CF:บทที่ 51 วัสดุทรงอิทธิพล
เขาไม่รู้ว่าการที่เขาจัดการธุรกิจวัสดุอนาคตของบริษัท จะทำให้ฝ่ายรัฐบาลมีปัญหากับบริษัทเขาขึ้นมา เมื่อวัสดุที่ผลิตขึ้นมานั้นคล้ายกับพลาสติก คนจากกรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมก็มาเยี่ยมทันที
“คุณจะพูดอะไรมันก็ไม่มีประโยชน์กับบริษัทคุณหรอก คุณไม่ผ่านการประเมินด้านสิ่งแวดล้อม เขตของเราไม่ต้องการโรงงานที่สร้างมลพิษเยอะแบบนี้”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองดูเจ้าหน้าที่อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เขาไม่พูดอะไร แต่คนพวกนี้กำลังรอเขาพูด
เขาเพิ่งส่งตัวอย่างวัสดุของบริษัทใหม่ไปให้เมื่อวาน และพวกเขาก็มาที่นี่ในวันนี้
“ผมพูดหลายรอบแล้ว ว่าบริษัทของเราผลิตวัสดุเส้นใยพืชซึ่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ทั้งไร้มลพิษและย่อยสลายได้ง่าย
“นี่คุณคิดว่าผมจะเชื่อในวัสดุเส้นใยพืชนี่เหรอ? ไหนจะบอกว่ามันไร้มลพิษในโรงงานพลาสติกอีก คุณดูถูกสมองผมหรือหยามความเป็นผู้เชี่ยวชาญของผมกัน ผมจะบอกให้ว่าเรามีการขอความเห็นจากสาธารณะในเมืองลิวเหอเกี่ยวกับบริษัทของนายที่สร้างโรงงานผลิตพลาสติกที่นี่ด้วย เตรียมดูได้เลยว่าคนส่วนใหญ่จะต้องเห็นด้วยกับเรา”
ความจริงแล้ว อู๋ ฮ่าวเหรินกำลังสงสัยว่าทำไมหน่วยงานพวกนี้ถึงได้มาหาเรื่องใส่ตัวเองกันนะ ต่อให้พวกเขาได้ความดีความชอบจากการทำแบบนี้ พวกเขาก็ไม่น่าจะทำถึงขนาดนี้เลย วันนี้ช่างมีแต่เรื่องแปลกๆเสียจริง
“งั้นให้ผมถามคุณหน่อยว่า หน่วยงานอื่นๆในเขตนี้ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้รึเปล่า?”
“ดูเหมือนคุณจะรู้ตัวเองดีนี่ ถ้าพวกเขาไม่คัดค้าน แต่มันไม่เป็นแบบนั้นง่ายๆหรอก คุณคิดว่าทำไมผมถึงต้องมาทำงานลำบากแบบนี้ ก็เพราะการลงทุนของบริษัทคุณอยู่ในเขตของเรา จะต้องได้รับการสนับสนุนจากเบื้องบน อย่างเช่นโรงงานผลิตเครื่องดื่ม ตราบใดที่มันไม่สร้างมลพิษมากเกินไป มันก็จะไม่เป็นปัญหาเลย แต่โรงงานผลิตพลาสติกที่มลพิษสูงแบบนี้มีปัญหาแน่นอน ไม่เพียงแค่กรมอนุรักษ์เท่านั้น แต่คนจากเบื้องบนก็จะไม่เห็นด้วยเช่นกัน”
อู๋ ฮ่าวเหรินดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้ว ทางเขตรู้ว่าบริษัทที่ตั้งขึ้นมาใหม่นั้นจะผลิตพลาสติก ถึงจะไม่แน่ชัดว่าเป็นพลาสติกแบบไหนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในความคิดของคนปกติ การผลิตพลาสติกย่อมก่อให้เกิดมลพิษสูงอยู่แล้ว ซึ่งนั่นไม่สามารถให้เกิดขึ้นได้ในเขตหยุนหลง ที่ดึงดูดผู้คนด้วยภูเขาเขียวและสายน้ำ
“คุณกลับไปก่อน ผมรู้ว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน”
เมื่อเจ้าหน้าที่กลับไป หลิว เหมยหรู่ก็เข้ามาพร้อมวางวัสดุทั้งหมดสำหรับบริษัทใหม่ลงบนโต๊ะของอู๋ ฮ่าวเหริน
“หัวหน้า ถ้ามันไม่ได้ผล เราก็ไปตั้งบริษัทที่อื่นก็ได้”
“ไม่หรอก รออีกเดี๋ยว ในอีกไม่กี่นาที คนพวกนั้นจะต้องกลับมาขอให้เราตั้งโรงงานที่นี่แน่นอน ความจริงแล้วเป้าหมายหลักที่มาเปิดบริษัทใหม่นี่ก็เพื่อที่จะผลิตขวดให้กับเครื่องดื่มของเรา ท้ายที่สุดเราก็ต้องการจะร่วมงานกับทางเขตในเทคโนโลยีเส้นใยพืชนี้”
“งั้นเราก็ไม่เห็นต้องเปิดบริษัทเลย แค่รอให้รัฐบาลจัดการให้เราก็ได้”
อู๋ ฮ่าวเหรินก็คิดว่าถ้าวัสดุเส้นใยพืชได้ร่วมมือกับรัฐบาลจริงๆแล้วธุรกิจเล็กๆอย่างการดูแลบริษัทนี้ก็กลายเป็นเรื่องไม่สำคัญไปเลย
“ในอีกทางหนึ่ง บริษัทก็ต้องการรับคนที่มีความสามารถ ที่นักบัญชีไม่สามารถทำได้ทุกอย่างนะคะ”
ฟังความกังวลของหลิว เหมยหรู่แล้ว อู๋ ฮ่าวเหริน ก็พูดว่า “เมื่อเทคโนโลยีนี้เผยแพร่ออกไป บริษัทก็จะมีชื่อเสียง แล้วเราก็จะสามารถรับสมัครพนักงานเพิ่มได้”
“ก๊อกๆ…”
“เข้ามา”
“หัวหน้า นี่คือข้อมูลที่บริษัทได้รับจากโทรศัพท์วันนี้ มันเกี่ยวกับวัสดุเส้นใยพืชทั้งนั้นเลย”
เซี่ยเสวี่ยที่อยู่แผนกต้อนรับสับสนเพราะเธอไม่รู้เกี่ยวกับวัสดุเส้นใยพืชเลย ตอนแรกเธอคิดว่ามีคนโทรมาผิดบริษัท ภายหลังก็มีคนโทรมาเยอะขึ้นเธอจึงรู้ว่ามันเป็นบริษัทเธอ
อู๋ ฮ่าวเหรินดูข้อมูลที่บันทึกโดยเซี่ยเสวี่ยแล้วพูดว่า “ไม่คิดเลยว่าคนพวกนี้จะเร็วขนาดนี้ เพิ่งจะผ่านไปสามชั่วโมงเอง ดูเหมือนว่าบริษัทเราจะอยู่ไม่ไกลจากการมีชื่อเสียงแล้วล่ะนะ”
เซี่ยเสวี่ยจึงพูดขึ้นมาบ้าง “หัวหน้าอยากจะรับสมัครพนักงานต้อนรับเพิ่มรึเปล่า? วันนี้โทรศัพท์ของบริษัทดังไม่หยุดเลย ตอนนี้โทรศัพท์ก็ยังดังอยู่ข้างล่างเลยค่ะ”
“ก็นะ ถ้าถึงเวลาก็จะจ้างเพิ่ม ตอนนี้พยายามทำงานเข้า และจะเลื่อนขั้นและเพิ่มเงินเดือนให้ทีหลัง”
“ขอบคุณค่ะ หัวหน้า ฉันจะกลับไปทำงานเดี๋ยวนี้” เซี่ยเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้ม
อู๋ ฮ่าวเหรินยื่นข้อมูลให้หลิว เหมยหรู่แล้วพูดว่า “ดูสิ โอกาสมาถึงแล้ว ตอนนี้บริษัทไม่ต้องห่วงเรื่องไม่มีพนักงานแล้ว”
หลิว เหมยหรู่ ดูข้อมูลที่ส่งมา แม้ว่าจะมีหลายบริษัทที่เธอไม่รู้จักแต่ก็ยังมีบริษัทที่มีชื่อเสียงอีกเป็นสิบๆ
“หัวหน้า นี่คือ?”
“อีกไม่นานจะมีคนมาหาเธอแน่ ตอนนี้ผู้จัดการลู่กำลังออกไปซื้อของ ผู้จัดการเว่ยไปดูเขตก่อสร้าง ใครก็ตามที่มาตอนนี้ต้องส่งให้พี่หลิวจัดการแทนแล้ว”
ตอนนี้อู๋ ฮ่าวเหรินก็รู้สึกว่าพนักงานของบริษัทกำลังลำบากอยู่ เพราะหลายคนก็ถูกโทรมาสอบถามข้อมูลการรับสมัครของบริษัทแต่พอพวกเขารู้ว่าที่นี่เป็นแค่บริษัทในเขตเล็กๆอย่างหยุนหลง พวกเขาก็ปฏิเสธไป
ว่ากันว่าถ้าเราพัฒนาได้เร็วมากพอ เดี๋ยวก็มีคนมาหาเราเองแบบไม่ขาดสาย
มองดูคนที่อยู่ตรงข้าม หลิว เหมยหรู่ถามว่า “คุณอยากจะร่วมมือกับทางบริษัทเราหรือคะ?”
“ใช่ครับ บริษัทเราผลิตสินค้าพลาสติก หลังจากที่เห็นข้อมูลที่ทางบริษัทคุณส่งมา เราก็รีบมาที่นี่ทันที และผมอยากจะคุยเรื่องการร่วมมือกันในวัสดุเส้นใยพืช”
“ต้องขอโทษด้วยค่ะ ขณะนี้ทางบริษัทเราจะไม่ร่วมมือกับบริษัทใดๆในโครงการนี้ แต่เรายังสามารถให้ตัวอย่างของวัสดุและผลิตภัณฑ์เส้นใยพืชได้ และอาจจะได้มีโอกาสร่วมมือกันในอนาคต”
นี่เป็นคำอธิบายที่อู๋ ฮ่าวเหรินเตรียมไว้ ทุกบริษัทที่มาหาถึงที่ด้วยท่าทีแบบนี้ ไม่มีทางจะร่วมมือด้วยเด็ดขาด แต่ยังพอส่งตัวอย่างของผลิตภัณฑ์เส้นใยพืชให้ได้อยู่
ในช่วงบ่าย ตัวอย่างที่อู๋ ฮ่าวเหรินเตรียมไว้ก็ถูกส่งออกไปทั้งหมด และโทรศัพท์ของบริษัทก็ไม่หยุดดังเลย มีบริษัทที่พอได้ข่าวก็โทรมาสอบถามเรื่องราวเยอะเกินไป
ไม่มีทางที่วัสดุเส้นใยพืชจะเป็นเรื่องจริง เพราะถ้ามันจริง มันจะเป็นวิกฤตการณ์ที่ใหญ่ที่สุดของอุตสาหกรรมพลาสติกแน่นอน
สิ่งที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ มีวัตถุดิบหลักเป็นเส้นใยพืช ซึ่งย่อยสลายง่ายและถูก ตราบใดที่สิ่งนี้ปรากฎออกมา มันจะทำลายพลาสติกแบบเดิมไปเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดของเส้นใยพืชคือการแก้ปัญหาของการเผาเศษฟางของชาวนา ไม่ต้องพูดถึงปัญหาการดูแลสิ่งแวดล้อมของชาติเลย
ชั่วข้ามคืน การหารือของการปรากฎขึ้นอย่างกระทันหันของวัสดุเส้นใยพืชนี้ก็ไปถึงจุดสูงสุดของวงการวัสดุ
ยิ่งรู้ว่าตัวอย่างของวัสดุเส้นใยพืชได้ถูกผลิตออกมาแล้ว หลายคนก็ยอมรับว่าการปฏิวัติพลาสติกกำลังมาถึง
แน่นอนว่าการมีอยู่ของวัสดุเส้นใยพืชเป็นการโจมตีและกลั่นแกล้งผู้ผลิตวัตถุดิบพลาสติก และยังมีผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุไม่ยอมรับออกมาว่าวัสดุแบบนี้จะเปลี่ยนเส้นใยพืชให้กลายเป็นสิ่งที่ทดแทนพลาสติกได้
ณ กรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แม้จะเป็นเวลาหนึ่งทุ่มตรงแล้วแต่ในห้องประชุม กลุ่มของผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุกำลังถกเถียงอย่างดุเดือดกับเจ้าหน้าที่ของกระทรวงอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
“คุณฉิน คุณเชี่ยวชาญในเรื่องพลาสติก คุณศึกษาเรื่องพลาสติกมานานกว่า 30 ปีแล้ว คุณคิดอย่างไรกับความน่าเชื่อถือของวัสดุนี้?”
หลังจากคุยกันอยู่หลายชั่วโมง คุณฉินที่ได้พูดอยู่ไม่กี่คำ ตอนนี้กำลังหน้าเสียสุดๆ
เขาได้วางมือไปแล้ว แต่เพราะข้อมูลที่เขาได้รับทำให้ต้องมางานประชุมหารือนี้
เฒ่าฉินทุบโต๊ะและพูดอย่างจริงจัง “ฉันฟังการถกเถียงนี่มาเป็นสิบชั่วโมงแล้ว และฉันไม่รู้เลยว่าพวกนายกำลังพูดเรื่องอะไรหรือที่พวกนายพูดมันหมายถึงอะไร ในเมื่อพลาสติกมันเกิดขึ้นมาได้ ทำไมสิ่งที่สามารถทดแทนของที่มีมลพิษสูงนี่จะปรากฎขึ้นมาบ้างไม่ได้ล่ะ? มันจริงสินะที่พวกนายรู้แค่วิธีพูดกับเขียน แต่ไม่รู้เรื่องในทางปฏิบัติเลย การหารือที่ไร้สาระนี่มันกินเวลานานเกินไปแล้ว พวกนายไม่ตระหนักเลยว่าบริษัทในจีนไม่สามารถไปที่บริษัทที่ผลิตวัสดุนี่เพื่อดูมันตรงๆได้ ทั้งๆที่มันไม่น่าจะเป็นเรื่องยากแท้ๆ”
หลังจากนั้นเฒ่าฉินก็ลุกขึ้นและเดินออกไป เขาคิดว่าการประชุมนี่มันไม่มีความหมายอะไร เขาจะไปที่บริษัทในวันพรุ่งนี้เพื่อที่จะดูว่าวัสดุนั่นมันเป็นของจริงหรือไม่
ถ้ามันจริง มันก็เป็นเรื่องที่น่าเฉลิมฉลองให้กับเขตแน่นอน เขามองไปบนท้องฟ้าข้างนอก รู้ถึงมลพิษที่ปะปนอยู่ในสิ่งแวดล้อม
———————