CF:บทที่ 60 การนินทาที่ส่งผลกระทบต่อสัญญา
หลายคนตรงนั้นกำลังศึกษาข้อตกลงในสัญญาฉบับใหม่ของอู๋ ฮ่าวเหริน ตอนนี้เขาและจื่อหยงกำลังคุยเกี่ยวกับวัสดุเส้นใยพืช
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดกับตัวเองว่าโชคดีที่เขาได้ปลอมแปลงความรู้เหล่านี้ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ไม่เช่นนั้นก็คงไม่สามารถหยุดยั้งแรงกดดันนี่ไว้ได้
มองไปที่ผู้พันที่อยู่ข้างหน้า เขาได้ยินมาว่าผู้พันคนนี้เป็นสมาชิกคนสำคัญของสถาบันวิจัยอาวุธและวัสดุ แต่เขายังต้องบอกด้วยตัวเองเลยว่าเขาสับสน อู๋ ฮ่าวเหรินมีความสุขมาก!
มันก็เหมือนคนทันสมัยที่ได้เรียนรู้ความรู้ทุกชนิดที่คนสมัยใหม่รู้ ในยุคปัจจุบันนี้ พวกเขาไม่สามารถจะถูกบังคับได้ จากนั้นเขาจะนำความรู้จากอนาคตนี้มาสู้ และเอาชนะคนโบราณที่เทียบเท่ากับคนโบราณที่ไม่รู้หนังสือพวกนี้
นี่ควรเป็นตำนานที่เรียกว่า ยืนอยู่บนไหล่ของยักษ์และเอาชนะโลก
บางส่วนของความรู้ที่เขาพูดในขณะนี้ถูกบันทึกไว้ในจี้ เทคโนโลยีล้ำสมัยที่มนุษย์จะได้พัฒนาในอนาคต
ตราบเท่าที่มันเป็นข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุจื่อหยงจะพยักหน้าอยู่บ่อยครั้ง ราวกับเป็นนักเรียนประถม เขามองที่อู๋ ฮ่าวเหรินไม่เหมือนเดิม เขารู้สึกว่านี่เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง ทำไมประเทศไม่เคยค้นพบเขามาก่อน การศึกษาได้จำกัดพัฒนาการของคนเช่นนี้จริงๆหรือ?
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของเขารึเปล่า นักวิจัยทางการทหารคนนี้ถึงได้เริ่มสงสัยแล้วว่ามีบางอย่างผิดพลาดเกี่ยวกับการศึกษาของชาติ
“คุณอู๋ วัสดุมายาแบบที่คุณพูดถึงมันมีอยู่จริง มันก็จะสามารถสร้างภาพลวงตาผ่านการหักเหของแสงและเงา และปล่อยสัญญาณรบกวนเพื่อหลอกล่ออีกฝ่าย”
ในฐานะนักวิจัยทางทหารจื่อหยงรู้ว่าหากมีวัสดุเช่นนี้มันจะเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของเครื่องบินรบในด้านกำลังรบแน่นอน
คิดดูว่า เครื่องบินรบสองลำอยู่ในท้องฟ้า แต่เพราะการรบกวนสัญญาณจึงไม่สามารถตรวจจับมันด้วยอุปกรณ์ได้ พวกมันสามารถมองหาได้ด้วยตาเปล่าเท่านั้น
ในตอนนี้ เครื่องบินรบสามารถสร้างภาพลวงตาที่เหมือนกับเงาของเครื่องบินรบ ซึ่งใช้หลอกล่อศัตรูได้ ผลที่ตามมาจะเป็นแบบไหน
วัสดุนี้ไม่เพียงใช้ได้แต่กับเครื่องบินรบเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้ได้กับเรือรบ, รถถังหรือแม้กระทั่งทหารราบก็ได้
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่คิดเลยว่าเขาจะนำความตื่นเต้นขนาดใหญ่มาสู่จื่อหยงเพียงแค่พูดถึงมันอย่างไม่ได้ใส่ใจ
ถ้าวัสดุประเภทนี้มีอยู่จริง มันก็เป็นเหมือนกลยุทธ์หลอกลวงที่แฟนนิยายวิทยาศาสตร์นำเสนอและใช้กับเกมจำลองสถานการณ์มาก่อน
จากนั้นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาวัสดุนี้ และพบว่าตราบเท่าที่อุปกรณ์พิเศษถูกติดตั้งลงในวัสดุ ภาพลวงตาจะถูกจำลองและสามารถสร้างขึ้นมาได้
ทว่าวัสดุนี้ยังไม่สามารถใช้ตั้งแต่ค้นพบเลยได้ เนื่องจากความสามารถในการตรวจจับที่ทรงพลังของยุคอนาคต การฉายภาพมายาของเทคโนโลยีนี้ไม่มีผลกระทบอะไรเลย
อู๋ ฮ่าวเหรินแค่กำลังรู้สึกเบื่อๆ ตอนที่เขาเห็นมันบันทึกการวิจัยวัสดุของมนุษย์ในยุคอนาคต เลยจดมันมาไว้
ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว เหมือนว่าถ้าหากวัสดุมายานี้ถูกนำมาใช้ใหม่ในยุคในยุคที่อุปกรณ์ตรวจจับไม่ทรงพลังล่ะ อย่างเช่นตอนนี้!
ไม่น่าแปลกใจที่คนๆนี้จะกังวลเกี่ยวกับวัสดุนี้ แต่อู๋ ฮ่าวเหรินก็ยังคงพูดว่า “ผมแค่พูดเฉยๆ เพราะมันจำเป็นต้องใช้กำลังด้านเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์อีกมากในการพัฒนาวัสดุนี้ แต่บริษัทของเราไม่มีนักวิจัยวิทยาศาสตร์ที่มีพรสวรรค์หรือกำลังด้านเทคโนโลยีวิทยาศาสตร์เช่นนี้ มันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างมัน”
แต่จื่อหยงพูดอย่างตื่นเต้น “ไม่ๆ คุณทำได้ บริษัทของคุณมีพรสวรรค์แบบนี้ คุณทำมันได้แน่นอน คุณอู๋ ผมว่าผมมาถูกทางแล้วที่รับงานนี้ในครั้งนี้มา คุณพอจะให้สำเนาข้อมูลเกี่ยวกับวัสดุมายาเมื่อครู่กับผมได้ไหม?”
อู๋ ฮ่าวเหรินอยากจะปฏิเสธ เขาไม่สามารถเอาวัสดุแบบนี้ออกมาตอนนี้เลยไม่ได้จริงๆ แต่ช้าก่อน จังหวะมันปกติ ดูเหมือนว่าผู้พันจื่อหยงมีอะไรอยากจะพูด!
ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้ หัวใจของเขาก็ตื่นเต้นทันที แต่การแสดงออกบนใบหน้าของเขายังคงเหมือนเดิมและพูดว่า “ผมสามารถให้สำเนาของข้อมูลแก่คุณได้ ยังไงผมก็คิดเรื่องทั้งหมดนี่ไว้ก่อนแล้ว คุณไม่ต้องไปจริงจังกับมันนักหรอก”
หากวัสดุชนิดนี้สามารถประดิษฐ์ขึ้นมาได้ มันจะเป็นสิ่งประดิษฐ์ข้ามยุคแน่นอน ซึ่งมันสำคัญเกินไปสำหรับอุตสาหกรรมทหารในการเพิ่มพลังการในการรบ
แต่จื่อหยงไม่อยากรอ
“พวกคุณเห็นรึยัง? ถ้าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว กรุณาเซ็นสัญญาการร่วมมือกันด้วย ตอนนี้ผมมีเรื่องสำคัญบางอย่างที่ต้องไปจัดการ”
หลายคนตรงนั้นมีเงื่อนไขหลายอย่างที่อยากปรึกษาด้วย หลังจากได้ยินคำพูดของจื่อหยงพวกเขาก็ตกตะลึง พวกเขาดูเหมือนจะเข้าใจอะไรแล้ว พวกเขาก็เลิกปรึกษากันและพูดว่า “ตกลง ไม่มีปัญหาอะไรกับข้อตกลงการร่วมมือนี้ครับ”
แน่นอนว่าพวกเขาเข้าใจผิดว่าจื่อหยงได้บรรลุข้อตกลงกับอู๋ ฮ่าวเหรินไปแล้วเป็นการส่วนตัว เดิมทีเรื่องในคราวนี้กรมทหารเป็นกำลังหลักและพวกเขาก็เป็นเพียงผู้ช่วยเท่านั้น
โดยมีเทศมนตรีฟานเป็นพยาน ในตอนที่ทั้งสองลงนามสัญญา อู๋ ฮ่าวเหรินยังรู้สึกราวกับฝันไป
เพราะว่ามีบางเงื่อนไขในสัญญาที่เขาคิดว่าไม่มีทางที่พวกเขาจะยอมให้ได้ แต่ตอนนี้พวกเขาได้ยอมแล้ว
แน่นอนว่าเขาไม่รู้ถึงเหตุผลนี้สำหรับการตกลงนี้คือจื่อหยงต้องการข้อมูลของวัสดุมายาจากเขาโดยเร็วที่สุดและนำพวกมันกลับไปวิเคราะห์ความเป็นไปได้ในการวิจัย
จื่อหยงได้เอาข้อมูลสรุปวัสดุมายาของอู๋ ฮ่าวเหรินมา และกลับไปพร้อมกับสัญญา ซึ่งเป็นผลประโยชน์มหาศาลกับอู๋ ฮ่าวเหริน เทศมนตรีก็กลับตามเขาไปเช่นกัน
จากนี้อู๋ ฮ่าวเหรินไม่จำเป็นต้องไปยุ่งกับโรงงานแล้ว เขารับต้องผิดชอบเพียงเฉพาะการผลิตและการกำหนดค่าของอุปกรณ์ผลิตวัสดุ ส่วนรัฐมีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องอื่น ๆ
“ประชุมๆ การพัฒนาของบริษัท ได้เปลี่ยนไปแล้ว”
เมื่อคนมาถึงห้องประชุม อู๋ ฮ่าวเหรินก็ส่งสัญญาที่เพิ่งเซ็นมาให้กับหลิว เหมยหรู่และเว่ย หมิงดู
“อย่างที่พวกนายเห็นเราอยากจะมีชื่อเสียงเพื่อวัสดุเส้นใยพืช แต่อย่าเพิ่งคิดตอนนี้ อย่างน้อยก็อีกครึ่งปี ดังนั้นการรับสมัครพนักงานของบริษัทอาจจะต้องเลื่อนออกไปก่อน”
เว่ย หมิงไม่สนใจ แต่เขาก็ยังจะถามว่า “หัวหน้า ในเมื่อเราไม่สามารถเผยแพร่วัสดุเส้นใยพืชได้แล้ว แต่เราก็ไม่สามารถอยู่เฉยๆได้นะ”
แม้ว่าจะสบายที่ไม่ต้องทำงานแล้วก็ยังได้รับเงิน แต่มันก็เป็นการฆ่าความตั้งใจและทำให้คนไม่ทะเยอทะยานด้วย
“นี่นายโง่รึเปล่าเนี่ย? ไม่เห็นเงื่อนไขในสัญญารึไง? หัวหน้าเขากำลังจะผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด” หลิว เหมยหรู่พูดถึงโครงการพัฒนาถัดไปของบริษัท แต่ก็ไม่ลืมที่จะต่อว่าเว่ย หมิง
“ใช่แล้ว บริษัทจะพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดเป็นโครงการต่อไป และอุปกรณ์นี้ไม่เหมือนกับวัสดุเส้นใยพืชดังนั้นเราจึงสามารถปล่อยมันออกไปได้เลย ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับผลกระทบ”
“นอกจากนี้ บริษัทของเราต้องการบุคลากรมืออาชีพมาจัดการเรื่องการปล่อยข่าวและข้อมูลเมื่อเราเริ่มการรับสมัคร คราวนี้เราควรเผยแพร่อุปกรณ์นี้ล่วงหน้าและใช้อุปกรณ์นี้เพื่อทำให้บริษัทมีชื่อเสียง”
ถ้าไม่เพราะใช่สัญญานั่น อู๋ ฮ่าวเหรินก็จะมีปัญหาในการพัฒนาอุปกรณ์ชีวภาพบำบัดอยู่บ้าง ตัวอย่างเช่นปัญหาข้อมูลกรณีของธนาคารไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ด้วยสัญญาในตอนนี้ สิ่งเหล่านี้ก็ง่ายไปเลย เขาสามารถไปที่กระทรวงสาธารณสุขเพื่อคุยโดยตรงได้เลย
พูดได้เลยว่า การร่วมมือกับทหารนี้ ช่วยขจัดปัญหามากมายสำหรับการพัฒนาครั้งถัดไป
อย่างน้อยเมื่อเขาไปคุยกับพวกหน่วยงานระดับชาติคน เหล่านี้ไม่กล้าหลอกเขาและทำให้เขาเดือดร้อน
ในการประชุม เซี่ยเสวี่ยผู้ที่กำลังหดหู่ คิดว่าแผนกบุคคลของเธอต้องเจอปัญหาอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่าบริษัทอยากจะพัฒนาอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัด
เธอพูดอย่างตื่นเต้นว่า “หัวหน้า ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นเก่าที่อยู่ในสายงานเขียนข่าว ฉันขอชวนพวกเขาให้มาเข้าร่วมบริษัทได้ไหม?”
“ได้สิ ตราบเท่าที่มีความสามารถล่ะนะ ตอนนี้บริษัทต้องการมัน แน่นอนพวกเขาต้องผ่านการสัมภาษณ์ของบริษัทซะก่อน”
“ฉันทราบแล้ว ฉันจะโทรหาพวกเขาในภายหลัง” เซี่ยเสวี่ยพูดอย่างตื่นเต้น
แผนการพัฒนาของบริษัทยังคงมุ่งหน้าไปว่าแม้ว่าแผนสร้างชื่อเสียงด้วยวัสดุเส้นใยพืชจะถูกรัฐสกัดไว้ก็ตาม
อิทธิพลของอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนี้ควรมากกว่าวัสดุเส้นใยพืชนั่น เพราะผลิตภัณฑ์นี้เกี่ยวข้องกับปัญหาสุขภาพของทุกคน
ณ เวลานี้อู๋ ฮ่าวเหรินยังได้รับสายโทรศัพท์ที่จะทำให้เขาตื่นเต้น เขารู้สึกว่าวันนี้เป็นวันโชคดีสำหรับบริษัทจริงๆ
———————–