CF:บทที่ 49 ชั่วโมงเร่งด่วน
ตั้งแต่ที่ลู่ เปงเฟยเข้าร่วมกับบริษัทของอู๋ ฮ่าวเหริน นี่ก็ก้าวเข้าสู่ช่วงท้ายของเดือนกุมภาพันธ์แล้ว
มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในเดือนนี้ อย่างเช่น กูเกิ้ลได้เผยแพร่ข่าวเกี่ยวกับ AI อัลฟ่าด็อกที่เข้าแข่งเกมส์โกะกับนักแข่งชาวเกาหลี หลี ชีชี่ รวมไปถึงการมาของ VR เวอร์ช่วล เรียลลิตี้ เทคโนโลยี เป็นต้น
บริษัทที่มีผลต่อแรงขับเคลื่อนของโลกต่างก็แอบพัฒนาสิ่งเหล่านี้เงียบๆ
ในเขตหยุนหลง อู๋ ฮ่าวเหรินยุ่งมากๆในช่วงนี้ของเดือน เขาไม่มีเวลาอัพเกรดระบบซองแดงด้วยวิธีการอัพเกรดแบบเศรษฐีใหม่ที่ได้มาเลย
ความสามารถของลู่ เปงเฟยนั้นนับว่าแข็งแกร่งมากๆ นั่นทำให้เครื่องมือบางชิ้นถูกส่งออกไปยังโรงงานชั่วคราวในเมืองแล้วหลังจากที่เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจให้
ยิ่งไปกว่านั้นในขณะนี้บริษัทที่เริ่มต้นจาก 3 คนก็มีคนมากถึง 10 คนแล้ว!
ระหว่างนั้นหลิว เหมยหรู่รับพนักงานเพิ่มมา 3คน เป็นพนักงานต้อนรับคนสวย 1 คนและเด็กฝึกงานฝ่ายบัญชี 2 คน
นอกจากจะเพิ่มผู้ช่วยของลู่ เปงเฟยมา 2 คนแล้ว เขายังช่วยหาผู้จัดการเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับบริษัทเครื่องดื่มมาให้อีกด้วย
ทางผู้รับเหมาของบริษัทก็เริ่มคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว นี่มันไม่ใช่บริษัท แต่ทั้งบริษัทต่างชาติและบริษัทท้องถิ่นต่างก็ตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อช่วยสร้างตึกให้สำเร็จ
สิ่งนี้ทำให้อู๋ ฮ่าวเหรินมีความสุขขึ้นมาเล็กน้อย เพราะการร่วมมือและเซ็นต์สัญญาร่วมกันของสองบริษัทนั้นทำให้งานสร้างในมือของเขามันรุดหน้าเร็วขึ้นมากๆ
ถ้าตามที่คำนวนไว้ พืชที่ปลูกจะเสร็จสิ้นในอีก 2 เดือน และตึกของบริษัทจะเสร็จใน 6 เดือน
นั่นเป็นเพราะเทคโนโลยีขึ้นสูงเหล่านั้นทำให้เราสามารถสร้างตึกได้เร็วมากๆ
สิ่งที่สำคัญที่สุดนั้นก็คือเขาประสบความสำเร็จอีกครั้งในเรื่องข้อมูลและแผนการที่ใช้กับ ประเทศญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่าครั้งนี้จะไม่ค่อยราบรื่นซักเท่าไหร่เพราะราคาของข้อมูลชิ้นที่สองนั้นถูกปรับขึ้นเป็น 1 พันล้านดอลล่าห์ มันทำให้ทางสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นเกือบจะยอมแพ้ไปซะแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่ข้อมูลชุดนี้ถูกเผยแพร่ออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีบางประเทศสังเกตุเห็นเทคโนโลยีดังกล่าว มันบีบให้สถาบันวิจัยในญี่ปุ่นต้องตกลงกับราคาแทบจะทันที
แต่พวกเขานั้นต้องการที่จะพบกับทางอู๋ ฮ่าวเหรินเพื่อที่จะยืนยันให้มั่นใจว่าข้อมูลจะไม่ถูกขายให้ประเทศอื่นอีกนอกจากพวกเขาเอง
มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะไปพบกับพวกเขา อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ใช่คนโง่ ในทางเดียวกัน เขาสามารถได้เงินจากคนเหล่านี้ได้ แต่ถ้าพวกเขาให้เขาเจอตัว ไม่ใช่ว่าหลังจากทำธุรกิจเสร็จแล้วคนเหล่านั้นจะหาทางเชือดเขาทุกวิธีหรือไง
เมื่อคิดได้ดังนั้น อู๋ฮ่าวเหรินจึงส่งต่อข้อมูลส่วนที่ 2 และ 3 ไปให้ญี่ปุ่นและรับเงิน 2 พันล้านมา
นี่ดูจะเป็นการสูญเสียเล็กน้อย แต่ถ้าเทียบกับสิ่งที่เสียไปอย่าง ‘เทคโนโลยีที่ต่อให้พัฒนาเสร็จก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา’ แต่พวกเขาก็ยินยอม
นอกจากนั้นส่วนที่ 4 ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของการวิจัย อู๋ ฮ่าวเหรินตั้งใจจะไม่ขายให้เพราะถ้าเขาทำ อีกฝ่ายจะรู้ทันทีว่าพวกเขากำลังโดนหลอก
ด้วยทุนก้อนนี้ อู๋ ฮ่าวเหรินนำมันมาแก้ปัญหาการเงินในบริษัท รวมไปถึงเพิ่มบางสิ่งบางอย่างเข้าไปในตึกที่กำลังก่อสร้างด้วย
แน่นอนว่าเขาโอนเงินเข้าบริษัทเพียง 500 ล้านดอลล่าห์เท่านั้น ภายใต้ชื่อของ เงินทุนที่มีความเสี่ยง
หลิว เหมยหรู่และลู่ เปงเฟยมีความสุขมากๆที่จะอัดฉีดเงินเหล่านี้ พวกเขาไม่กังวลเลยว่าบริษัทกำลังจะถูกฟ้องล้มละลายเพราะความไม่ชัดเจนของอู๋ ฮ่าวเหรินเอง
ภายในคลังขนาดใหญ่ในเมืองลิวเหอ ที่นี่เป็นโรงงานตั้งต้นสำหรับฟิวเจอร์กรุ๊ป ของทั้งหมดที่ซื้อมาไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือ เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ต่างๆจะถูกส่งมาเก็บที่นี่
เขายืนอยู่หน้าห้องที่ปิดสนิทห้องหนึ่ง อู๋ ฮ่าวเหริน อุทิศตัวเป็นสื่อกลางให้กับวัสดุใยพืช องค์ประกอบพิเศษที่จะแยกส่วนและเปลี่ยนเส้นใยพืชให้กลายเป็นวัสดุใยพืช
อู๋ ฮ่าวเหรินต้องทำมันด้วยตัวของเขาเอง นั่นก็เพราะว่าถ้าขั้นตอนนี้เกิดผิดพลาดขึ้นมา ทั้งแผนพัฒนาของเขาก็ถึงกาลอวสานแน่ๆ
วันนี้ หลิว เหมยหรู่ , ลู่ เปงเฟย และหนักงานใหม่เว่ย หมิง ต่างอยู่ที่นี่ด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อฟังผลการทำงานของเจ้านายของพวกเขานั่นแหละ
“คุณนักบัญชีหลิว คุณเป็นพนักงานคนแรกของบริษัท คุณพอจะรู้ไหมว่าสถาบันวิจัยอะไรอยู่เบื้องหลังบอส?” เว่ย หมิงถาม
หลิว เหมย หรู่ ไม่ได้ให้ความสนใจเขามากนัก หากไม่รู้นิสัยช่างนินทาของผู้จัดการล่ะก็ เธอคงคิดว่าคนๆนี้เป็นสายลับมาจากบริษัทอื่นไปแล้ว
ลู่ เปงเฟยตบไหล่เขาเบาๆและพูด “คุณเว่ย อย่าถามเรื่องนั้นเลย ไม่มีใครรู้หรอกว่าบริษัทไหนอยู่เบื้องหลังยกเว้นบอสนั่นแหละ คุณเห็นสถานการณ์ของบริษัทตอนนี้ใช่ไหม? ดูเหมือนว่าบอสจะรู้ทุกอย่างนะ”
คนเหล่านี้ไม่รู้เลยว่าการที่อู๋ ฮ่าวเหรินรู้ทุกสิ่งอย่างที่เกิดขึ้นในโรงงานและบริษัทของเขาชัดเจนนั้นเป็นความดีความชอบของปัญญาประดิษฐ์ตัวเก่งเลย
ขุมพลังของมันสมองที่มีนั้น หากเขาต้องการจะดูความเป็นไปของบริษัทมันก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย หากมีเรื่องไหนที่มันไม่จำเป็นต้องใช้ความสามารถเฉพาะทางเพื่อควบคุมมัน เขาตัวคนเดียวก็แทบจะงัดกับบริษัทใหญ่ๆได้เลยแบบสบายๆ
เว่ย หมิงรู้สึกกดดันเล็กน้อยก่อนจะพูดออกไป “ผมก็แค่อยากรู้ เพราะหลายๆสิ่งในบริษัทนี้มันเป็นความลับมากเกินไป”
ในห้องที่ปิดตายนั้น อู๋ ฮ่าวเหรินเพิ่งจะผ่านขั้นตอนสุดท้ายมา ผลลัพธ์ทั้งหมดเองก็ถูกเก็บเข้าไปยังคอนเทนเนอร์เหล็กแบบพิเศษแล้วด้วย
ช่วงเวลาแห่งการผ่อนคลายทั้งกายและใจ ร่างที่ชื้นเหงื่อและอ่อนล้าทิ้งลงไปบนเก้าอี้แบบอ่อนแรง
“จี้ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างแล้วแน่ๆ มันมีปัญหาเต็มไปหมดเลยในการปรับแต่งมัน!”
“ท่านครับ นี่ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์สร้างแน่ๆ ในยุคนี้ ทางออกของเราคือการให้เครื่องจักรจัดการปรับแต่งมันทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้น เจ้านายของผมเองมีร่างกายที่ค่อนข้างแย่รวมไปถึงความอดทนด้วย คุณจำเป็นต้องฝึกฝนอีก”
เหน็บแนมเก่ง ไม่ยักรู้ว่าเจ้านี่ด่าอ้อมๆได้ด้วย
ตามที่ปัญญาประดิษฐ์สุดเลิศล้ำได้กล่าวว่าเขาเอาไว้ อู๋ ฮ่าวเหริน ก็เริ่มรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาตามร่างกายเลยแถมยังรู้สึกแย่ด้วย นี่เขาทำงานมาตลอดชั่วโมงแล้วนะ ดูเหมือนว่าถึงเวลาที่จะต้องเข้าระบบซองแดงเพื่อหาอะไรที่มันสามารถทำให้ร่างกายแข็งแรงมาซะแล้ว
“เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ถ้าเกิดเราสร้างหุ่นยนต์อุตสาหกรรมตามที่นายพูดขึ้นมา เทคโนโลยีของโลกในตอนนี้พอจะทำให้มันสำเร็จได้ไหม?”
“แน่นอนครับ ตราบเท่าที่ชิ้นส่วนถูกผลิตขขึ้นตามแปลนที่วาดไว้นี้ เราเพียงแค่ต้องใช้วัสดุเท่านั้น จากนั้นเราก็จะผลิดหุ่นยนต์ที่เราต้องการได้เลย”
อู๋ ฮ่าวเหรินไหลไปตามเก้าอี้ เขาพักผ่อนและเริ่มดูโครงการหุ่นยนต์อุตสาหกรรมผ่านโทรศัพท์มือถือของเขา เขาไม่เข้าใจอะไรซักอย่างนอกจากความรู้สึกที่แปลกแยกในหัว
ดูเหมือนว่านอกจากจะต้องฝึกฝนร่างกาย เขาคงต้องหาวิธีที่จะทำให้เรียนรู้การใช้เครื่องไม้เครื่องมือพวกนี้แบบเร็วๆซะแล้ว เปลี่ยนความรู้ทุกอย่างให้เป็นของเขา เพื่อที่จะได้ไม่เกิดปัญหาเวลาต้องเผชิญหน้ากับพวกชอบถาม
“ดี นายช่วยส่งชิ้นส่วนพวกนี้ไปให้เครื่องจักรตัวอื่นช่วยผลิตทีนะ ท่าทางลู่ เปงเฟยจะยุ่งอีกแล้ว”
10 นาทีต่อมา เขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายเขาฟื้นฟูเกือบจะเต็มที่แล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินเปิดประตูและมองไปยังทั้งสามที่จิบชารออยู่ด้านหน้าก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ ตำแหน่งบอสกับพนักงานนี่สลับกันอยู่หรือเปล่านะ…
เมื่อเห็นอู๋ ฮ่าวเหรินออกมาจากห้อง ทั้งสามก็อุทานถามออกมาว่า “สำเร็จไหมบอส?”
“แน่นอน ขั้นต่อไป เราจะมาสร้างตัวอย่างกัน ส่งมันไปแผนกทดสอบแห่งชาติแล้วให้เขาเซ็นต์อนุมัติผลผลิตชิ้นนี้กันดีกว่า”
“ฮ่ะฮ่า ดูเหมือนว่าบริษัทเรากำลังจะโด่งดังในเร็วๆนี้แล้วสินะ ไม่ต้องกังวลเรื่องจ้างคนเลย คราวนี้ล่ะพวกคนที่เคยมองข้ามฉัน ฉันจะถล่มให้หน้าเสียกันให้หมดเลย!”
เว่ยหมิงรู้สึกได้ว่า ในตอนนี้เขาสามารถอวดให้พวกที่เคยเยาะเย้ยและเหยียดหยามเมื่อตอนที่เขาเข้าบริษัทนี้ได้แล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในฐานะพนักงานบริษัทผลิตเครื่องดื่มก็ตาม
“ดูเหมือนว่าผมจะมีงานเพิ่มแล้วหรือเปล่านะ” ลู่ เปงเฟยทำหน้าเหนื่อยใจ
“คุณได้งานเพิ่มแล้ว แต่ก็ไม่ได้ขนาดนั้น ขั้นต่อไปคุณต้องสั่งชิ้นส่วนมากมายจากหลายๆบริษัท อ่า บางทีคุณอาจจะต้องไปเยอรมันด้วยนะ เตรียมตัวไว้ได้เลย”
“ไปต่างประเทศ! บอสจะคาดคั้นผมแบบนี้ไม่ได้นะ! ผมเพิ่งจะวิ่งข้ามประเทศ แล้วตอนนี้ผมกำลังจะไปต่างประเทศกับบริษัทอีก…”
เว่ยหมิงมองไปยังท่าทีของลู่ เปงเฟยก่อนจะพูดเหมือนเยอะเย้ยขึ้นมาว่า “งั้นเปลี่ยนกันไหม? ฉันจะไปต่างประเทศส่วนนายก็อยู่ที่นี่คอยจัดการกับอะไรพวกนี้”
หลิว เหมยหรู่ชิงถามขึ้นมาทันใด “เจ้านาย เราจะถลุงเงินเป็นถังอีกแล้วเหรอ?”
“ใช่ เราจำเป็นต้องสั่งวัสดุ แล้วชิ้นส่วนพวกนี้ดันแพงซะด้วย”
“ถึงแม้ว่าบริษัทเราจะมีเงินทุนเยอะแต่ฉันรู้สึกว่าเราจะใช้เงินกันเร็วไปแล้วนะคะ พวกเรายังไม่มีผลิตภัณฑ์เลยแต่เราใช้เงินไปเกือบๆ 300 ล้านดอลล่าห์แล้ว เพิ่มลดตามสถานการณ์ พวกเราจำเป็นต้องหาเงินทุนเพิ่ม”
“บอกลาช่วงเริ่มต้นได้แล้ว ทุกคนกำลังจะเจอของหนัก พวกเราจะลงทะเบียนใหม่ภายใต้ชื่อบริษัท ฟิวเจอร์แมททีเรียล”
————————–