CF:บทที่ 48 ตกหลุมพลาง
ลู่ เปงเฟย มึนงงไปชั่วขณะ ก่อนที่จะได้สติและถามไปด้วยความสงสัย “คุณยังกลัวว่าผมจะออกไปอยู่เหรอ?”
หลิว เหมยหรู่ มองเขากลับไปและพูด “ก่อนที่คุณจะมา ฉันได้อ่านข้อมูลเกี่ยวกับคุณแล้ว ฉันไม่ได้คิดถึงมันเลย และเมื่อคุณรู้ถึงสถานการณ์ คุณจะยังคงอยู่ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันเองก็เป็นเพียงพนักงานหนึ่งเดียวในบริษัทแห่งนี้ เพราะฉะนั้นหากคุณทั้งหมดออกไปแล้ว เจ้านายฉันก็คงเป็นฝ่ายที่พ่ายแพ้”
ฟังหลิว เหมยหรู่ตอบ ลู่ เปงฟยรู้สึกถูกโน้มน้าว จริงๆแล้วในกรณีนี้ ไม่มีใครแพ้ทั้งนั้นแต่ถ้ามันจะสูญเสียจริงๆก็คงจะมีแต่เจ้าของบริษัทนั้่นแหละ
“และถ้าคุณเลือกที่จะออกไป ฉันเชื่อเลยว่าคุณจะเสียใจกับการตัดสินใจของคุณในวันนี้แน่ๆ”
“โฮ่ เสียใจงั้นเหรอ ผมไม่คิดอย่างนั้นนะ ด้วยประสบการณ์การทำงานของพวกเรา มันไม่ได้เป็นปัญหาเลยถ้าหากจะไปเข้าร่วมกับบริษัทดังๆ”
“ไม่หรอก ถ้าเมื่อไหร่คุณได้รู้จักกับบริษัท ฉันเชื่อว่าคุณจะเสียใจจริงๆ คุณไม่เห็นข้อมูลของวัสดุใยพืชที่ส่งให้นั่นเหรอ? อย่าบอกนะว่าคุณไม่เห็นผลลัพธ์ที่ได้จากมัน ถ้าเป็นแบบนั้นจริงฉันว่าบริษัทเราไม่จำเป็นที่จะต้องจ้างคุณแล้วหล่ะ”
“เดี๋ยวก่อนนะ วัสดุใยพืชนั่นไม่ใช่แค่แผนหรอกเหรอ? มันไม่มีกระทั่งตัวอย่างด้วย ทำไมคุณถึงมั่นใจจังเลยว่ามันจะเป็นความจริง?”
หลิว เหมยหรู่ไม่ได้ตอบอะไรเขาไป ในทางกลับกันเธอก็หยิบเอาส่วนหนึ่งของข้อมูลที่เธอเองก็เพิ่งจะได้เมื่อเช้าให้เขาไป
“ดูด้วยตาของคุณเองดีกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าวัสดุใยพืช ทำไมบริษัทของพวกเราต้องกระตือรือร้นที่จะหาพนักงานหรือผู้จัดการอย่างคุณล่ะ จริงไหม ถ้าที่นี่เป็นแค่บริษัทผลิตเครื่องดื่มธรรมดาๆ ความสามารถระดับคุณนั้นไม่จำเป็นเลย แถมเงินเดือนของคุณเองก็จะเป็นภาระบริษัทด้วยซ้ำไป”
ลู่ เปงเฟยดูสิ่งที่หลิว เหมยหรู่ส่งให้เขา นั่นคือเครื่องมือและอุปกรณ์สำหรับทำวัสดุใยพืช
หลายชิ้นที่เขาเห็นตรงหน้าจำเป็นต้องได้รับการดัดแปลงด้วยวิธีพิเศษ และพวกมัน…ต้องถูกควบคุมโดยลู่ เปงเฟย นั่นจะทำให้ปัญหาทั้งหลายถูกแก้ได้เร็วที่สุด
นี่คือสิ่งที่หลิว เหมยหรู่เห็น เธอเองก็เข้าใจได้เลยว่าทำไมเจ้านายหนุ่มของเธอถึงได้ดูเร่งรีบเช่นนั้น เขาต้องการเร่งสร้างตัวอย่างของวัสดุใยพืชก่อนจะถึงฤดูเก็บเกี่ยว ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะใช้มันในการโปรโมทนั่นเอง
หลังจากอ่านข้อมูลทั้งหมดแล้ว ลู่ เปงเฟยก็เริ่มเชื่อแล้วว่าวัสดุใยพืชนั้นเป็นความจริง เพราะถ้ามันเป็นเรื่องโกหก คนๆนี้คงไม่โง่ขนาดใช้เงินมากมายเพื่อสั่งดัดแปลงเครื่องมือพวกนี้หรอก
แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยนิดหน่อย ทั้งวัสดุใยพืช ทั้งเครื่องมือพวกนี้ มันจำเป็นต้องมีสถาบันวิจัยที่ทรงพลังมากๆอยู่เบื้องหลังเจ้านายของที่นี่
ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่สามารถทำให้สมบูรณ์ได้ รวมไปถึงเครื่องมือเหล่านั้นเองก็ไม่สามารถสร้างได้ด้วย
ทันใดนั้นเอง เขาก็นึกได้ว่ามีการลงทุน 200 ล้านดอลล่าห์จากอีกฟากหนึ่งของทะเล เข้าใจละ นั่นต้องเป็นสถาบันวิจัยที่อยู่เบื้องหลังองค์กรแห่งนี้แน่ๆ!
ยิ่งคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ มันก็ยิ่งทำให้เห็นว่าความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นในบริษัทแห่งนี้มันกล้าแข็งขนาดไหน บางทีมันอาจจะเป็นข้อได้เปรียบมากกว่าที่จะเข้าร่วมกับบริษัทเปิดใหม่นี่ในตอนนี้
“ผมตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ ทีนี้คุณจะบอกได้หรือยังว่าทำไม!”
“ได้ เราจะเซ็นต์ข้อตกลงนี่เป็นอันดับแรก จากนี้คุณก็จะกลายเป็นคนของบริษัท”
หลังจากที่หลิว เหมยหรู่รอการตัดสินใจจากเขามาเนิ่นนาน เธอก็หยิบเอาใบสัญญาออกมาจากใต้โต๊ะ
ลู่ เปงเฟยพูดอะไรไม่อออก แน่นอนว่าพวกเราควรจะดูไปยังใบสัญญานั่นก่อน แต่เขาก็พบวันมันเป็นเพียงใบสัญญาทั่วๆไป และนั่นเลยทำให้เขาเซ็นต์ชื่อลงไปทันที
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหม?”
“ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเราค่ะ คุณคือพนักงานคนที่ 3 ของบริษัท นี่คือข้อมูลที่คุณต้องการจะทราบ หรือจะเรียกว่าข้อมูลบริษัททั้งหมดเลยก็ได้ ช่วยกรุณาอย่างแพร่งพรายด้วยนะคะ มันเป็นข้อตกลงการรักษาไว้ซึ่งความลับของบริษัทที่ระบุไว้บนใบสัญญานั่นน่ะค่ะ ถ้ายังไง เดี๋ยวฉันขอตัวไปจัดการปัญหาของบัญชีบริษัทก่อนและฉันยังต้องรับคนเพิ่มในบริษัทด้วย”
เมื่อหลิว เหมยหรู่เดินไปถึงประตู เธอคิดถึงบางสิ่งบางอย่างได้ก่อนจะพูดมันออกไป “ถ้ายังไง หากคุณเจอคนที่คิดว่าใช่ ทางเรายินดีที่คุณจะพาเขามาแนะนำให้เรารู้จักนะคะ ยิ่งไปกว่านี้สิ่งที่คุณจะได้เจอต่อไปล้วนอยู่ในข้อมูลแล้ว ทางที่ดีหาลูกน้องซัก 2 คนอาจจะช่วยแบ่งเบาภาระได้ แต่ฉันเกรงว่าคุณอาจจะไม่ได้พักเลยก็ได้”
หลังจากหลิว เหมยหรู่ออกไปแล้ว คำพูดของเธอทำให้ลู่ เปงเฟยเหมือนถูกหลอกและเขาเสียใจกับมัน ช่างโชคร้ายที่โลกนี้ไม่มียาแก้เสียใจขาย แน่นอนว่าเขาสามารถเลือกที่จะไม่ทำอะไรเลยเพื่อให้บริษัทไล่เขาออก
แต่ชัดเจนแล้วว่าลู่ เปงเฟยไม่ใช่คนที่จะทำแบบนั้นเพราะในตอนนี้เขาเริ่มที่จะศึกษาข้อมูลที่หลิว เหมยหรู่นำมาให้แล้วด้วยความจริงจัง เขาต้องการที่จะรู้ว่าบริษัทประเภทไหนกันที่เขาเผลอเข้าร่วมมาเมื่อครู่
หลังจากใช้เวลากว่าชั่วโมงเพื่ออ่านข้อมูลบริษัท ในตอนนี้เขาตื่นเต้นมากๆ เขาไม่ได้รู้สึกเสียดาย 1 ชั่วโมงก่อนหน้าแล้ว และตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกของคุณและเห็นใจผู้ที่ออกไปก่อนทั้ง 2 คนนั้น
บริษัทแห่งนี้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะพูดได้ว่า หากข้อมูลพวกนี้รั่วไหลออกไป จะมีผู้คนมากมายวิ่งกรูเข้ามาเพื่อจะเช้าบริษัทเลย แต่ข้อมูลพวกนี้มันเป็นไปไม่ได้แน่ๆที่จะถูกเปิดเผย ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาพยายามเก็บงำเรื่องนี้ไว้ขนาดตั้งเป็นกฎเรื่องการรักษาความลับบริษัท ช่างเป็นคนที่ร้ายกาจยิ่งนัก
ในมือตอนนี้เขาถือสิ่งที่เขาต้องทำหลังจากนี้เอาไว้ ลู่ เปงเฟยถึงกับยิ้มแหยออกมา บริษัทแห่งนี้มีพนักงานแค่ 3 คนจริงๆ นี่มันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้วนะ
นี่ยังมีเวลาว่างอีก 3 วัน และใน 3 วันนี้เขาต้องพยายามหาลูกน้องอีก 2 คนที่สามารถไว้ใจได้เพื่อช่วยงานเขาให้เสร็จให้ได้
ไม่งั้นคงจะเป็นแบบที่นักบัญชีพูด ฉันคงจะต้องเหนื่อยเจียนตายกับงานพวกนี้แน่ๆ
อู๋ ฮ่าวเหรินรับรู้แล้วว่ามี 1 คนที่เลือกที่จะอยู่และตอนนี้เขากำลังออกจากสำนักงานเทศบาลแล้ว
เมื่อเขากำลังพูดอยู่กับหลี่ เหวินหัวเกี่ยวกับงานก่อสร้างวันนี้ นั่นทำให้เขารู้ว่าเขากำลังถูกกดดันจากเหล่าหัวหน้าในเมือง
อย่างไรก็ตาม คนพวกนั้นดูเหมือนจะเปี่ยมไปด้วยทัศนคติแย่ๆซึ่งน่าจะมาจากปัญหาในผลิตภัณฑ์เครื่องดื่ม
อู๋ ฮ่าวเหรินหมดคำพูดกับสิ่งเหล่านี้ ดูท่าพวกเขาจะไม่ได้มอบของฝากให้แบบตัวต่อตัวก่อนที่พวกเขาจะยอมแพ้ไป นั่นเลยทำให้พวกเขาไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย ในขณะที่หัวหน้าส่วนใหญ่เลือกที่จะสนับสนุนการลงทุนนี้ พวกคนที่คัดค้านจะค่อยๆถูกทิ้งให้อยู่ด้านหลัง
แน่นอนว่าเขายังได้รับข่าวดีมาบ้าง อย่างเช่น หัวหน้าสมาคมพ่อค้าชาวจีนต้องการที่จะเดินหน้าต่อ นั่นหมายความว่าพ่อค้าชาวจีนจะยังสนับสนุนเขาอย่างแน่นอน
ในส่วนของหัวหน้าสำนักงานก่อสร้างและหัวหน้าของเทศบาล หากพวกนี้ต้องการที่จะส่งเสริมการพัฒนาเทศบาลผ่านเขา ก็จะต้องสนับสนุนเขาด้วย
แผนกส่วนใหญ่นั้นขึ้นตรงกับผู้พิพากษาเขต ดังนั้นจึงไม่เป็นปัญหาอะไร มีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้นที่ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับโครงการนี้
แน่นอนว่าหลังจากการพัฒนาส่วนหลักเสร็จสิ้น อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ต้องการที่จะพบพวกเขาอีกและมันก็ขึ้นอยู่กับตัวพวกเขาเองว่าจะทำยังไงต่อ
ปัญหาในตอนนี้คือการนำตัวอย่างของวัสดุใยพืชมาแล้วนำไปยังรัฐบาลเพื่อจะขึ้นทะเบียนผลผลิต
แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของอู๋ ฮ่าวเหริน คือการได้รับการสนับสนุนจากรัฐเกี่ยวกับวัสดุเส้นใยพืชนี้ ในกรณีนี้หากทำได้ การสนับสนุนโครงการต่อๆไปในอนาคตก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้ว
ความได้เปรียบขั้นต่อไปคือ หากเขาได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลแล้ว เขาก็จะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคอยกังวลว่าหัวหน้าบางหน่วยงานในเทศบาลจะมีปัญหาเหมือนตอนนี้
เมื่อลู่ เปงเฟยเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินกลับมา เขาก็รู้สึกประหลาดใจมาก เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้านายของบริษัทแห่งนี้จะเป็นเด็กหนุ่มเช่นนี้ยิ่งไปกว่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นนี่ก็มาจากเจ้านายหนุ่มคนนี้
เขาเชื่อเลยว่าเบื้องหลังเจ้านายคนนี้จะต้องมีทีมวิจัยที่แข็งแกร่งคอยสนับสนุนแน่ๆ ไม่งั้นทั้งวัสดุรวมไปถึงวิธีที่ใ้ช้สร้างเว็บไซต์เหล่านี้ไม่มีทางมาจากคนหนุ่มคนเดียวนี้ได้
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้รู้เลยว่าพนักงานใหม่คนนี้กำลังเข้าใจในตัวเขาผิดอยู่ แต่ถึงจะรู้เขาก็จะปล่อยให้เข้าใจผิดต่อไป
“ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเราครับ งานของคุณค่อนข้างจะหนักหนาหน่อยนะครับ ผมหวังว่าคุณคงจะเข้าใจแล้วว่าบริษัทเราเพิ่งเปิดใหม่ นั่นทำให้ไม่มีพนักงานเพียงพอ แต่ยังไงก็ตาม พี่สาวหลิวน่าจะบอกคุณไปแล้วว่าคุณมีสิทธิ์ที่จะจ้างพนักงานมาเพิ่มในส่วนของคุณเอง”
“ผมรู้เรื่องนั้นแล้วครับ บอส ถึงแม้ผมจะอ่านข้อมูลแล้วแต่ก็ยังมีเรื่องอยากจะถาม ปัญญาประดิษฐ์นี้…คุณมั่นใจหรือว่ามันคือสิ่งที่บริษัทเรากำลังจะวิจัย?”
“ดีเลย คุณพูดว่าปัญญาประดิษฐ์สินะ มันเป็นเพียงเครื่องมือเสริมสำหรับช่วยจัดการกับข้อมูลปริมาณมาก มันก็แค่ปัญญาประดิษฐ์ทง่ายๆ บริษัทของเรามีข้อได้เปรียบทางเทคโนโลยีมากกว่านี้แต่ผมไม่ได้เขียนไว้ในข้อมูล”
อู๋ ฮ่าวเหรินพูดเสริมด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างตรงไปตรงมา นั่นทำให้ลู่ เปงเฟยพูดอะไรไม่ออก ปัญญาประดิษฐ์นี้ไม่ใช่ของที่จะสร้างง่ายๆเหมือนปลูกหัวผักกาดนะ!
——————————