดจะถูกส่งมาใน 2 วัน
นี่มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ ทันทีที่กลับถึงบ้าน เขาได้รับข่าวจากจี้ว่า มีผู้มีความสามารถ 3 คนต้องการที่จะเข้ามาดูบริษัท และพวกเขาจะเข้ามาถึงในวันพรุ่งนี้
สำหรับกรณีนี้ ผู้ที่สนใจทั้งสามจะเข้าหรือไม่เข้าบริษัทก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของอู๋ ฮ่าวเหริน แล้ว
“คุณนักบัญชี ตึกสำนักงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถ้าคุณไม่มีปัญหาอะไร พรุ่งนี้คุณสามารถเดินทางเข้ามาดูและจัดนู่นจัดนี่ได้เลย” อู๋ ฮ่าวเหรินโทรไปหาหลิว เหมยหรู่
ไม่มีทาง นักบัญชีคนสำคัญบ่นเรื่องของเขาไว้เยอะมาก ตั้งแต่ความล้มเหลวที่เขาไม่สามารถหาสำนักงานให้บริษัทได้ในอันดับแรก และเพราะสิ่งนี้ มันเลยทำให้ครอบครัวสงสัยในตัวเธอว่าเธออาจจะกำลังเจอบริษัทต้มตุ๋นเพื่อทำงานก็ได้
“เข้าใจแล้วนายใหญ่ ฉันจะไปที่นั่นพรุ่งนี้นะคะ”
หลิวเหมยหรู่ไม่ได้ตั้งความหวังไว้มากเกี่ยวกับบริษัท นั่นก็เพราะประสิทธิภาของอู๋ ฮ่าวเหรินนั่นแหละ
แต่เมื่อเงิน 200 ล้านดอลล่าห์ถูกส่งเข้าบัญชีบริษัท เธอก็ทำอะไรไม่ถูกกับความไม่น่าเชื่อนี้มากๆ
คิดตามสิ่งที่เธอเห็นในงานจ๊อบแฟร์นั้น เธอคิดว่ามันต้องไม่เป็นความจริงแน่ๆ!
อู๋ฮ่าวเหรินไม่ได้รู้เลยว่าหลิว เหมยหรู่กำลังคิดนู่นคิดนี่อยู่ ณ เวลานั้น หลังจากวางสายไป เขาพูดกับจี้เกี่ยวกับตัวตึกและตัวโรงงาน
“จากการคำนวน แม้แต่ความเร็วที่สูงที่สุดก็ยังต้องใช้กว่าครึ่งปีเลยเหรอ?”
“ใช่แล้วครับ กำลังของวิทยาศาสตรและเทคโนโลยีปัจจุบันไม่สามารถทำให้มันไม่สำเร็จ และแผนการก่อสร้างบางอย่างไม่สามารถใช้งานได้ ในระดับปัจจุบันของการก่อสร้างบนโลกใบนี้ นี่คือทางออกที่เร็วที่สุดและดีที่สุดสำหรับความสำเร็จของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในปัจจุบันครับ”
อู๋ ฮ่าวเหริน ตกอยู่ในอาการพูดไม่ออกนิดหน่อย คุณอยากจะต้องไปพัวพันกับบริษัทที่ยังไม่สร้างหรือเปล่า? ไม่แน่นอน เขาเองก็ไม่อยากเหมือนกัน ปัญหาโดยส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็คือเขายุ่งอยู่กับโรงงานผลิตเครื่องดื่มและวัสดุใยพืชมากเกินไปจนไม่สามารถทำงานก่อสร้างใดๆได้
ยิ่งไปกว่านั้น หากจะต้องทำการก่อสร้างอะไรซักอย่าง เขาจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตแน่ๆ ซึ่งตัวอู๋ ฮ่าวเหรินเองก็ไม่ได้อยากพัฒนาสิ่งเหล่านั้นในตอนนี้ เมื่อไหร่ที่มันออกมา เขามันใจได้เลยว่ามันจะต้องเรียกความสนใจจากรัฐได้แน่ๆ
“ครึ่งปี ครึ่งปี ก็ได้ ฉันจะรอมันก็ได้”
ในตอนนั้นเอง ระบบซองได้ก็ได้แจ้งเตือนเขาว่าใครบางคนได้ส่งข้อความมา
หลังจากได้ดูสิ่งนั้น นั่นคือมิสเตอร์เรดาร์นั่นเอง(ไอดี=เรดาร์ ชื่อจริง เหล่ต้า) อู๋ ฮ่าวเหรินประหลาดใจนิดหน่อย เพราะหลังจากการตกลงครั้งนั้น ชายคนนี้ก็ไม่ได้ติดต่อเขาอีกเลย
เขาคิดกับตัวเองว่า เรื่องที่โทรศัพท์นั่นเป็นของปลอมถูกเปิดเผยแล้วเหรอ? ชายคนนี้ต้องการที่จะหาตัวเขาเพื่อเรียกคืนเหรียญพลังงาน 300 เหรียญนั่นงั้นเหรอ
อู๋ ฮ๋าวเหรินส่งข้อความกลับไปด้วยความลุกลี้ลุกลน “มีอะไรรึเปล่า? ฉันกำลังยุ่ง”
“ขอบคุณมากๆเลย พี่ชายพ่อค้าของเก่า ฉันไม่ได้จะรบกวนนาย ฉันไม่คิดเลยว่าโทรศัพท์มือถือที่นายให้ฉันจะเป็นโทรศัพท์มือถือจากโลกยุคโบราณซึ่งมันทำให้พวกรัฐบาลหัวปั่นกันไปหมด ตอนนี้มันกลายเป็นมรดกตกทอดในตระกูลเหล่ ไปแล้ว ขอบคุณมากเลยจริงๆ”
ฟังซองแดงแจ้งเตือน มิสเตอร์เรดาร์ก็มอบเหรียญพลังงานให้เขา 1000 เหรียญ หลังจากได้เห็นสิ่งนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินที่กำลังกระดกชาก็พ่นชาออกมาจนเลอะเทอะไปหมด
ดึงดูดรัฐบาล!
โทรศัพท์สืบทอด!?
แย่ล่ะสิ นี่มันเกินที่จะพูดแล้ว นี่ไม่ใช่โทรศัพท์ปลอมราคา 300 หยวน นี่มันคือบางสิ่งบางอย่างที่ขโมยไม่อาจขโมยได้ รวมถึงเป็นมรดกตระกูลด้วย แถมยังดึงดูดรัฐบาลอีก
ดี นั่นคงเป็นช่วงเวลานี่โทรศัพท์มือถือสาปสูญไปแล้ว 1000 ปีหลังจากนี้… บางทีพวกเขาอาจจะภูมิใจในสมบัติไร้ราคาบนโลกนี้ก็ได้…
นั่นหมายความว่า เขาควรจะหาทางที่จะทิ้งพวกของปลอมไว้ให้พวกคนในอนาคต ในเวลาไม่กี่ปี จะต้องกลายเป็นเศรษฐีแน่ๆ
ดี ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ต้องทำอะไรให้ยุ่งยากแล้ว เจเนอเรชั่นของเขาจะกลายเป็นเศรษฐี ไม่ก็อาจจะกลายเป็นเศรษฐีระดับโลกเลยก็ได้
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่าจะตอบกลับชายคนนั้นยังไง หลังจากคิดอยู่พักใหญ่เขาก็ตัดสินใจพูดขึ้น “ตั้งแต่ที่ซองแดงนี่ถูกส่งออกไป นายไม่ต้องคำนึงถึงมากก็ได้ สำหรับฉัน สิ่งเหล่านั้นไม่ดีเท่าโทรศัพท์ที่นายก็อปปี้มาให้ฉันหรอก”
ดูข้อมูลที่อู๋ ฮ่าวเหรินส่งมา เหล่ต้าก็คิดกับตัวเอง ดูคนคนนี้สิเมื่อการเผชิญหน้ากับสิ่งที่ทำให้หวั่นไหวในสหพันธ์ เขาก็ยังพูดว่าสิ่งของนั้นไม่ได้สำคัญอะไร สมเป็นเจ้าถิ่นหนุ่มจริงๆ
ความคิดเช่นนี้ น้ำเสียงแบบนี้ เขาต้องเป็นปรมาจารย์แน่ๆ!
“พี่ชายพ่อค้าของเก่า นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น ในอนาคต คุณสามารถใช้ของๆฉันได้”
ดูถ้อยคำที่เหล่ต้าส่งมา อู๋ ฮ่าวเหรินคิดถึงระดับของเขา เขาระดมสมองก่อนจะถามกลับ
“มิสเตอร์เรดาร์ ฉันต้องการที่จะอัพเกรดระดับของฉันตอนนี้ แต่มันไม่มีอะไรที่จะทำได้ นายพอจะมีวิธีหรือเปล่า?”
“อัพเกรด! นี่มันเรื่องง่ายเลยนะ ฉันสามารถส่งเครื่องมือสื่อสารที่ผลิตโดยตระกูลของฉันผ่านซองแดงในอันดับแรก จากนั้นนายก็ส่งต่อให้คนอื่นๆในกลุ่ม ถ้าทำตามนี้นายก็จะสามารถอัพเกรดได้ แน่นอน วิธีนี้จะทำให้นายสิ้นเปลืองเหรียญพลังงาน หลังจากอยู่ในระดับสูงแล้ว มันจะยิ่งสิ้นเปลืองเข้าไปอีก“
อู๋ ฮ่าวเหรินตาเป็นประกายหลังจากได้ยินเหล่ต้าพูด ใช่ เขาสามารถปล้นความต้องการของคนอื่นได้ด้วยวิธีนี้ จากนั้นก็ส่งกลับไป เหรียญพลังงานที่เขาได้ก็จะไม่ต้องถูกนำไปแลกเปลี่ยน แต่ถึงจะเสียเหรียญไปบ้าง เมื่อมองไปยัง 1000 เหรียญพลังงานที่มิสเตอร์เรดาร์มอบให้มานั้น ฉันไม่ไม่สนใจความสูญเสียเล็กน้อยนี่แล้ว
ในไม่ช้า เขาก็ได้เข้าใจว่านี่มันงี่เง่าขนาดไหน
—————————————-