อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》 – ตอนที่ 9

ตอนที่ 9 รุ่นพี่ฮาซึกิ

รางวัลจากเควสส่งจดหมายคือ 200 กิลลัน ใช้เวลาเดินไปกลับแค่ครึ่งชั่วโมงเอง ดังนั้นก็เหมาะสมดี

โคตรจะไร้สมรรถภาพ

ฮิคารุสรุปไปอย่างนั้น ในเกม RPG งานส่งของนั้นก็จะได้รางวัลประมาณนึงอยู่แล้ว แต่ไม่ใช่กับที่โลกนี้ ถ้าอยากได้เงินเยอะๆก็ต้องหาเควสดีๆอย่างพวกเควสล่าบอส

….แล้ว ไงต่อดีล่ะ จะทำไงถึงจะหาได้มากกว่านี้นะ…

ฮิคารุล้มตัวลงนอนกับพื้น เขากลับมาพักโรงแรมเดียวกันกับเมื่อคืน ฮิคารุจะไปนอนที่ที่ดีกว่านี้ก็ได้ แต่ว่า เขาตัดสินใจว่าค่อยจัดการเรื่องนี้หลังจากที่วางแผนอนาคตเสร็จดีกว่า

อย่างแรก ต้องมีชีวิตรอดปลอดภัยให้ได้ สอง หาทางกลับโลกเก่า สาม ดื่มด่ำกับงานอดิเรก แต่เราไม่มีเลยสักอย่างเนี่ยสิ

ฮิคารุนั้นชอบอ่านหนังสือ เขาเล่นเกมแล้วยังชอบเรียนรู้อีกด้วย แต่ว่า มีแค่กีฬาเท่านั้นที่เขาไม่รู้สึกสนุกไปกับมันเลย จากที่เคยลองดูแล้ว เขาไม่มีความสามารถทางกีฬาเลย ดังนั้นเขาก็เลยคิดว่าไม่เอาดีกว่า

ที่โลกนี้น่ะล้าหลัง ปล่อยโลกนี้ไปตามยถากรรมต่อไปดีกว่า ยังไงเราก็ทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ….. นั่นไง! ก็แค่หาอะไรทำซะสิ เรา ต้องหาว่าที่โลกนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง

ถ้าอย่างนั้น ก็ออกไปดูโลกเป็นอย่างแรกเลยแล้วกัน จากนั้น ค่อยคิดเรื่องสิ่งที่อยากทำ

ฮิคารุลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหัน

และด้วยแบบนั้น ต้องมีเงิน เงินเนี่ยแหละคือที่สุด!!!

เขายืนนิ่งพร้อมกับความมั่นใจเต็มถัง แล้วก็นั่งลงไป ถึงจะเอะอะแบบนี้แต่ด้วยสกิลของเขามันก็ทำให้ก็ไม่มีใครสนใจเขาอยู่ดี การใช้สกิลในเมืองไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก ยิ่งถ้ามีคนรู้เข้าปัญหาก็จะยิ่งตามมา นี่คือสิ่งที่เขาได้สรุปจากการทดลองก่อนหน้านี้ของเขา

ตอนนั้นเขากังวลมาก แต่การทดลองนั้นประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง ไม่ใช่แค่ผู้เฝ้าประตูจะมองไม่เห็นเขาแต่ว่าในขณะที่ปกปิดตัวตนอยู่เขายังไม่ถูกตรวจจับได้ด้วย

สกิลตรวจจับงั้นเหรอ หืม คงจะเป็น “การรับรู้” ในโซลบอร์ดอันแรกของเราสินะ

ฮิคารุเรียกโซลบอร์ดออกมา

[พลังกาย]

[การฟื้นฟูโดยธรรมชาติ] 0

[ความอึด] 0

[ความต้านทาน]

[การรับรู้]

 ฮิคารุคิดว่ามันคงจะมีอะไรอย่าง “กลิ่น” ไม่ก็ “เสียง” ออกมา 

แต่อย่างไรก็ตาม แค่ใช้แต้มให้ อำพราง ไปแต้มเดียวก็ครอบคลุมทั้งหมดแล้ว

งั้น ถ้าจะให้ดีก็ต้องเพิ่มประสาทรับกลิ่นสินะ น่าจะมีประโยชน์กว่าแค่ตรวจจับเฉยๆ ก็เข้าใจได้อยู่หรอกนะว่าทำไม อำพราง ถึงครอบคลุมทุกประสาทสัมผัส ยังไงก็มีไว้แค่ไม่ให้ถูกตรวจจับได้เท่านั้นเองอยู่แล้ว

ฮิคารุคิดว่าแต้มทุกแต้มนั้นสำคัญมาก

ถ้างั้น ใช้แต้มกับ การรับรู้ คงจะไม่ค่อยดีเท่าไร

ตอนนี้ฮิคารุมีสกิลพอยต์อยู่สี่แต้ม อาจจะฟังดูสิ้นเปลืองไปหน่อย แต่ว่าเขานั้นรู้ซึ้งถึงพลังของโซลบอร์ดเป็นอย่างดี ดังนั้นถ้าใช้ไปน่าจะดีกว่า

เขาเคยลองเช็คโซลบอร์ดมาก่อนหน้านี้แล้ว ต่อไปคือการเช็คพวกนี้ คำอธิบายของ ความต้านทาน กับ การรับรู้ ก็จะประมาณนี้

[ความต้านทาน] ปลดล็อคสกิลที่เกี่ยวข้องกับความต้านทาน

[การรับรู้] ปลดล็อคสกิลที่เกี่ยวกับการรับรู้

เท่านั้นล่ะ ดังนั้น เขาต้องเช็คทุกอย่างที่มี 0 อยู่ด้วย เพื่อที่จะได้ลงแต้มให้คุ้ม

[พลังกาย]

                [ความต้านทาน] เสริมความสามารถในการรักษาบาดแผลภายนอก สูงสุด 20

                [ความอึด] เหนื่อยยากขึ้น และ ฟื้นฟูแรงกายเร็วขึ้น

[พลังเวทย์]

                [มานา] เพิ่มมานาของผู้ใช้ อนึ่ง มานา คือ แหล่งพลังงานในการเปิดใช้เวทย์มนต์ สูงสุด 30

[ความแข็งแกร่งทางกาย]

                [พลังจู่โจม] เพิ่มพลังจู่โจม ของผู้ใช้

[ความคล่องตัว]
                [ระเบิดพลังฉับพลัน] เพิ่มความสามารถในการระเบิดพลัง สูงสุด 15

                [ความยืดหยุ่น] ทำให้ร่างกาย ข้อต่อ มีความยืดหยุ่นมากขึ้น สูงสุด 10

                [บาลานซ์] เพิ่มประสาทสัมผัสของร่างกาย สูงสุด 20

สิ่งที่ทำให้ฮิคารุประหลาดใจนั่นคือ ค่าสูงสุดของแต่ละสาย สกิลภายใต้สายของ ลอบเร้น นั้นสูงสุดแค่ 5 เท่านั้น ลอบสังหาร กับ ซุ่มยิง ก็ใช้แค่สาม แต่นอกนั้นค่าสูงสุดถึงสามสิบเลยทีเดียว

ถ้างั้น ก็แบ่งเป็นสายใช้งานจริงกับสายปัจจัยพื้นฐานสินะ

แล้วถ้าเราลงแต้มไปที่ พลังจู่โจมจนตันล่ะ บางที เราคงจะป่นหินได้ด้วยมือเปล่า ไม่ก็ยกบ้านได้เลยมั้ง อืม…..

ฮิคารุหยุดคิด 

อาจจะเป็นไปได้ก็ได้

ฮิคารุรู้ซึ้งถึงผลของมันจาก ลอบเร้น อยู่แล้ว แล้วเขาจะได้พลังแบบไหนมาถ้าอัดแต้มให้สกิลใดสกิลหนึ่งจนตันล่ะ

ช่างมันไปก่อนดีกว่า ยังมีอยู่สามหน้าที่ยังไม่เปิดสินะ

ห้าเหลี่ยม หกเหลี่ยม และโล่ง สินะ ตอนนี้เขาปลดล็อค พลังกาย พลังเวทย์ และความคล่องตัวสินะ

ถ้านี่เป็นเหมือนในเกมล่ะก็ เดาว่าต่อไปน่าจะเป็น พลังจิต ความยึดมั่น พรสวรรค์ และ ความแม่นยำสินะ

ถ้าจะให้ดี คงต้องรู้ให้ได้ว่าที่เหลือคืออะไรสินะ

ฮิคารุลุกยืนขึ้นอีกครั้ง

ถ้าปลดล็อคทั้งสามอย่างนี้ เราจะเหลือแต้มแค่แต้มเดียว แบบนั้นน่าจะไม่ค่อยดีเท่าไรแฮะ งั้นแค่อันเดียวก่อนละกัน

ฮิคารุตัดสินใจเลือกหน้า โล่ง 

[ปลดล็อค โซลบอร์ด หรือไม่ ใช้ 1 แต้ม]

“ใช่”

และผลที่ได้คือ

[การหยั่งรู้]

                [สัญชาตญาณ] 0

                [ญาณ]

                [ความฉลาด]

                [ความจำ]0

                [การตรวจจับ]

สะ…สัญชาตญาณล่ะ!!!

[สัญชาตญาณ] เพิ่มประสาทสัมผัสให้เฉียบคมยิ่งขึ้น สูงสุด 20

[ความจำ] เพิ่มประสิทธิภาพของสมองส่วนที่ควบคุมความจำ สูงสุด 10

แล้ววว นั่นใจ ตรวจจับ อย่างที่คิดไว้เลย!! แต่ไม่รู้สึกว่าต้องรีบอัพเลยแฮะ งั้น ไงต่อดีล่ะ ตอนนี้เหลือแค่สามแต้มสินะ

สายตาของฮิคารุจ้องอยู่ที่ โซลบอร์ด อยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็นอนลงและหลับไปทันที

เงินที่เหลือ : 4,890 กิลลัน

——-คุง มีใครเคยบอกเธอว่าเธอน่ะหยิ่งบ้างมั้ยเนี่ย

แสงยามบ่ายถูกบดบังโดยผ้าม่านสีขาว เด็กสาวที่มีอายุมากกว่าฮิคารุปีหนึ่ง ยืนหันหลังให้แสงนั้น และยิ้มอยู่

———ชีวิตน่ะ อาจจะลำบากไปหน่อยสำหรับนาย เธอน่ะ อาจจะฉลาดนะ แต่เธอน่ะประมาทเกินไป บางที ในที่ไหนสักที่ เธอน่ะ อาจจะตายโดยไม่รู้ตัวก็ได้

เธอมีผมสีดำที่ช่วยส่งเสริมความสวยของเธอ

—–ฉันน่ะเคารพในชะตาชีวิตที่ยุ่งเหยิงนะคะ

ฮิคารุไม่ได้สนใจกับคำพูดของใครนัก แต่ว่า เขาสนใจทุกสิ่นที่เธอคนนี้พูด ชื่อของเธอคือ

——-รุ่นพี่ฮาซึกิ

 

“……..”

เช้าวันต่อมา

ฮิคารุตื่นขึ้นอย่างเงียบๆที่มุมของห้องในโรงแรม พระอาทิตย์ขึ้นเรียบร้อยแล้ว

ฝันนั่น….อะไรกัน

ฮิคารุถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่เคยฝันเลยตั้งแต่มาถึงโลกนี้ และพอเขาฝัน มันก็ไม่เกี่ยวกับครอบครัวหรือโรงเรียนที่เขาเคยไปเลย แต่เป็นการฝันถึงรุ่นพี่ของเขาต่างหาก

ฮิคารุไม่ได้สนใจจะคิดถึงพ่อแม่นัก ไม่ใช่ว่าเขามีปัญหาอะไรด้วยหรอก แต่ว่าหลังจากที่ความสัมพันธ์ของพ่อกับแม่ของเขาแย่ลง ฮิคารุก็ไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไป

เหมือนกับเด็กที่โตขึ้น เขานั้นรับมือยาก และเวลานั้นของฮิคารุก็มาถึงเร็วมาก นั่นทำให้เขาทำเหมือนกับว่าพ่อแม่เป็นแค่คนแปลกหน้าที่อาศัยอยู่ด้วยกันแค่นั้น

ด้วเหตุผลบางอย่าง กิลด์การ์ดของฮิคารุนั้นไม่ได้มีนามสกุลขึ้นมา แต่ฮิคารุก็ไม่ได้สนใจเท่าไร

ทำไมเราถึงฝันแบบนั้นกันนะ

หลังจากที่คิดอยู่สักพัก เขาก็เข้าใจ มันเป็นเพราะว่าจิลเคยบอกว่าเขา หยิ่ง นั่นเอง

ฮิคารุนั้นเป็นคนหยิ่งแน่นอนอยู่แล้ว เขาคิดว่าเขาฉลาดกว่าทุกคนและเขาก็ไม่คิดจะซ่อนมันเลยด้วย ด้วยความสามารถในการหลีกเลี่ยงอันตรายของเขา เขาไม่เคยถูกรังแกหรือเกี่ยวข้องกับอะไรแบบนั้นเลย พวกที่ร่าเริงนั้นย่อมไม่เข้ามาใกล้เงาอยู่แล้ว

เขาพยายามไม่ให้ความหยิ่งยโสของเขามาสร้างปัญหาในโลกนี้ ความทรงจำของโรแลนด์นั้นส่งผลต่อเขา โรแลนด์เป็นชนชั้นสูง พ่อกับแม่ของเขานั้นฉลาดปราดเปรื่อง แต่ก็ไม่เคนที่จะลืมความภาคภูมใจในการเป็นชนชั้นสูงเลย

“อย่าตะโกนใส่คนอื่นนะ” “อย่าให้มีใครมาดูถูกได้ล่ะ” คำพูดนี้นั้นถูกสั่งสอนให้โรแลนด์ตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

มันอาจจะไม่ใช่ความทรงจำของเขา แต่ว่า ทั้งหมดนั่นมันก็ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เขาอยู่ดี ทั้งสิ่งที่เขาเคยพูดกับจิลและการรับมือกับเคลเบคได้ก็เป็นเพราะแบบนี้

สักวัน ในที่ไหนสักแห่ง เธออาจจะตายโดยไม่รู้ตัว งั้นเหรอ

ด้วยโชคชะตาที่พลิกผัน ฮิคารุก็ตายอย่างที่ฮาซึกิพูดจริงๆ และการที่เขากลับมามีชีวิตนั้น ก็แค่โชคดีเท่านั้น

ไม่มีอะไรมารับประกันได้ว่าจะไม่มีอะไรแบบนั้นเกิดขึ้นในโลกนี้ล่ะนะ

ฮิคารุเรียก โซลบอร์ด ออกมา และปลดล็อค การตรวจจับ

[การตรวจจับ]

                [ตรวจจับชีวิต] 0

                [ตรวจจับมานา] 0

อีกสองแต้ม

[ตรวจจับชีวิต] รับรู้ถึงพลังชีวิตของสิ่งที่อยู่ในรัศมีได้ สูงสุด 5

[ตรวจจับมานา] รับรู้ถึงสิ่งมีชีวิตด้วยมานา สูงสุด 5

ฮิคารุลงแต้มให้ทั้งสองสกิลอย่างละแต้ม

ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง แต่ว่าเขาสามารถรับรู้ถึงบางสิ่งบางอย่างในตัวได้ สัมผัสใหม่ เหมือนกับการรวมกันของ การได้ยิน การรับรู้ การดมกลิ่น และการสัมผัส

โอ้…

ฮิคารุได้ตั้งสมาธิไปที่มัน เขาได้รู้ถึงผลของสกิลตรวจจับรอบๆเขา เขาสามารถรับรู้ถึงพลังชีวิตของนักผจญภัยหนุ่มนี่นอนอยู่กลางห้องได้ มันเป็นแสงสีส้มที่ดูนุ่มนวล

เขาลองเปลี่ยนเป็นตรวจจับมานาดู การสลับนั้นค่อนข้างง่าย ตอนนี้เขารู้สึกถึงแสงสีฟ้าที่ดูนุ่มนวลแทน

ฮิคารุสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างจากชายที่ดูเหมือนนักรบตอนที่เขาใช้ ตรวจจับชีวิต แต่ตอนที่เขาเปลี่ยนเป็น ตรวจจับมานา เขากลับไม่รู้สึกอะไรเลย

นี่แปลว่าเขาไม่มีมานามากนักสินะ เดี๋ยวสิ เราไม่ได้รู้สึกถึงพลังชีวิต แต่เป็น ชีวิตงั้นเหรอ

แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่า ด้วย ตรวจจับชีวิต ขนาดนั้นไม่สำคัญ ขอแค่มีมวล เขานั้นสามารถรับรู้ถึงแมลงตัวเล็กๆได้ด้วยถ้าเขาตั้งใจมากพอ แต่ต้องเป็นสิ่งที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเท่านั้น หรือก็คือ เขาสามารถเห็นสิ่งมีชีวิตที่มีขนาใหญ่ได้แต่หากเป็นสิ่งที่เล็กจนไม่สามารถมองเห็นได้ก็จะไม่สามารถสัมผัสได้ และสำหรับ ตรวจจับมานา เขาจะสามารถตรวจจับถึงมานาในสิ่งมีชีวิตได้ขอแค่มันมีมานา เขาสามารถเห็นแมลงตัวที่เล็กสุดๆได้ ขอแค่มันมีมานา

ถ้าเราลงแต้มให้พวกมันอีกล่ะ บางที ระยะอาจจะเพิ่มขึ้นล่ะมั้งนะ แล้วน่าจะทะลุพวกสกิลอำพรางได้ด้วย

ระยะการตรวจจับของสกิลในตอนนี้คือสิบเมตร เขาไม่สามารถแบ่งแต้มได้มากกว่านี้แล้วแต่เขาสรุปว่า ถ้าเพิ่มแต้มสกิลลงไปน่าจะเพิ่มระยะและความสามารถในการมองทะลุสกิลอำพรางได้

ตอนนี้แบบนี้น่าจะมีประสิทธิภาพที่สุดแล้ว ล่ะมั้งนะ แต่ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องไม่ตาย ล่ะนะ

หลังจากเตรียมพร้อมแล้ว ฮิคารุก็ออกจากห้องไป แล้วก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมา

รุ่นพี่ฮาซึกิรู้รึยังนะว่าเราตายแล้ว 

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》

Status: Ongoing
อ่านนิยาย อาชีพสุดแกร่งตรวจจับไม่ได้ 《รูลเบรกเกอร์》ฮิคารุ เด็หนุ่มผู้โชคร้ายที่ประสบอุบัติเหตุ แต่เขาได้รับโอกาสให้ไปเกิดใหม่ในต่างโลก โดยแลกกับการแก้แค้น ——————————– อันนี้เป็นงานสานต่อ ดังนั้นพวกชื่อต่างๆ อาจจะมีแตกต่างกับช่วงแรกไปบ้าง ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset