ตอนที่ 49 เมืองใต้ดินของเทพโบราณ 8
ทั้งคู่ยังรู้สึกถึงแรงสั่นที่ยักษ์นั่นกำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ยักษ์นั้นรู้ว่ามีมนุษย์อยู่ในปราสาท แต่ถ้าหากฮิคารุใช้อำพรางหมู่แล้วหนีออกไปแล้วค่อยกลับมาทีหลังก็ทำได้เช่นกัน เพราะถ้าหากสกิลใช้ไม่ได้ผล ยักษ์มันก็คงจะเห็นทั้งคู่ตั้งแต่ตอนที่เข้ามาแล้วดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้คือการหนี
บ้าเอ๊ย พอรู้ว่ามีทั้งกุญแจแล้วก็ห้องสมบัติอยู่ใกล้แค่นี้แล้วมันทำใจหนียากชะมัด
จะให้หนีออกไปแล้วค่อยกลับมาทีหลังก็ได้อยู่ แต่ว่า มันก็ไม่มีอะไรมาการันตีได้อยู่แล้วว่ายักษ์นั่นจะไม่ทำลายห้องสมบัติ และยังไงมันก็คือยักษ์ ตอนที่ดูก่อนหน้านี้เองก็กะความสูงไว้ราวๆสิบเมตรได้
“เอาล่ะ ลุยกันเลย”
ฮิคารุใส่กุญแจที่ถูกรวมเข้ากับแหวนแล้ว ซึ่ง พอดีเป๊ะ
“ว่าแล้วเชียว!”
“เย้!” ลาเวียตะโกน
ทั้งคู่มองตากันและกันหลังจากนั้นก็ผลักประตู
“…..”
“……”
“…ไม่ขยับเลยแฮะ”
“เอ๋ นี่พวกเรายังขาดอะไรอีกเนี่ย!”
ฮิคารุคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็ปล่อยมือลาเวีย ปราสาทสิองสว่างขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นฮิคารุก็รีบจับมือลาเวียตามเดิมและก็มีบางสิ่งเกิดขึ้น
“อ๊ะ….”
แสงส่องออกมาจากรูกุญแจ ประตูสั่น
“อย่างนี้เองสินะ”
ดูเหมือนว่าถ้าไม่มีคนอยู่ในปราสาท พลังงานจะถูกปิดไว้เหมือนกับไฟฟ้าเลย น่าตกใจจริงๆที่มันสามารถอยู่รอดยืนยาวมาได้นานตั้งหกร้อยปี หรือบางทีอาจจะเป็ยเพราะไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ที่นี่มานานแล้วพลังงานก็เลยมีใช้เหลือเฟือ ฟระตูเปิดออกอย่างช้าๆ และแรงสะเทือนเองก็ใกล้เข้ามา
“ฮิคารุ…”
“ต้องเป็นเพราะแสงนี่แน่ๆ ยักษ์เวรนั่น ฉลาดจริงๆเลยแฮะ”
ประตูเปิดออกพอให้ทั้งสองคนเข้าไปได้ ภายในห้องนั้นไม่ใหญ่มากนัก พวกข้าวของต่างๆถูกเรียงไว้เป็นแนวอยู่ทั้งสองฝั่งของห้อง
“รีบเอาของดีๆไปกันเถอะ” ฮิคารุ
“เหมือนกับเรามายกเค้าเลยอะ”
“มันมีเส้นคั่นบางๆระหว่างโจรกับนักผจญภัยอยู่นา” ฮิคารุมองไปรอบๆ “ว่าแต่ที่นี่เจ๋งชะมัดเลยแฮะ”
“อื้ม”
หลังจากที่อยู่แต่ในความมืดมานาน แสงเมื่อกี้ทำให้ตาของทั้งคู่พร่าไปพอสมควร แต่ถึงอย่างนั้นห้องที่เห็นตอนนี้ก็ยังสุดยอดอยู่ดี
กล่องที่ทำด้วยทองที่เต็มไปด้วยหินสีสวยงามอยู่ข้างใน สร้อยคอมุกที่มีขนาดเม็ดพอๆกับนิ้วโป้ง เกราะคริสตัล หอกที่ถูกวางไว้ข้างกำแพงส่องประกายสีขาว แม้กระทั่งหนังสือก็ยังมีอัญมณีประดับ มงกุฎห้าอันวางเรียงกัน ผ้าคลุมที่ฉลุลายด้วยเพชร ห้องนี้มันห้องแต่งตัวของราชาชัดๆ
แล้วตอนนี้ ทั้งคู่ก็ตาบอดด้วยความโลภเรียบร้อย
“ลาเวีย อยากได้อะไรก็หยิบไปเลยนะ แต่ระวังเรื่องน้ำหนักด้วยล่ะ”
“แน่ใจเหรอ เอาจริงอ้ะ?”
“ก็อยากจะไปขออนุญาตอยู่นะแต่พวกนั้นพูดไม่ได้เนี่ยสิ เอาล่ะ แถวนี้ไม่มีอันเดดอยู่ เพราะงั้นก็ให้ไวเลย”
ฮิคารุตรงเข้าไปที่ส่วนลึกของห้องเพื่อหาของดี
“สาม…”
ที่นันเองมีแท่นสามแท่นอยู่ ที่ตรงกลางเป็นโต๊ะที่ยาวประมาณห้าสิบซม. ผ้ากำมะหยี่ถูกปูไว้ ลูกคริสตัลถูกวางเอาไว้ข้างบนนั่น ไซส์ประมาณเท่าลูกเบสบอล ประกายเล็กน้อยอยู่ข้างใน ป้ายตรงหน้าเขียนไว้ว่า “ลูกแก้วมานาศักดิ์สิทธิ์”
หลังจากลองแตะดูเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีกับดัก ฮิคารุก็ใช้ผ้ากำมะหยี่ที่ปูอยู่ห่อมันเอาไว้และยัดมันใส่กระเป๋า ต่อไปก็
หลังจากได้เห็นชิ้นถัดไปฮิคารุก็ตัวแข็งทื่อ
“บ้า น่า…”
มันเป็นสิ่งที่ฮิคารุไม่คิดว่าจะได้เห็นจากที่นี่ ด้ามจับที่เหมือนจะทำมาจากงา ขึ้นรูปด้วยเงินที่บริสุทธิ์จนเห็นเงาสะท้อน ลำกล้องและโม่ และสุดท้ายก็คือไก
ปืนลูกโม่นั่นเอง
หลังจากที่ลองหยิบมาดูก็รู้ว่ามันมีน้ำหนักพอสมควร นอกจากนี้หลักการทำงานยังต่างกันอยู่นิดหน่อยด้วย หลังจากเช็คแล้วว่าไม่มีกระสุนอยู่ ฮิคารุก็ลองเหนี่ยวไกดู กระสุนเงินส่องประกาอยอยู่ด้านข้าง ฮิคารุหยิบมันและใส่กระสินเข้าไป
ลองยิงดู..ดีมั้ยหว่า เอาไว้ก่อนดีกว่า ว่าแต่ทำไมมันถึงมาอยู่ที่นี่ได้กันนะ เทคโนโลยีน่าจะยังไม่ไปถึงขนาดนั้นนี่นา
เดี๋ยวนะ
แปลว่ายังมีคนที่เคยมาที่โลกนี้อยู่อีกสินะ บางทีนี่อาจจะเป็นผลงานของพวกนั้นก็ได้ ทำเองงั้นเหรอ แต่ไม่เคยมีการสอนวิธีทำเอาไว้เนี่ยนะ เป็นไปไม่ได้น่า แค่มองดูก็น่าจะพอรู้แล้วว่าทำยังไงนี่นา
แล้วฮิคารุก็นึกอะไรได้
เขาเอากระสุนออกมาดูเหมือนว่าจะมีมานาไหลออกมาจากกระสุนนี่ด้วย ถ้าสิ่งนี้เป็นอะไรที่สร้างขึ้นมาใหม่ไม่ได้ ก็แปลว่านี่เป็นของที่สร้างขึ้นมาโดยมีกระสุนแค่หกนัดเท่านั้น และแน่นอนว่ามีแผ่นเหล็ดอยู่ข้างหน้านี้เหมือนกัน
“หืม อ่านไม่ค่อยได้แฮะ ผู้ใช้อาคม….สร้าง..โดย ..ลูแกนท์ หนึ่งในสี่…เดี๋ยวนะ…เห้ย!”
ฮิคารุอ่านอย่างยากลำบาก เพราะว่านี่เป็นภาษาโบราณกว่านั้น ไม่ก็เป็นภาษาที่ผสมกับภาษาอื่น
แล้วฮิคารุก็รับรู้ได้ถึงบางอย่าง
“ลาเวีย หมอบลงเดี๋ยวนี้!!!”
ลาเวียดูสับสน ฮิคารุรีบพุ่งไปทันทีและผลักเธอล้มลง
กำแพงถูกพัง แขนใหญ่ข้างหนึ่งอยู่ตรงนั้น มานาสีม่วงทะลุกำแพงเข้ามา
ยักษ์นั่นเอง
_____________________
ตอนนี้สั้นดีจังน้าาาาาาาาาาา อยากให้สั้นแบบนี้ตลอดจัง