CF:บทที่ 81 ข้อมูลที่น่าตกใจ
ในตอนนี้ ทหารทุกคนต่างก็ได้รับการตรวจจากเหล่าแพทย์ในห้องฝึกซ้อม ที่มารวมกันตามคำสั่งของผู้การหลี่
แล้วสั่งให้ครูฝึกสองคน ทำหน้าที่คุ้มกันและดูแลเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัด ส่วนครูฝึกที่เหลือทั้งหมดไปรวมอยู่กันที่ห้องฝึกซ้อม
“ผลการตรวจเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตามหัวข้อในรายงาน, ยกเว้นอาการที่อยู่ในร่างกายซึ่งไม่สามารถตรวจพบได้ อาการอื่นๆก็ตรงตามที่คุณหมอตรวจพบ แล้วก็ส่วนในจุดที่เจ้าเครื่องเวทมนตร์นี่ตรวจไม่พบอะไร คุณหมอเองก็ไม่พบเช่นกัน”
“ดี, ดี” ครูหลี่พูดพร้อมกับตบต้นขาของเขา
แล้วเขาก็หันไปถามทหารคนถัดไป คนนี้่เป็นคนที่หกที่เขาถามแล้ว ยกเว้นคนเดียวที่ข้อมูลต่างจากที่หมอตรวจ ซึ่งจะต้องมีการตรวจอีกรอบด้วยอุปกรณ์พิเศษ ส่วนคนอื่นก็ตรงกันหมด
“รายงานผู้บังคับบัญชาครับ อาการของผมมันเป็นเคสพิเศษ คุณหมอไม่สามารถวินิจฉัยได้ตามรายงานทดสอบครับ ผมจำเป็นต้องได้รับการตรวจเพิ่ม”
ทหารคนนี้มีอารมณ์ที่แย่อย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่เขาได้รับผลการตรวจแล้ว ผู้การหลี่ก็เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นและตบเบาๆลงบนบ่าของเขา
“มันไม่เป็นไร เราตรวจพบได้ไว มันยังสามารถรักษาได้ มานี่ซักเดี๋ยวสิ”
เมื่อพวกเขาเดินออกจากห้องไป ครูหลี่ก็พูดกับชางเหอ “หลังจากนี้คุณพาทหารที่ต้องได้รับการตรวจเพิ่มไปที่โรงพยาบาลนะ แล้วจำด้วยว่า ทุกคนห้ามแพร่งพรายเรื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าชีวภาพบำบัดโดยเด็ดขาด นี่คือคำสั่งของกองทัพ เข้าใจมั๊ย?”
ชางเหอทำท่าวันทยาหัตถ์ และยืดตัวตรงแล้วพูด “รับทราบครับผู้บังคับบัญชา จะตั้งใจทำภารกิจให้ลุล่วงครับ”
หลังจากที่เข้ามาในห้อง มองดูทหาร และครูหลี่ก็พูดขึ้น “เหลือไว้แค่เพียงคนที่ต้องไปตรวจร่างกายเพิ่มที่โรงพยาบาล นอกนั้นออกไป”
จากนั้น หลายคนก็เดินออกไปจากห้อง เหลือแค่คนที่แพทย์บอกว่าต้องไปรับการตรวจที่โรงพยาบาล สีหน้าของพวกเขาดูไม่ดีเอาเสียเลย จนสามารถเห็นได้ชัดเจน
ผลการตรวจจุดอื่นก็ถูกต้องหมด ซึ่งนั่นทำให้พวกเขากังวล เพราะมันทำให้ชัดเจนว่า ถ้าพวกเขาตรวจพบตามที่อยู่ในรายงานจริงๆ พวกเขาจะต้องบอกลาชีวิตราชการทหารได้เลย
“อย่าทำหน้าแบบนั้นน่า ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมา พวกคุณน่าจะดีใจนะ ถ้าพวกคุณตรวจพบอาการได้ไว พวกคุณก็จะรักษาให้หายได้ไวเช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจจะเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทำภารกิจซึ่งอาจทำให้พวกคุณตายได้”
ถึงแม้พวกเขาจะเสียใจมาก แต่มันก็จริงอย่างที่ผู้การหลี่พูด ถ้าพวกเขาไม่ตรวจพบตอนนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างการฝึกหรือทำภารกิจ มันก็อาจจะทำให้พวกเขาถึงแก่ชีวิตได้
ข้อมูลการตรวจทั้งหมดถูกรวบรวมไว้ เพื่อเก็บรักษาความลับของผู้ป่วย ข้อมูลเหล่านี้จะไม่สามารถถูกนำออกไปข้างนอกได้
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถทางการแพทย์ แต่จากสีหน้าของพวกแพทย์แล้ว ครูหลี่ก็เข้าใจได้ถึงบทบาทที่สำคัญของเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดพวกนั้น
สงครามต้องใช้ผู้คน พวกเครื่องจักรนั้นเป็นแค่สิ่งไม่มีชีวิต ถ้าไม่มีคนใช้ พวกมันก็เป็นได้แค่เศษเหล็ก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับทหารคือการรู้ถึงสภาพร่างกายของตัวเองทุกที่ทุกเวลา
“ผู้การหลี่ครับ คุณได้หาสถานพยาบาลที่จะให้ทหารพวกนี้เข้าไปรับการตรวจได้รึยังครับ? ข้อมูลพวกนี้มันน่าทึ่งมาก! ถ้าพวกเรามีเทคโนโลยีการตรวจร่างกายแบบนี้ ระดับการพยาบาลทั้งหมดจะต้องถูกยกระดับไปอีกหลายขั้นแน่นอนครับ”
“ถึงแม้ผมเองอยากจะทำอย่างนั้น แต่มันก็เป็นไปไม่ได้สำหรับผมที่จะเป็นคนจัดการเรื่องการตรวจสอบนี้ ดูเหมือนว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรกับข้อมูลพวกนี้สินะ ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้คนที่รู้เรื่องนี้ทั้งหมดกักตัวอยู่ในค่ายสักพักหนึ่ง ผมต้องการเอารายงานนี้แจ้งไปยังทางกองทัพ เหล่าแพทย์ทหารเองก็น่าจะเข้าใจ”
“เข้าใจแล้วครับ ผู้การหลี่ รีบไปและมองหาโรงพยาบาลให้พวกเราเถอะ คุณจะได้สามารถยืนยันการทำงานของเจ้าเครื่องนี้”
ครูหลี่ส่ายหัว แน่นอนว่าเขาต้องการที่จะครอบครองเจ้าเครื่องนี้ไว้เพียงคนเดียว และฝึกทหารในสังกัดของเขากลายเป็นหัวกะทิ แต่เขารู้ดีว่าถ้าเจ้าเครื่องนี้ได้รับความนิยมในกองทัพแล้ว มันจะสามารถฝึกฝนหัวกะทิและกองร้อยที่มีประสิทธิภาพได้มากมาย
ครูหลี่ออกจากโรงนอนทหารซึ่งถูกปิดกั้นหลังจากที่เขาออกไป และจะไม่มีใครออกจากโรงนอนจนกว่าเขาจะกลับมา
เขาไม่ได้โทรหาจื่อหยง
ครูหลี่ขับตรงไปยังค่ายทหาร เรื่องนี้จะต้องจัดการโดยเขาคนนั้นเท่านั้น มิฉะนั้นแล้ว ถ้ามีปัญหาอื่นตามมาอาจจะเกิดความสูญเสียขึ้นได้
ในค่ายทหาร มีชายชราคนหนึ่งกำลังจิบชาอยู่ในสนามหญ้า อยู่ภายใต้การดูแลของพวกการ์ด ครูหลี่เดินเข้ามาในสนาม
“อดีตผู้บังคับบัญชาครับ ผมมาที่นี่เพื่อขอพบคุณครับ”
ชายชรายกหัวขึ้น พร้อมกับวางแก้วชาของเขา และโบกมือเพื่อให้การ์ดออกไป ก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าตึงเครียด “ฉันไม่เคยบอกเลยนะว่า ฉันไม่อนุญาติให้คุณเข้ามาพบฉัน”
เมื่อเห็นการ์ดเดินออกไป ครูหลี่ก็ยืดตัวตรงพร้อมกับทำวันทยหัตถ์ ก่อนจะพูดขึ้น “รายงานผู้บังคับบัญชา หลี่หยุนเหอ มีความลับทางการทหารมารายงานครับ”
“ไม่ต้องมาเป็นเล่นลิ้น เจ้าหนู มีปัญหาอะไรที่ต้องการให้ฉันช่วยก็ว่ามาเลย”
“อดีตผู้บังคับบัญชาครับ ผมมีความลับทางการทหารมารายงานจริงๆครับ
เมื่อชายชราได้ยินเข้า เขาก็ทำหน้าสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมา และพาครูหลี่เข้าไปข้างใน
เมื่อเข้ามายังห้องทำงาน เขาชี้ไปที่เก้าอี้และพูดขึ้น “นั่งลงและพูดช้าๆชัดๆ ว่าเกิดอะไร ทำไมคุณที่เป็นถึงระดับต้นๆของกลาโหม ถึงพิจารณาเรื่องนี้เป็นความลับทางการทหาร? มีสิ่งแปลกปลอมที่เป็นอันตรายแอบแฝงเข้ามาในประเทศงั้นรึ?”
“ไม่ใช่ครับ อดีตผู้บังคับบัญชา ความลับทหารการทหารครั้งนี้นั้นเป็นเรื่องดี ตอนแรกผมต้องการนำรายงานนี้ไปให้ทางกองทัพโดยตรงครับ แต่พอมาคิดอีกที ถ้าพวกเขาไม่เชื่อผม มันจะกลายเป็นปัญหาตามมาแน่ๆ ผมเลยมาหาคุณแทนครับ”
“โอ้ อะไรที่ทำให้คุณกระวนกระวายได้ขนาดนั้น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่ธรรมดาจริงๆสินะ มันคืออะไรล่ะ?”
“อดีตผู้บังคับบัญชาครับ ดูสิ่งนี้ก่อน และฟังสิ่งที่ผมจะบอกคุณให้ดี”
มีรายงานผลการตรวจร่างกายเป็นจำนวนมากส่งมาให้โดยครูหลี่ แต่ละอันเป็นผลการตรวจที่ได้มาจากแพทย์ ซึ่งเขาได้ขอให้พวกแพทย์เป็นคนเขียนขึ้นมา
“รายงานการตรวจร่างกายของทหารพวกนี้ดีมาก แสดงให้เห็นว่าความสามารถในการฝึกทหารของคุณไม่ได้ด้อยลงไปเลยเพราะงานคุ้มกันประเทศ แล้วก็การพัฒนาด้านการแพทย์ของประเทศเราก็ดีสินะ ข้อมูลพวกนี้ละเอียดมาก”
“อดีตผู้บังคับบัญชาครับ คุณคิดว่ารายงานผลพวกนี้ดีมั๊ยครับ?”
“มันดีมาก แล้วมันมีปัญหาอะไรเหรอ?”
ครูหลี่เล่าเรื่องราวและสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ติดต่อกับจื่อหยง และเรื่องของอุปกรณ์พวกนี้ จนถึงเรื่องการใช้โดยพวกทหาร
“อดีตผู้บังคับบัญชาครับ นี่คืออุปกรณ์ที่ว่าครับ จากที่เห็น มันจะดูใหญ่กว่านาฬิกาข้อมือเล็กน้อย แต่คุณสามารถใช้ตรวจเช็คได้ขนาดนี้ ถ้าทหารทุกคนมีกันคนละเครื่อง พวกเขาจะสามารถรู้สภาพร่างกายของตัวเองได้ตลอดเวลา”
ชายชราขัดครูหลี่ทำกำลังพูดและพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง “มีใครอื่นอีกที่รู้เรื่องนี้นอกจากคุณ และคนในกองทัพ”
“สำหรับจื่อหยงผมยังไม่มั่นใจ แต่นักวิจัยที่ประดิษฐ์สิ่งนี้ขึ้นมารู้แน่นอนครับ แต่ผมยังไม่รู้ว่านักวิจัยคนนี้คือใครครับ”
ชายชรายืนขึ้นและพูด “แล้วคุณมามัวทำอะไรอยู่ที่นี่ ไปตามหาตัวนักวิจัยมาก่อนสิ!”
“ครับ, ผู้บังคับบัญชา ผมจะรีบไปเดี๋ยวครับ”
ครูหลี่เข้าใจแล้วว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดพลาด และนักวิจัยที่วิจัยสิ่งนี้ขึ้นมา คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้
เมื่อมองดูครูหลี่จากไป ชายชราก็หยิบเครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดกับข้อมูลขึ้นมาดูและเดินออกไป
เมื่อเขาออกมาข้างนอก เขาก็ตะโกนเรียก “เสี่ยวเหว่ย ไปเตรียมรถ พวกเราจะไปจงหนานไห่กัน”
……..
โดยที่อู๋ฮ่าวเหรินยังไม่รู้เรื่อง เครื่องไฟฟ้าชีวภาพบำบัดที่เขาฝากให้จื่อหยงไปทดสอบนั้นจะกลายเป็นใหญ่ไปทั้งกองทัพเสียแล้ว
ซึ่งในขณะเดียวกัน เขากำลังเดินตามลุงอู๋มาเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาเพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวที่จะมายังหมู่บ้านซุยฉุย
ในวันแรกนั้น, ยังมีนักท่องเที่ยวมาไม่มาก แต่มันก็ทำให้คนในหมู่บ้านซุยฉุยมีความสุขแล้ว และมีหลายที่เริ่มทำการท่องเที่ยวเชิงเกษตร
ซึ่งในตอนเช้าวันนี้ คนในหมู่บ้านซุยฉุยก็ยังดูมีความสุขกันดีอยู่ แต่ไม่นานพวกเขาก็เริ่มกังวล เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาเรื่อยๆและพวกเขาจะไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวทั้งหมดได้
และนั่น ทำให้อู๋ฮ่าวเหรินโดนลากมาเพื่อแก้ไขปัญหานี้
———————–