CF:บทที่ 92 หุ่นยนต์โบราณ
นักธุรกิจพลังงานส่งข้อความไปยังคนในครอบครัวของเขาที่ซึ่งติดต่ออยู่กับเหล่าผู้มีอารยธรรมระดับต่ำเพื่อถามถึงหุ่นยนต์โบราณที่ยังใช้ไฟฟ้า
“รันดอล์พ จะเอาหุ่นยนต์พวกนี้ไปทำอะไร?”
“คุณลุง ผมไม่มีเวลามาอธิบายตอนนี้ ถ้าคุณลุงเอามันกลับมาได้ ช่วยเอากลับมาให้หน่อย ผมต้องการหุ่นยนต์พวกนี้ด่วนมากๆ” รันดอล์พ ผู้ผลิตพลังงาน พูดด้วยความกระตือรือร้น
“ฉันไม่มีมากกว่านี้แล้ว หุ่นพวกนี้ถูกกำจัดไปตั้งแต่ 200 ปีที่แล้ว แต่ถ้าแกต้องการหุ่นยนต์จากตระกูลที่เกี่ยวข้องกับวิศวกรรมเครื่องกลล่ะก็ ฉันอาจจะพอส่งไปให้ได้บ้าง”
“คุณลุงพอจะหาทางที่จะเอามันมาได้ไหม? ผมไปถามจากคนอื่นมาได้ความว่าเครื่องมือผลิตหุ่นยนต์นั้นถูกเก็บรักษาไว้ตั้งแต่ครั้งนั้น”
บริษัทพลังงานรู้สึกกดดันเล็กน้อย ครอบครัวของพวกเขาเริ่มแรกเลยก็ผลิตอุปกรณ์และเครื่องมือสำหรับทำหุ่นยนต์ แต่หลังจากที่ครอบครัวให้ความสนใจกับอุตสาหกรรมพลังงาน เครื่องมือที่ใช้สร้างหุ่นยนต์ก็ถูกขายไปจนหมด
รันดอล์พยังคงใช้อิทธิพลของตระกูลในการเสาะแสวงหาหุ่นยนต์ของยุคนั้นต่อไป ช่างโชคร้ายที่การหาหุ่นยนต์ที่ควรจะหายสาปสูญไปตั้งแต่ 800 ปีที่แล้วนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
เขารู้ว่าในพิพิธภัณฑ์อุตสาหกรรมมีงานจัดแสดงหุ่นยนต์อยู่ แต่ปัญหาคือไม่มีสิ่งใดสามารถเล็ดรอดออกมาจากงานนั้นได้
ท้ายสุดแล้วเขาจึงเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงหุ่นยนต์ที่บ้านของเขาให้เป็นหุ่นยนต์รุ่นเก่า ความคิดพฤติกรรมผ่าเหล่าเช่นนี้ดูเหมือนจะเป็นผลมาจากสมองโดยตรงและเรื่องนี้เหล่าผู้อาวุโสในบ้านก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้ว
ดังที่กล่าวมา มันเป็นเรื่องที่เปล่าประโยชน์หากจะอธิบายปัญหาของรันดอล์พ
คนอื่นๆที่อยากได้โบราณวัตถุไม่ต่างอะไรกับคนที่หลงมัวเมาอย่าขาดสติ ชาวไร่ นักวิจัย ผู้เชี่ยวชาญยา และที่พลาดไม่ได้เลยก็คือคนที่อยากได้ที่สุดอย่างนักขุดแร่ แต่ช่างโชคร้ายที่พวกเขาแทบจะไม่เคยแตะหุ่นยนต์เลยแถมพวกเขาเองก็ยังหาทางไม่ได้มาพักใหญ่ๆแล้ว
ในกรณีนี้ ชายชุดเกราะสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างทรงพลัง นั่นก็เพราะเขาผลิตชุดเกราะไฮเทคที่บ้าน นั่นหมายถึงพวกเขามีเครื่องมือแทบจะทุกชนิดที่ใช้ในการสร้างชิ้นงานต่างๆ
เขาไปยังส่วนการผลิตชุดเกราะแล้วบอกอู๋ ฮ่าวเหรินเกี่ยวกับสิ่งที่อู๋กำลังต้องการว่า เขาน่าจะพอทำได้บ้าง
สิ่งที่อู๋ต้องการนั้นทำให้เหล่าคนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีหุ่นยนต์ถึงกับเจ็บแสบไปถึงทรวง ปัญหานั้นไม่ได้อยู่ที่รูปลักษณ์แต่มันอยู่ที่เงื่อนไขการใช้พลังงานนั่นต่างหาก
ผลพวงมากจากการเปลี่ยนแปลงของพลังงาน หลังจากที่เทคโนโลยีก้าวล้ำขึ้นเรื่อยๆก็ไม่ได้มีใครศึกษาเกี่ยวกับพลังงานไฟฟ้าอีกเลย ผนวกกับระบบพลังงานของหุ่นยนต์ในโลกนี้นั้นไม่สามารถนำไปใช้กับที่อื่นได้ เพราะงั้นแล้วหุ่นยนต์จะไม่ทำงานถ้าไม่ได้พลังงานที่เหมาะสม ทางเดียวที่จะแก้ได้ก็คือพวกเขาต้องสร้างระบบพลังงานใหม่เพื่อมาขับเคลื่อนหุ่นยนต์เสียเอง
“นายน้อย เห็นทีเราคงต้องใช้พลังงานนิวเคลียร์แล้ว ในอดีต มนุษย์เคยใช้พลังงานนี้ในการขับเคลื่อนหุ่นยนต์ แต่ตอนนี้มันถูกเลิกใช้งานไปแล้ว”
“เทคโนโลยีนิวเคลียร์เหรอ? ก็ได้”
ชายชุดเกราะเคยเรียนเกี่ยวกับเทคโนโลยีนิวเคลียร์อยู่ แต่พวกเขาก็รู้ดีว่านิวเคลียร์เป็นพลังงานที่มีมลพิษมากๆ เพราะงั้นมันเลยถูกทอดทิ้งมานานแล้ว
“ถ้าสิ่งที่ต้องการคือหุ่นยนต์ในยุคนั้น พลังงานนิวเคลียร์คงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะในยุคนั้นไม่ค่อยมีแหล่งพลังงานให้เลือกมากซักเท่าไหร่ ดังนั้นแล้วไม่มีอะไรจะมาเหมาะสมไปกว่านิวเคลียร์อีกแล้ว”
แต่กระนั้นชายชุดเกราะเองก็ยังมีข้อลังเลอยู่ นั่นก็เพราะว่าเขาไม่รู้ว่าระบบพลังงานนิวเคลียร์สามารถส่งผ่านซองแดงได้หรือเปล่า
“ดีล่ะ งั้นนายไปสร้างระบบพลังงานนิวเคลียร์นี่ ส่วนฉันจะไปทดลองเอง”
กลุ่มของช่างเทคนิคสุมหัวกันเหมือนกับทำของเล่น เขาใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมงเพื่อสร้างระบบพลังงานนิวเคลียร์ขึ้นมา
“นายน้อย เจ้านี่น่ะตราบเท่าที่เราคุมมันได้มันจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ในเงื่อนไขของพลังงาน การเปรียบเทียบกับพลังงานคริสตัลมันทำให้เห็นว่าสิ่งนี้เทียบชั้นไม่ติดเลยแม้จะอยู่ในหุ่นยนต์สำหรับใช้ภายในบ้าน”
ชายชุดเกราะถาม “เอาไปเทียบกับหุ่นยนต์ในยุคเริ่มต้นของการสำรวจดวงดาวได้ยังไง?”
“เปรียบเทียบกับหุ่นยนต์รุ่นเก่า ยิ่งกาลเวลาห่างชั้นกันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งต่างกันมากขึ้นไปเท่านั้น ถึงแม้ว่าในยุคนั้นจะมีทางเลือกพลังงานจำกัด แต่นั่นก็ไม่ใช่หุ่นยนต์ที่ควรเอามาเปรียบเทียบได้”
ชายชุดเกราะโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น เพราะอย่างน้อยๆมันก็ดีกว่าหุ่นยนต์บางประเภท ยังไงก็ตาม พ่อค้าของเก่าต้องการหุ่นยนต์อุตสาหกรรมรุ่นเก่า
มันไม่ใช่หุ่นที่ล้ำหน้า
เขาทดลองส่งเครื่องมือที่ใช้พลังงานนิวเคลียร์ขนาดพอๆกับกำปั้น 2 ชิ้นเข้าไปในระบบซอง และมันไม่มีปัญหาอะไร
ต่อไปก็ได้เวลาสร้างส่วนอื่นๆของหุ่นยนต์ต่อ มันไม่ได้เป็นอะไรที่ท้าทายเกินไปเมื่ออยู่ต่อหน้าช่างฝีมือผู้ออกแบบชุดเกราะบ่อยๆจนเหมือนจะเอาไปใช้เอง
ระบบเกราะนั้น ด้วยตัวมันเองแล้วมีพื้นฐานมาจากหุ่นยนต์ สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธสำหรับติดตั้ง มันทรงพลังมากๆ
คนเหล่านี้สร้างหุ่นยนต์ราวกับเป็นสินค้าทำมือแต่เป็นสินค้าระดับมาสเตอร์พีซ เพียงไม่นาน หุ่นยนต์ขนาดเท่าตัวคนก็เสร็จสิ้น
หลังจากติดตั้งเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์และกดปุ่มบนตัวหุ่นแล้ว หุ่นเหล็กก็เริ่มขยับ
หากจะวัดกันด้วยรูปทรง เจ้าหุ่นตัวนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับคนเลย ถ้าคุณทิ้งมันไว้ในความแออัดของสังคม คุณจะไม่รู้เลยว่ามันคือหุ่น
แน่นอนว่าในโลกอนาคต มันเป็นไปไม่ได้เลยว่ามนุษย์จะแยกหุ่นยนต์ไม่ออก นั่นก็เพราะทุกๆคนมีสมองกลความไวแสง เมื่อพวกเขาสัมผัสโดนหุ่นยนต์ สมองกลเหล่านี้ก็จะเตือนว่านั่นคือหุ่นยนต์
ยิ่งไปกว่านั้น หุ่นยนต์ในอนาคตส่วนใหญ่ก็ถูกควบคุมด้วยปัญญาประดิษฐ์ในสมองกลแล้ว แตกต่างจากสมองกลที่สั่งการด้วยโปรแกรมซึ่งยังต้องการโปรแกรมเพื่อให้ทำงานอยู่
ชายชุดเกราะค่อนข้างจะเห็นอกเห็นใจอู๋ ฮ่าวเหรินมากๆ เขาเร่งสร้างหุ่นยนต์แบบเดียวกันอีก 10 ตัวและสร้างกล่องสำหรับแจกจ่ายพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มด้วยความพิถีพิถันรอบครอบ
หลังจากนั้นเขาก็ได้ขอให้คนของเขาแยกชิ้นส่วนหุ่นเหล่านั้นเป็นชิ้นๆและส่งมันผ่านระบบซองแดงไปให้อู๋ ฮ่าวเหริน นอกเหนือจากนั้นเขายังจัดเตรียมชุดอุปกรณ์สำหรับประกอบหุ่นขึ้นใหม่และส่งมันไปพร้อมกันด้วย
หุ่นยนต์ที่ถูกสร้างโดยเขาคนนี้ไม่พลาดสายตาของเหล่าพ่อค้าอาวุธและพ่อค้าที่ถือใบรับรองถูกต้อง มันเป็นโอกาสที่ดีและพวกเขาก็โฉบเอาหุ่นยนต์พวกนี้ไปด้วย
คนเหล่านี้ติดต่อไปยังโรงงานเพื่อให้สร้างนักสู้ขนาดเล็กออกมาโดยเลียนแบบหุ่นยนต์ที่ชายชุดเกราะสร้างไว้
โดยดั้งเดิมเขาตั้งใจจะใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นแกนกลาง แต่หลังจากที่พบว่าพลังงานไฟฟ้ามันมีน้อยเกินไปเพราะงั้นเขาจึงเปลี่ยนเป็นเครื่องเก็บประจุพลังงานของกองทัพแทน
พลังงานรูปแบบนี้เคยใช้ในยานอวกาศมาก่อน รวมไปถึงในหุ่นยนต์ยุคโบราณด้วยรวมๆแล้วก็มีแต่ของโบราณเต็มไปหมดเลย
แน่นอนว่าอนุภาคพลังงานดังกล่าวถูกยกเลิกการใช้โดยทหารไปแล้ว แถมยังถูก’กฏที่ว่าด้วยการเสียเวลาที่จะนำมาสร้างประโยชน์ใหม่’ ยิ่งไปกว่านั้น หากไม่ใช่เพราะตัวตนพิเศษของเขา มันก็ไม่สามารถส่งผ่านระบบซองแดงได้ด้วย เพื่อดำเนินตามแผนที่ซึ่งจะได้โบราณวัตถุมา สิ่งนั้นค่อนข้างจะสะกดเขาอยู่เหมือนกัน หากมันเป็นหยกจริงๆ เขาสามารถเอาไปทำเงินได้ แต่ถ้ามันเป็นของปลอม เขาคงจะได้เสียเลือดเสียเนื้อก็วันนี้แหละ
ขณะที่ผู้คนเหล่านี้คิดถึงหนทางที่จะได้มาซึ่งหุ่นยนต์ อู๋ ฮ่าวเหรินก็กำลังไปยังถนนโบราณวัตถุกับอู๋เชิงภายในเมือง หลีฉุยอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวสำหรับการผจญภัยในเถาเป่า
ในครั้งนี้แน่นอนว่าเขาไม่ได้เล็งที่จะไปแผงลอยในเถาเป่าเลย แต่เขากำลังมองร้านตามข้างถนนต่างหาก อู๋ ฮ่าวเหรินเดินเข้าไปยังร้านแรกที่เห็นและดูว่ามันเป็นร้านขายของเก่า
ทั้งสองคนนั้นไม่มีเซนส์เรื่องของโบราณเลย นั่นทำให้ไม่มีใครบอกได้ว่าไหนของจริง ไหนของปลอม
อู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้ใส่ใจเท่าไหร่ ตราบใดที่ของชิ้นนั้นดูเก่า ต่อให้เป็นของปลอมหรือของน่าสงสัยเมื่อมันอยู่บนซองแดง พวกมันก็เป็นวัตถุโบราณกันหมด
พอเข้าไปในร้านค้า ฉันก็เห็นชายร่างท้วมวัยกลางคนนั่งอยู่บนเก้าอี้หินพร้อมกับจิบชาไปด้วย
เขามองมายังพวกเรา เก้อ หงเฟยก็รีบวางชาแล้วลุกพรวดจากเก้าอี้ขึ้นมาทันที ไม่มีที่ให้ความขี้เกียจก่อตัวอีกต่อไปแล้ว รอยยิ้มแห่งผู้เชี่ยวชาญกำลังผลิบานบนใบหน้า
“มีอะไรที่ผมช่วยได้ไหมครับ?”
“อะไรที่ล่อลวงผมมาที่นี่กันนะ? อ้อ ใช่แล้ว ผมต้องการมาซื้อโบราณวัตถุ” อู๋ฮ่าวเหรินพูด
“โอ้ แน่นอน ผมรู้ว่าคุณมาที่นี่เพื่อซื้อโบราณวัตถุ แต่มันมีหลายประเภทมากๆ เอาเข้าจริงจะให้เดาก็คงยากว่าคุณต้องการแบบไหน”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปรอบๆร้านก่อนจะพูดขึ้น“งั้นขอผมเดินดูก่อนนะ”
——————–