CF:บทที่ 93 ซื้อวัตถุโบราณด้วยค้อน
มันมีสิ่งของมากมายในร้านค้าแห่งนั้นแต่ฉันกลับไม่รู้ว่าทั้งหมดที่เห็นจะมีซักกี่ชิ้นที่เป็นวัตถุโบราณจริงๆ
“พี่ฮ่าว ของพวกนี้ดูไร้ชีวิตชีวาไปหมดเลย พวกมันเป็นวัตถุโบราณจริงๆเหรอ?” อู๋ เชิง มองไปยังแจกันก่อนจึงพูดออกมา
เจ้าของร้านพุงพลุ้ยได้ยินเช่นนั้นก็พูดด้วยรอยยิ้ม “หนุ่มๆ พูดแบบนั้นมันจะไม่ดีต่อสิ่งของนะครับ นั่นไม่ใช่วัตถุโบราณที่อายุเยอะที่สุดแต่เป็น ดีที่สุด แน่นอนว่าพวกมันนับเป็นเครื่องถ้วยชามที่ค่อนข้างสมบูรณ์เลยด้วย อย่างแจกันที่คุณเห็นอยู่ตรงนั้น นั่นเป็นเครื่องสังคโลกสมัยราชวงศ์ชิง ถึงจะไม่ได้หลุดมาจากเตาเผาในวังแต่ก็ถือว่าเป็นเครื่องสังคโลกชั้นเลิศที่เหลือรอดมาได้”
“ผมไม่ค่อยเข้าใจที่คุณพูดซักเท่าไหร่ ว่าแต่เจ้าแจกันนี่ราคาเท่าไหร่เหรอ?” อู๋ เชิงถามแบบชวนหาเรื่องสุดๆ ราวกับว่าเขาจะเรียกให้ทุกคนมากระทืบพวกเขาซะอย่างงั้นแหละ
เจ้าของร้านคนเดิมมองไปยังก้นแจกันก่อนจะบุ้ยปากให้เห็นว่าข้างใต้นั้นมีราคาแปะอยู่
“3 0 0 0 0 0 ! สามแสนหยวน!? แจกันที่บ้านฉันสวยกว่านี้ยังไม่ราคาไม่ถึงล้านเลย!”
เมื่อเจ้าของร้านได้ยินดังนั้น เขาก็ทำได้เพียงส่ายหน้าโดยที่ไม่ได้อธิบายถึงข้อแตกต่างระหว่างวัตถุโบราณกับของทำมือในยุคนี้กับอู๋ เชิง เขาคิดว่ามันเสียเวลาที่จะอธิบายให้คนแบบนี้ฟัง
“คุณพอจะมีอะไรที่เทียบกับสิ่งนี้ได้ไหม?” คราวนี้อู๋ ฮ่าวเหรินเป็นฝ่ายถามบ้าง
ถึงแม้ว่าอู๋ ฮ่าวเหรินจะมีจุดประสงค์ที่จะมาซื้อวัตถุโบราณ แต่แน่นอนว่าเขาไม่ใช่คนโง่ หลายๆสิ่งในนี้ ต่อให้เขาไม่ได้เข้าใจในวัตถุโบราณระดับที่เรียกว่าเชี่ยวชาญก็พอจะมองออกว่าบางอย่างก็เป็นของปลอม
“เจ้านี่ดูไม่ดีเหรอบอส?”
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหัว เขาเป็นคนรวย เจ้าสิ่งนี้น่ะ จะเป็นวัตถุโบราณก็ต่อเมื่อถูกส่งผ่านระบบซองแดงไปแล้ว แต่เขาไม่ต้องการที่จะพูดซ้ำๆ หากเป็นไปได้เขาก็อยากจะซื้อวัตถุโบราณที่เป็นวัตถุโบราณจริงๆไม่ใช่โบราณเพียงรูปทรง
“ผมดูมาบ้างแล้ว ถ้าคุณจะลดราคาจากที่ตั้งอยู่หารด้วย 10 ผมอาจจะซื้อซัก 1 ถึง 2 ใบก็ได้นะ”
ชายอ้วนไม่ได้โกรธหรือยิ้มแบบตอนแรก “นี่เล่นมุกอยู่หรือไง ถ้าลดขนาดนั้นผมก็ไม่มีกินพอดีน่ะสิ คุณสนใจพวกมันใช่ไหมล่ะ เราคุยกันได้นะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้าแล้วพูดขึ้น “ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อู๋เชิง ไปกัน ลองดูร้านข้างหน้าหน่อยอาจจะได้อะไรดีกว่านี้”
“โอ้ รอก่อนครับ อย่าได้กังวล ผมมีของดีๆมานำเสนอแต่ผมเองก็ไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะมีเงินจ่ายมันหรือเปล่า”
อู๋ ฮ่าวเหรินเงียบกับเรื่องที่อีกฝ่ายเอ่ยก่อนจะหยิบเอาไดมอนการ์ดออกมาโชว์แล้วพูดทิ้งท้าย “เป็นเจ้าของร้านก็น่าจะรู้จักการ์ดนี่นะครับ คราวนี้คิดว่าผมมีจ่ายหรือเปล่า?”
ยามเมื่อชายอ้วนได้เห็นไดม่อนการ์ดใบนั้นทัศนคติที่มองมายังกลุ่มคนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไป จากที่เอาแต่ยิ้มก็กลับกลายเป็นโลภ
“โอ้ นายใหญ่ ไม่แปลกใจเลยถ้าจะได้เห็นนายใหญ่ใช้เจ้าสิ่งนี้ รอก่อนนะ ผมจะพาเด็กๆออกมาให้ดู”
หลังจากนั้นนิดหน่อยเขาจึงนำหม้อชาสภาพดีออกมา ท่าทีของเขานั้นเปลี่ยนแปลงเร็วมากเสียจนอู๋ ฮ่าวเหรินปรับตัวไม่ทัน
“พี่ฮ่าว ทำไมเราต้องมาซื้อของพวกนี้ด้วยหล่ะ? ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้เราเสียเงินไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ”
“น้องเล็ก นายจะพูดแบบนั้นไม่ได้นะ พวกนี้น่ะเรียกว่า วัตถุโบราณ และวัตถุโบราณคือ วัฒนธรรมนายรู้หรือเปล่าว่าวัฒณธรรมคืออะไร? มันคือรสนิยม สถานะ แล้วก็ตัวตน ดูเจ้าสองสิ่งนี้สิ ถ้านายถือพวกนี้ไว้แล้วเดินออกไป ใครๆก็จะรู้ว่านายเป็นพวกมีรสนิยม ทัศนคติที่เขามีต่อนายก็จะเปลี่ยนไป”
มองไปยังลูกวอลนัท 2 ลูกบนมือชายอ้วน อู๋เชิงก็ได้แต่ส่ายหัวแล้วพูด “ผมไม่เข้าใจอะไรพวกนี้เลย แต่มันเป็นเรื่องจริงนะที่ว่าถ้ากินลูกวอลนัทมากๆมันจะดีต่อสมองน่ะ”
ได้ฟังเช่นนั้น ใบหน้าของบอสก็เปลี่ยนเป็นสีดำ การต้องเผชิญหน้ากับคนที่คำพูดรุนแรงเช่นนี้ เขาเองก็ไม่รู้จะรับมืออย่างไรเช่นกัน
เมื่อจ้องมองไปยังอู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่ซึ่งมองสิ่งของที่ตัวเขาเองหยิบออกมา ดวงตาของบอสหนุ่มเหลือบขึ้นแทบจะทันที ดูเหมือนว่าต่อให้คุณจะไม่เข้าใจมันก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแล้วในเมื่อเจ้านายของคุณเข้าใจมัน
“บอส มีอะไรน่าสนใจบนลูกวอลนัท 2 ลูกนี้งั้นเหรอ?”
อู๋ ฮ่าวเหรินกินวอลนัทมามากมาย แต่เขาก็ไม่ได้เข้าใจไอ้วิธีเล่นของวอลนัทแบบนั้น
“แน่นอน คุณน่าจะเคยได้ยินเกี่ยวกับ เหวิน หว่าน วอลนัท และใช่ เจ้าสองลูกนี่ก็เป็นแบบนั้นแหละ”
“ฉันรู้จักอยู่นะ อะไรที่พวกคนแก่ชอบเอามาเล่นกันบนมือ เหมือนลูกเหล็ก”
ชายอ้วนมองไปยังอู๋เชิง ในใจของเขาดีใจจนแทบจะออกมาเต้นด้านนอกเพราะท้ายสุดแล้วเจ้าเด็กคนนี้ก็ใช้ถ้อยคำที่ไม่ทำร้ายจิตใจกันได้เสียที
“จะอย่างไรก็ได้ ตราบใดที่มันยังถูกเล่นอยู่บนมือ มันก็ยังเป็นวอลนัท ซึ่งมันดีกว่าถูกกินแน่ๆ”
คำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความเก่าไม่ต่างจากของในร้านของชายอ้วนนั้นหลุดออกมาเป็นระยะๆ เขามองไปยังใบหน้าที่ใสซื่อของอู๋เชิงและตัดสินใจจะเมินเฉยกับสิ่งนั้น ไม่อย่างนั้นเขาต้องเผลอกระอักเลือดออกมาเพราะคำพูดที่คาดเดาไม่ได้ของเด็กหนุ่มนี่อีกแน่ๆ
”เจ้าสองลูกนั้นเท่าไหร่?”
อู๋ ฮ่าวเหรินมองไปยังลูกวอลนัทสีแดงเข้มที่เคลือบด้วยแป้งซึ่งดูแล้วสวยงามนั้นอย่างไม่วางตา
แม้มันจะไม่ใช่วัตถุโบราณ แต่มันก็ยังดูมีค่าอยู่บ้างและถ้าเป็นสิ่งนี้คงหมดข้อกังขาเรื่องที่มันอาจจะเป็นของปลอมเสียที
ชายร่างใหญ่ชู 2 นิ้วพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้ม “2 ลูก 2 แสน”
“2 แสน! 2 แสนนี่มันซื้อวอลนัทได้เป็นสวนเลยนะ!”
“ถ้ามันแค่ 2 หมื่นหยวนผมก็คงจะซื้อมันไปให้คนแก่ที่บ้านเล่นอยู่หรอกนะ”
อู๋ ฮ่าวเหรินส่ายหน้าไปพูดไป
“2 หมื่น? บอสเล่นตลกอีกแล้ว ถ้าบอสต้องการจริงๆ ฉันขายให้ 180000 เลยเอ้า”
อู๋ ฮ่าวเหรินยังคงส่ายหัวเหมือนเดิมและไม่พูดอะไร เขาเลิกสนใจวอลนัทสะท้านวอลเลทนั่นและไปมองอย่างอื่นแทน
บอสหนุ่มหยิบของออกมาหลายอย่าง มันมี 6 ชิ้นที่เป็นหยกและดูค่อนข้างเก่าเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความรู้ระดับผู้เชี่ยวชาญที่จะตัดสินเจ้าสิ่งที่หยิบมานี่ เพราะงั้นเขาไม่สามารถแยกออกหรอกว่าอันไหนจริงหรืออันไหนปลอมด้วยสายตา
นอกจากหยกนี่ก็ยังมีอีกหลายกล่องที่ประกอบด้วย สิ่งของชิ้นเล็กๆ ไม้แกะสลัก ถ้วยชามและอีกหลายๆสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้
“หยกนี่ดูสวยใช้ได้เลย แต่ไม่รู้ราคาแฮะ”
“บอสมีตาที่เฉียบมาก ดูที่หยกแกะสลักนั่นสิ มันถูกสร้างโดยผู้เชี่ยวชาญระดับปรมาจารย์ผสมผสานเข้ากับสีของมันเอง นี่คือ หยกโบราณแห่งราชวงศ์หมิง…”
อู๋ ฮ่าวเหรินคิดกับตัวเองว่า คนตรงหน้านี่พูดเรื่องนี้มากี่ครั้งแล้วนะ
“อ่า ดูท่าหยกนี่จะดีจริงๆนั่นแหละ แต่น่าเสียดายที่มันมีรอยแตกซะแล้ว”
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของอู๋ ฮ่าวเหริน ชายอ้วนก็สำนึกถึงเรื่องที่มีคนเตือนเกี่ยวกับรอยแตกของหยกนี่ขึ้นมาเลย มันเป็นเรื่องจริง
ใช่แล้ว รอยแตกนั่นซ่อนอยู่ด้านใน ซึ่งถ้าอู๋ ฮ่าวเหรินไม่ได้เข้าคอร์สเพิ่มประสิทธิภาพร่างกายกับจี้เขาคงจะมองไม่เห็นสิ่งนี้
“บอสตาดีจริงๆนั่นแหละแต่นั่นก็หมายความว่าหยกนี่น่ะเป็นหยกโบราณจริงๆ โชคร้ายไปหน่อยที่เจ้าของเก่าดูแลมันไม่ดีนักแถมยังทำตกด้วยล่ะมั้งนั่น”
“เท่าไหร่?”
อู๋ ฮ่าวเหรินรีบใช้โอกาสกดดันเข้าไปให้ได้มากที่สุด และในครั้งนี้ชายอ้วนก็ไม่สามารถตั้งราคาสูงได้เพราะมีคนเห็นรอยแตกนั่นแล้ว
“หมื่นห้าละกันถ้าบอสอยากได้ เจ้านี่เคยอยู่ในมือฉันมาบ้างแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะแตกก็คงไม่ต่ำกว่าแสนห้าหยวนแน่ๆ”
ทางด้านอู๋ฮ่าวเหรินยังไม่ได้พูดอะไรที่แสดงออกว่าเขาจะซื้อเจ้านี่ แต่จุดประสงค์ในวันนี้ของเขานั้นก็เพื่อมาหาซื้อหยกโบราณนั่นแหละ
“นั่น” อู๋ ฮ่าวเหรินชี้ไปยังหยกชิ้นหนึ่ง
เมื่อชายอ้วนมองตามไป ใบหน้าของเขาก็แสดงความลำบากใจออกมาก่อนจะไปเอาหยกออกมา
2 คนนี้น่าจะต้องเป็นพวกนักต้มตุ๋นในตำนานแน่ๆ แต่อย่างไรก็ตาม การที่อู๋ ฮ่าวเหรินสามารถวิเคราะห์จำแนกหยกที่เขาสงสัยได้เพียงแค่มอง นั่นทำให้เขาเองก็งงๆกับเหตุการณ์ตรงหน้าเหมือนกัน
การที่อู๋ ฮ่าวเหรินสามารถรู้เรื่องหยกขึ้นมาได้นั้นไม่ใช่เพราะตัวเขาเอง หากเป็นเพราะจี้ต่างหาก ปัญญาประดิษฐ์ที่ทั้งฉลาดและเป็นระบบคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่มากๆ มันได้สแกนหยกนี่และเปรียบเทียบข้อมูลแบบผู้เชี่ยวชาญจากในเครือข่ายขนาดใหญ่
ในกรณีนี้ มันไม่สามารถฟันธง 100% ได้ว่านี่ถูกต้อง แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าให้อู๋ ฮ่าวเหรินผู้ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับสิ่งนี้เลยซื้อแบบไม่มีข้อมูล
อู๋ ฮ่าวเหรินมองหยกที่เหลืออยู่อีก 2 ชิ้นก่อนจะเอามันมาทั้งหมดรวมถึงหยกที่แตกด้วย และในท้ายสุดเขาก็ไม่พลาดที่จะเอาเหวิน หว่าน วอลนัท มาด้วย
“คุณคนขาย ถึงแม้ว่าผมจะไม่รู้เกี่ยวกับโบราณวัตถุรวมไปถึงราคาด้วย แต่จะดีกับตัวคุณมากกว่าถ้าคุณจะซื่อสัตย์ หรือไม่งั้นผมคงต้องเปลี่ยนร้าน”
มองไปยังเหล่าหยกที่อู๋ ฮ่าวเหรินเลือก ชายร่างท้วมได้แต่คิดกับตัวเองว่า ‘ขนาดไม่รู้ยังเลือกเอาของดีมาซะหมดเลยนะ’
เขาไม่ได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมานอกเสียจากพูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ “วางใจได้เลย ราคาจะไม่ทำให้คุณเสียใจแน่ๆ”