CF:บทที่ 63 มันไม่เป็นเรื่องดีที่จะโดดเด่นมากเกินไป
พวกเขากำลังตกตะลึงกับการทำงานของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด แล้วที่ตะลึงยิ่งกว่าคือเป็นความคิดอัจฉริยะของอู๋ฮ่าวเหรินด้วย ในตอนแรกก็วัสดุเส้นใยพืช ต่อมาก็วัสดุมายา แล้วตอนนี้เขางัดเอาไฟฟ้าชีวภาพบำบัดออกมา
“เป็นไปได้ไหมว่าเจ้าสิ่งนี้มันจะใช้การได้”
หลังจากแปลกใจ เขาก็รู้สึกสับสน ถึงแม้ว่าคำอธิบายของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดมันจะดูมีประสิทธิภาพมากก็จริง แต่มันก็สามารถใช้งานได้ง่ายราวกับเป็นมืออาชีพ แม้ว่าจะไม่ต้องศึกษาเจ้าเครื่องนี้มาก่อนก็ตาม
แต่เป็นเพราะพวกเขาน่าจะรู้กันดีอยู่แล้วว่า ไฟฟ้าชีวภาพนั้นมีหลายคนที่ศึกษาอยู่นั้น การปล่อยไฟฟ้าชีวภาพในร่างกายเพื่อรักษาและยับยั้งโรคเป็นเรื่องที่ใหญ่มาก
ยิ่งไปกว่านั้น ไฟฟ้าชีวภาพของแต่ละคนก็ต่างกันออกไป นั่นเลยทำให้ไฟฟ้าชีวภาพสามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นพันรูปแบบ มันจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยว่าจะกำหนดไฟฟ้าชีวภาพของคนอื่นได้โดยอาศัยไฟฟ้าชีวภาพของคนๆเดียว
และตอนนี้อู๋ฮ่าวเหรินก็บอกกับพวกเขาว่า เขาพัฒนาเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ให้สามารถใช้งานและผลิตเป็นจำนวนมากได้ นั่นคือสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกประหลาดใจและไม่อยากจะเชื่อ
“แน่นอนครับ ถึงเจ้าสิ่งนี้ยังเป็นเพียงแค่การคาดคะเนและยังไม่ได้ผลิตใช้จริงก็ตาม”
เมื่อได้ยินที่อู๋ฮ่าวเหรินพูดทั้ง 4 คนต่างก็โล่งใจ ที่กลายเป็นว่ายังเป็นเพียงการคาดการณ์ ถึงจะทำให้เสร็จได้แต่ก็ยังต้องการทดลองใช้จริง
เมื่อเห็นความมั่นใจของอู๋ฮ่าวเหริน จื่อหยงไม่รู้จะพูดกับเขาอย่างไร เขาไม่คิดว่าเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดของอู๋ฮ่าวเหรินจะใช้งานได้ตามคำอธิบายในเอกสาร
ไฟฟ้าชีวภาพ เป็นโครงการที่เกี่ยวกับสุขภาพของมนุษย์ และเป็นเป้าหมายการวิจัยของทุกคน
มีโรคมากมายในโลกนี้ ซึ่งถ้าสามารถหาพบได้ก่อน การรักษาก็จะไม่เป็นเรื่องยาก
แต่อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่มีทางเลือกอื่นที่จะหลีกเลี่ยงและระบุโรคของร่างกายตัวเองได้ เว้นแต่จะไปตรวจอย่างสม่ำเสมอที่โรงพยาบาล
ผู้อาวุโสที่ไม่ชอบอู๋ฮ่าวเหรินก็พูดขึ้นกับเขาตรงๆแบบไม่ไว้หน้า “ไอ้หนู ถึงแม้ว่าเจ้าจะมีความสามารถ เป็นอัจฉริยะ แต่อย่างไรก็ตาม มันก็มีบางสิ่งที่ไม่สามารถทำให้เป็นจริงได้เพียงแค่คิด พวกสิ่งนั้นสามารถทำได้โดยอาศัยการวิจัยและทดลองทางวิทยาศาสตร์จำนวนนับไม่ถ้วน มันเป็นเรื่องดีที่จะมีความคิดแปลกๆ แต่ไม่ดีที่จะทำเป็นอวดรู้”
คราวนี้ผู้อาวุโสอีกคนที่ไม่ถูกกันและชอบโต้แย้งกันทุกเรื่องกับผู้อาวุโสที่ดูจริงจังคนเมื่อกี๊ ก็ได้ผงกหัวแล้วพูดขึ้น “ถ้าคุณวิจัยเจ้าสิ่งนี้ได้จริงๆ มันย่อมจะต้องเป็นพรอันยิ่งใหญ่ของมวลมนุษย์แน่นอน แต่อย่างไรก็ตาม คุณจะต้องเข้าใจว่ามีคนจำนวนมากที่ศึกษาและวิจัยไฟฟ้าชีวภาพมาตลอดทั้งชีวิต แต่ก็ยังพัฒนาได้แค่เพียงผิวเผินเท่านั้น มันจึงไม่ใช่อะไรที่คุณจะทำให้สำเร็จได้เพียงแค่คิดเท่านั้น”
“เอาน่าๆ ทั้งสองคน, อย่าไปดุอัจฉริยะตัวน้อยของพวกเราเลย พ่อหนู ศึกษาให้หนักและวิเคราะห์อย่างระมัดระวัง บางทีเจ้าสิ่งนี้มันอาจจะสำเร็จด้วยมือของเธออย่างแน่นอน” ผู้อาวุโสที่ดูแล้วน่าจะมีตำแหน่งสูงที่สุด พูดอย่างใจดีและให้กำลังใจกับไอเดียของอู๋ฮ่าวเหริน
อู๋ฮ่าวเหรินฟังที่พวกเขาพูดแล้วมองไปที่สีหน้าของทั้ง 4 คน เขาถึงได้เข้าใจว่าเขาได้ทำอะไรผิดพลาดลงไป
เพราะว่าเขาได้เห็นเทคโนโลยีล้ำยุคและสิ่งประดิษฐ์แห่งอนาคตมากมายในจี้ ทำให้บรรทัดฐานความคิดของเขาอยู่เกินระดับเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ของโลกไปแล้ว
มันเหมือนกับคนในยุคปัจจุบันคุยกับคนในยุคโบราณว่าฉันสามารถบินไปมาในท้องฟ้าได้ คนโบราณย่อมจะต้องหัวเราะให้กับคนในปัจจุบันที่ขี้โม้อย่างแน่นอน ในเมื่อคนในยุคปัจจุบันก็ไม่ต้องสร้างเครื่องบินก็ได้ เพราะสามารถบินไปมาบนท้องฟ้าได้ด้วยบอลลูนอยู่แล้ว
มันคงจะดูอวดดียิ่งกว่าถ้าเขาคุยเรื่องนี้กับพวกคนยุคอนาคตในระบบซองแดง เขารู้สึกได้ว่าเหตุผลของเขาคงเป็นได้เหมือนกับแมลงคลาน
เพราะบรรทัดฐานที่ต่างกัน ความคิดความอ่านก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเขาไม่เชื่อมัน แต่เขาจะเชื่อมันทีหลังอยู่ดี
เมื่ออู๋ฮ่าวเหรินลองตรึกตรองดูก็คิดว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องแย่ซะทีเดียว มันเป็นเรื่องดีเสียด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็ทำให้คนอื่นลดความน่าสงสัยในตัวเขาลงไปได้
“เอาเถอะ แต่ผมขอวัตถุดิบบางอย่างจากทางรัฐได้ไหมครับ? เพราะการจะสร้างเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดนั้น จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบที่ห้ามซื้อขายเป็นการส่วนตัวจากบางประเทศ
เมื่อเห็นอู๋ฮ่าวเหรินยังไม่ยอมแพ้ พวกเขาก็คงห้ามไม่ได้อยู่ดี สำหรับพวกเขาแล้วอู๋ฮ่าวเหริน ก็เป็นพวกคลั่งวิทยาศาสตร์คนหนึ่ง
จื่อหยงจึงพูดขึ้นว่า “เอารายการวัตถุดิบที่ต้องการมาให้ผมก็แล้วกัน เดี๋ยวจะจัดการหาให้เอง ตราบเท่าที่ไม่ใช่วัตถุดิบพิเศษ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา”
อู๋ฮ่าวเหรินจึงเพิ่มเติมวัตถุสำหรับใช้ทำตัวเก็บข้อมูลลงไปเพิ่มด้วย ซึ่งมีโลหะพิเศษที่สั่งซื้อได้จากประเทศเท่านั้นอยู่ด้วย
เมื่อมองไปยังวัตถุดิบสองชนิดที่เสนอมาโดยอู๋ฮ่าวเหริน จื่อหยงก็ตกลงที่จะจัดหาให้ ซึ่งวัตถุดิบสองชนิดนี้มีและจัดส่งให้สถาบันวิจัยอยู่แล้ว
เมื่อข้อเสนอทุกอย่างสามารถตกลงกันได้ด้วยดี ผู้อาวุโสทั้ง 3 คนก็ได้พูดคุยกับอู๋ฮ่าวเหรินกันต่ออีกสักพัก และพบว่าความรู้ของเขาในบางด้านนั้นดียิ่งกว่าพวกนักวิจัยในสังกัดของพวกเขาเสียอีก
ซึ่งทำให้พวกเข้าใจว่าความคิดอันชาญฉลาดของอู๋ฮ่าวเหรินนั้น มาจากการเรียนรู้ด้วยตัวเอง
แน่นอนว่าพวกเขาอยากจะชักชวนให้อู๋ฮ่าวเหรินได้มาทำงานในสถาบันวิจัยแห่งชาติ แต่เขาก็ได้ปฏิเสธไป
“น่าเสียดายนะ เจ้าหนูนี่เป็นอัจฉริยะตัวจริงเลยล่ะ ประเทศชาติพลาดอัจฉริยะแบบนี้ไปได้ยังไงนะ”
“มันอาจจะดีกว่าก็ได้ที่ไม่พบแต่แรก อาจเป็นเพราะสภาพแวดล้อมแบบนี้ก็ได้ที่ให้เขามีไอเดียสุดยอดขึ้นมา สมมติว่าเขาได้อยู่ในสถาบันวิจัย คุณว่าเขาจะคิดคนวัสดุเส้นใยธรรมชาติได้มั๊ย? แถมยังพัฒนาไปทำวัสดุมายาได้อีก และไหนจะงานวิจัยเรื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดอีก”
“ในสภาพแวดล้อมที่ปราศจากปัญหาและขอบเขต จะให้คนสามารถใช้ความสามารถของตัวเองได้อย่างถึงขีดสุด บางทีการที่พวกเราเสนอความร่วมมือกับเขา โดยที่ไม่จำกัดกับเขาอาจเป็นการดี พวกเราควรจะปล่อยให้คนที่มีความสามารถแบบนี้อยู่ภายนอก
อู๋ฮ่าวเหรินไม่รู้ว่า ผู้อาวุโสทั้งสามคนกำลังถกเรื่องของอู๋ฮ่าวเหรินกันอยู่ ซึ่งถ้าเขารู้ เขาคงหัวเราะแน่นอน
เพราะความสำเร็จของเขาทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เกิดจากความพยายามของมนุษยชาติ ตัวเขาเองเป็นแค่คนที่โชคดีเท่านั้น
“เอาล่ะ พวกเรามาเริ่มการประชุมกันเถอะ ขอให้ทุกคนมารวมตัวกันที่ห้องประชุมด้วยนะครับ”
เนื่องจากการแนวทางการพัฒนาของบริษัทจะต้องมีการปรับเปลี่ยนเรื่องห้องวิจัยร่วมแห่งชาติและเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด อู๋ฮ่าวเหรินเองก็มีไอเดียใหม่ ซึ่งเมื่ออุปกรณ์ทั้งหมดถูกส่งมาถึง เขาจะเริ่มลงมือจัดการกับเครื่องบำบัดก่อน ซึ่งระบบการทำงานบางอย่างของเครื่องบำบัดอาจจะต้องเอามาศึกษาใหม่
ซึ่งจริงๆแล้วเครื่องบำบัดทำได้เพียงแค่ตรวจโรคเท่านั้น ใช้ตรวจสุขภาพร่างกายว่ามีโรคหรือไม่
จากนั้นก็จะพัฒนาการด้านการใช้รักษาอย่างช้าๆในขั้นต่อไป
จากข้อมูลที่ได้มาจากผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษานั้น ไม่ได้มีเพียงเครื่องไฟฟ้าชีวภาพเท่านั้น แต่ยังมีอุปกรณ์อื่นๆที่ใช้รักษาโรคมากมายอนาคต เช่น โรคเบาหวานที่ไร้ทางรักษา, โรคไขข้ออักเสบ, โรคสันหลังคอเสื่อม, โรคหืดหอบและอื่นๆ ที่ไม่ร้ายแรงถึงชีวิตแต่ก็ยากที่จะรักษาให้หาย ทำให้ผู้คนต้องทนทรมานไปวันๆ
ในอนาคตโรคจำพวกนี้สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยเครื่องมือรักษาต่างๆ
สามารถพูดได้ว่าหากมียารักษาโรคเหล่านี้ได้นั้น ได้เป็นเรื่องสั่นสะท้านไปทั้งโลกแน่แท้
และนั่นเป็นปัญหาที่อู๋ฮ่าวเหรินไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมดในทีเดียว และการปรากฏของยาพวกนี้ก็เป็นไปได้ยากด้วยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน การจะสร้างยาจำพวกนี้ได้นั้นจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
ในการประชุมของบริษัท พนักงานทั้งหมดได้มารวมตัวกัน อู๋ฮ่าวเหรินได้ทำการปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนาบริษัทใหม่ แน่นอนว่าทำด้วยตัวเขาเองทั้งหมด
และยิ่งไปกว่านั้นบริษัทเองก็พบปัญหาใหญ่มาก นั่นคือการขาดแคลนบุคลากร ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของบริษัทที่ต้องเร่งแก้ไขโดยด่วน