CF:บทที่ 58 คนเบื้องบนมาแล้ว
ห้องปฏิบัติการอย่างง่ายเต็มไปด้วยผู้คน อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ห่วงว่าคนเหล่านี้จะขโมยความสำเร็จของเขา
สื่อ หรือแม้กระทั่งวัตถุดิบบอกพวกเขาแล้วว่าพวกเขาไม่สามารถทำงานได้หากไม่มีวิธีการกำหนดค่าที่เหมาะสม สิ่งที่ยากที่สุดคือการควบคุมขั้นตอนที่กล่าวมาข้างต้น
ถ้าคนที่ค้นพบวัสดุนี้ในอนาคตไม่ได้บันทึกกระบวนการทั้งหมดด้วยอุปกรณ์ถ่ายวิดีโอ ตอนที่เขาทำการทดลองในเวลานั้นวัสดุนี้คงไม่มีอยู่จริง และจะไม่มีวัสดุเส้นใยพืชด้วย
“อัจฉริยะ คุณมันอัจฉริยะที่แท้จริงเลย สามารถศึกษาวัสดุล้ำยุคนี้ได้ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ อัจฉริยะจริงๆ!”
ได้ยินคำชมจากคนอื่น อู๋ ฮ่าวเหรินก็เขิน
เพื่อให้คนอื่นเชื่อว่านี่คือสิ่งที่เขาวิจัยและไม่สงสัยในตัวเขา จี้ ได้ปลอมแปลงสิ่งต่างๆ ลงบนอินเทอร์เน็ต
ตัวอย่างเช่นใช้เงินในบัญชีเขาบางส่วนไปกับหนังสือวิจัยวิทยาศาสตร์จำนวนมาก เช่นเดียวกับประวัติการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีล้ำสมัย
ทุกอย่างมันก็เพื่อทำให้เขาดูเป็นคนที่ขยันมาก ชอบอ่านหนังสือมากมาย และทำวิจัยแปลกๆบ้างเมื่อเขาไม่มีอะไรทำ
ในบางบัญชียังมีข้อมูลที่เขาคาดเดาไว้และสิ่งที่วิจัย ไม่ว่าจะแบบไหน ก็มีความคิดหลากหลายแบบและความคิดไร้ก็ขอบเขตมากยิ่งขึ้น
ว่าตามที่จี้ ทำแล้ว สิ่งที่บริษัทจะปล่อยออกมาในอนาคตจะกระตุ้นความสงสัยมากขึ้น ถ้าเป็นแบบนี้มันเป็นการดีกว่าที่จะให้คนอื่นรู้ตอนนี้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะแบบเอดิสันและไอน์สไตน์
ตอนนี้ปัญหาเดียวก็คือตัวอู๋ ฮ่าวเหรินเอง เขาไม่มีความรู้เพียงพอ เขาต้องการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว โชคดีที่หลังจากเสริมความแข็งแกร่งแล้วความจำของเขาเริ่มพัฒนาและร่างกายของเขาก็พัฒนาขึ้นเช่นกัน
และด้วยความช่วยเหลือของจี้ แล้วเขายังสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ ต่อมาเมื่อคนคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะแล้ว ก็จะไม่มีใครจะสงสัยในตัวเขาอีก
“รัฐมนตรีเฉิน ผมไม่ทราบว่าการวิจัยของผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างไรบ้าง วัสดุเส้นใยพืชของผมพอจะเหมือนกับมันไหม?”
ถึงจะเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่อาวุโสหรือรัฐมนตรี อู๋ ฮ่าวเหรินก็ไม่หวั่งเกรง แต่รู้สึกปกติมาก เห็นแม้กระทั่งอะไรอย่างระบบซองแดงแล้วก็ไม่มีอะไรให้กลัวอีกต่อไป
ต่อให้มีใครบอกเขาว่ามีผีในโลก อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะเชื่อและศึกษาด้วยความสนใจ บางทีเขาสามารถไขปัญหาที่ไม่สามารถอธิบายได้ของวิญญาณ
“มันยังไม่ชัดเจน แต่คุณอู๋เป็นอัจฉริยะจริงๆ ถ้าประเทศมีผู้ที่มีพรสวรรค์แบบคุณมากกว่านี้ ก็ไม่ต้องห่วงว่าประเทศจะอ่อนแอเลย”
“ผมไม่คู่ควรกับคำว่าอัจฉริยะหรอก ผมก็แค่ชอบคิดและลองทำดูเท่านั้น รัฐมนตรีเฉิน ความจริงแล้วผมอยากร่วมมือกับรัฐในการผลิตของวัสดุนี้คุณน่าจะเข้าใจชัดเจนแล้วถึงผลกระทบ ถ้าวัสดุเส้นใยพืชเป็นอย่างที่ผมพูดจริงๆ และผลกระทบนั้นเป็นอะไรที่ผมไม่สามารถแบกรับด้วยตัวเองได้ “
เฉิน ไจ๋เจี่ยยิ้มเขารู้สึกว่าชายหนุ่มผู้นี้มีความเข้าใจและมีเหตุผล ยิ่งวัสดุออกมาจากศูนย์วิจัยวัสดุแห่งชาติมากขึ้นอารมณ์ของเขาก็จะยิ่งตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ
หากวัสดุนี้เป็นไปตามคำอธิบายจริงๆ เรื่องนี้จะไม่สามารถจัดการด้วยตัวเขาเพียงคนเดียวได้ และอาจจะกระทบไปถึงคนเบื้องบนด้วย
เขารู้ดีกว่าใครเกี่ยวกับอิทธิพลของวัสดุแบบนี้ ในด้านหนึ่งการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมสามารถให้หัวหน้าหน่วยงานถามเกี่ยวกับมันด้วยตัวเองได้
และในอีกด้านหนึ่งข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าวัสดุประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะแก้ปัญหาวัสดุของอาวุธทางการทหารได้ด้วย และตราบใดที่มีมันมีอะไรเกี่ยวกับอาวุธมันเป็นเรื่องยากที่รัฐจะเพิกเฉยต่อมัน
“ไม่ต้องห่วง ผมไม่คิดว่าคุณจะต้องพูดอะไรเกี่ยวกับการขอความร่วมมือ เดี๋ยวจะมีคนจะมาคุยกับคุณเอง และวัสดุประเภทนี้ไม่เหมาะกับการผลิตด้วยบริษัทส่วนตัว อย่างที่คุณอู๋พูด มันมีอิทธิพลมากเกินไป นอกจากนี้ผมอยากจะบอกข่าวดีกับคุณอู๋ว่าวัสดุประเภทนี้เพิ่งถูกพบว่าสามารถแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับวัสดุของอาวุธ และมีแนวโน้มที่ได้จะร่วมมือกับทางกองทัพโดยตรง”
เมื่อได้ยินเกี่ยวกับทหารหน้าของอู๋ ฮ่าวเหรินก็แสดงความดีใจออกมา การร่วมมือกับทหารเป็นนั้นเรื่องดีแน่นอน ความร่วมมือของกองทัพจะไม่เหมือนความร่วมมือที่เกี่ยวพันการเมือง
พวกเขามีอีกหลายสิ่งซึ่งช่วยลดปัญหาที่ไม่จำเป็นของเขา
นอกจากนี้อำนาจของบริษัทในปัจจุบันนั้นอ่อนแอเกินไป แต่ด้วยการมีส่วนร่วมของกองทัพ ถ้าเกิดพวกที่อิจฉาพวกเขาต้องการจัดการกับบริษัท พวกเขาต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่าพวกเขาจะแบกรับความโกรธของทหารได้หรือไม่
“มันเป็นข่าวดีจริงๆ รัฐมนตรีเฉินเข้ามาดูกันดีกว่า”
เมื่อพวกเขาเข้ามา กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุกำลังถกเถียงกันเรื่องอะไรบางอย่าง ซึ่งดูเหมือนบรรยากาศจะเต็มไปด้วยดินปืน
บางทีพวกเขาอาจเห็นว่าทั้งสองคนเข้ามา ผู้เชี่ยวชาญจึงเงียบไปครู่หนึ่ง
“เป็นไงบ้าง?” รัฐมนตรีเฉินถาม
“เพราะว่าไม่มีเครื่องมือ เราจึงสามารถวิเคราะห์ลักษณะบางอย่างของการผลิตวัสดุและผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเท่านั้น ตอนนี้เป็นที่แน่นอนว่าวัสดุนี้สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์พลาสติกดั้งเดิมบางส่วนได้ อย่างไรก็ตามเรายังต้องพิจารณาต้นทุนและราคาของการผลิตวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเช่นนี้ “
รัฐมนตรีเฉินมองดูอู๋ ฮ่าวเหรินเขาน่าจะเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับปัญหานี้
“เรื่องราคา นอกเหนือไปจากวัสดุและเครื่องมือสำหรับการผลิตวัสดุ ยังจำเป็นต้องปรับปรุง และวัตถุดิบเองก็คือฟางข้าว ว่าตามการประเมินของผมแล้ว มันควรจะถูกกว่าผลิตภัณฑ์พลาสติกในตลาดปัจจุบัน 30%”
สามสิบเปอร์เซ็นต์? ทุกคนตกใจเมื่อได้ยินอู๋ ฮ่าวเหรินกล่าว ถ้าราคามันถูกมาก ก็สามารถจินตนาการได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
รัฐมนตรีเฉินถามอย่างไม่เชื่อ “มันถูกขนาดนั้นจริงหรือ?”
เขาคิดว่าข้อดีของวัสดุใหม่นี้คือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและค่าใช้จ่ายคงจะแพงกว่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขายังไม่คิดไม่ถึงคุณค่าอันมหาศาลของวัสดุนี้
“ผมมั่นใจว่าถ้าราคาของฟางถูกพอ ค่าใช้จ่ายของวัสดุนี้จะลดลงไปอีก”
เมื่อได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหรินแล้ว รัฐมนตรีเฉินก็หัวเราะ ฟาง? ของแบบนี้ไม่ต้องใช้เงินอะไรเลยนอกจากแต่ค่าขนส่ง
แต่แน่นอนว่าตอนนี้ฟางกลายเป็นทรัพยากรแล้ว และราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอนในอนาคต แต่จะเพิ่มขึ้นขนาดไหน มันก็ไม่มีทางสูงจนเกินไป
“ดูเหมือนว่าผมจะต้องไปอธิบายถึงความสำคัญของวัสดุนี้กับเบื้องบนอีกรอบสินะ ผมหวังว่าเบื้องบนจะส่งคนมาจัดการกับเรื่องนี้ในไม่ช้า”
ในตอนบ่ายผู้เชี่ยวชาญทุกคนและรัฐมนตรีที่มาเยี่ยมก็กลับไป ผู้คนจากรัฐบาลเขตจัดประชุมขึ้นเพื่อหารือว่าจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไร
ผู้อำนวยการกรมอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและอดีตคู่ต่อสู้ของเขานั้นกระสับกระส่ายราวกับนักโทษที่กำลังจะถูกลงโทษ
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกอู๋ ฮ่าวเหรินที่กำลังฉลอง พนักงานทุกคนกำลังกินเลี้ยงฉลองในร้านอาหารที่ดีที่สุดในเขต
“หัวหน้า เรามั่นใจว่าจะรับสมัครคนแล้ว ก็อย่าลืมสัญญากับฉันด้วย ช่วงนี้เมื่อฉันรับสายโทรศัพท์ฉันไม่ทำอะไรไม่ได้นอกจากพูดเนื้อหาของวัสดุนั่นตราบเท่าที่ฉันได้ยินเสียงโทรศัพท์” เซี่ย เสวี่ยบอกกับอู๋ ฮ่าวเหรินพร้อมกับแก้วไวน์
“ไม่ต้องห่วง หลังจากการรับสมัครครั้งนี้ เธอจะเป็นผู้ดูแลฝ่ายบุคคล และเธอจะกลายเป็นหัวหน้าแผนก”
อู๋ ฮ่าวเหรินคำนวณไว้ว่าจะรับสมัครคนจำนวนมาก ฝ่ายการเงินไม่ต้องการให้เขาจัดการ หลิว เหม่ยหรู่จะเป็นคนแก้มันเอง
มันยังคงมีฝ่ายเทคโนโลยี ฝ่ายขาย ฝ่ายคุณภาพ ฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อให้ลู่ เปงเฟยดูแล และโรงงานเครื่องดื่มให้เว่ย หมิงดูแล
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายการประชาสัมพันธ์พิเศษอาจจะต้องจัดขึ้นเพื่อเผยแพร่ผลิตภัณฑ์และบางข้อมูลของบริษัท
แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดคือบุคลากร R & D ระดับสูง แม้ว่าเขาจะมีข้อมูลเกี่ยวกับหลายสิ่งหลายอย่างครบถ้วน สามารถนำออกมาได้โดยตรง แต่นั่นจะทำให้คนสงสัยแน่นอน
หากมีแผนกวิจัยและพัฒนาเขาสามารถหยิบยกแนวคิดให้คนพวกนี้ไปศึกษา แล้วนำข้อมูลออกมาทีล่ะจุด
ตัวอย่างเช่นซุปเปอร์คอมคำนวณผล ซึ่งพวกเขาเรียกกันว่าปัญญาประดิษฐ์นั้นจะไม่ทำให้ผู้คนสับสนหากเขาปล่อยให้คนศึกษามันก่อนและนำข้อมูลบางส่วนออกมา
อย่างไรก็ตามเทคโนโลยีล้ำสมัยแบบนี้ บริษัทอยากจะน่าดึงดูดขึ้นในปัจจุบัน มันก็ยังมีความยากอยู่บ้าง
——————————