ตอนที่ 54 ตอนพิเศษ ดาราแห่งการเปลี่ยนแปลง
คืนหนึ่งของเมื่อเดือนก่อนหน้านี้ ขณะที่มาร์คิลดูและโวฟิร่ากำลังนั่งคุยกันตามปกติ
“นี่ ทำไมงบของฝ่ายกองกำลังป้องกันตัวเองด้วยล่ะ ก็รู้อยู่หรอกว่าโครงการกำลังไปได้สวยแต่ไม่เห็นต้องตัดงบเลยนี่นา ตอนนี้น่ะพอนโซเนียเป็นตัวอันตรายพอสมควรเลยนะ”
“งบเหรอ หืมมม….ก็อยากจะเพิ่มให้อยู่หรอกแต่คนมันไม่เยอะนักน่ะสิ”
“หา หมายความว่าไงล่ะนั่น”
“ฟอเรสเทียน่ะสงบสุขมานานเกินไป พวกนั้นคิดว่าเรื่องของควินแบลกับพอนโซเนียมันเป็นเรื่องไกลตัว ถึงจะรับสมัครทหารไปมันก็ไม่มีใครมาสมัครหรอก”
“แปลว่าเงินขนาดนั้นมันมากไปสินะ”
“51% ของงบที่จ่ายให้ไปมันถูกใช้ไปกับพวกค่าใช้จ่ายส่วนตัวแล้วก็ค่าเสบียงน่ะ ไม่มีใครที่จัดการค่าใช้จ่ายที่เอาแต่เพิ่มขึ้นได้หรอกนะ”
“ถ้างั้นลองเปลี่ยนไปเป็นระบบบังคับเกณฑ์ทหารแบบชั่วคราวดีมั้ย”
“….น่าสนใจอยู่นะ แต่เอาไว้ใช้เป็นแผนสุดท้ายแล้วกัน”
“งั้นก็จัดการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเลยนะ เดี๋ยวข้าจะเป็นประธานเอง ส่วนเจ้าก็เป็นคนตัดสินใจแล้วกัน”
“ก็ได้ๆ งานเพิ่มอีกแล้วสิ เย่”
“อย่าพูดอย่างนั้นสิ เจ้าน่ะจะได้….”
“คุณคือโซฟิร่า แวนโฮลเทน สินะ”
“…ผู้ช่วยน่ะ…”
ทั้งคู่หันไปมองทางต้นเสียงทันที เด็กหนุ่มสวมฮู้ด ผ้าคลุมสีดำสวมหน้ากากเทพสุริยันยืนอยู่ตรงนั้น
“เข้ามาจากทางไหนน่ะ”
โซฟิร่ารีบลุกขึ้นมาบังตัวมาร์คิลดูไว้ ในห้องนี้นั้นไม่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธเข้ามาด้วยดังนั้นตอนนี้เธอจึงมีแค่มือเปล่า แต่เธอก็ตั้งใจจะใช้ตัวเองเป็นโล่เพื่อปกป้องราชินีอยู่แล้ว
“รบกวนเงียบก่อนเถอะนะครับ ผมน่ะสามารถจัดการพวกคุณทั้งคู่ได้ก่อนที่คนอื่นจะเข้ามาซะอีกนา” เด็กหนุ่มพูด เมื่อเห็นว่าโซฟิร่าตั้งใจจะเรียกผู้คุ้มกัน และเปิดให้เห็นว่าคัวเขามีมีดอยู่ด้วย
“ตะ..ต้องการอะไรน่ะ”
โซฟิร่าเตรียมใจตายไว้แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือการช่วยให้ราชินีหนีรอด เพราะถ้าพวกเธอทั้งคู่ถูกฆ่าที่นี่ อนาคตที่วาดเอาไว้ได้พังไม่เป็นท่าแน่ๆ
“พวกคุณยังไม่ได้ตอบคำถามมาเลยนะ” เด็กหนุ่มถาม ท่าทางหงุดหงิด
มาร์คิวดูดันโซฟิร่าออกไปข้างๆ และก้าวมาข้างหน้า
“นี่น่ะคือสำนักงานของข้า ไม่ยอมให้เป็นไปตามที่เจ้าอยากหรอก จบตอบมาซะ ใครส่งเจ้ามากันแน่ ลูดันเซีย หรือว่า….พอนโซเนีย”
โซฟิร่าดูตกใจเล็กน้อย เพราะว่าลูดันเซียนั้นเป็นหนึ่งในสหพันธรัฐก็จริงแต่ว่าไม่ชอบขี้หน้าของคิริฮัลเท่าไร
แต่ว่าเด็กหนุ่มกลับมีปฎิกิริยากับชื่อพอนโซเนีย แปลว่ามาร์คิลดูเดาถูก
“มีข้อความถึงโซฟิร่า แวนโฮลเทนน่ะ”
“ข้อความงั้นเหรอ ย่องเข้ามาในที่ของคนอื่นแล้วยังมาบอกว่าแค่มาส่งข้อความเนี่ยนะ ตลกตายล่ะย่ะถ้าอยากพบโซฟิร่าก็นัดหมายดีๆสิยะ!”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ
“โง่รึเปล่าเนี่ย”
“หา!!”
หน้าของมาร์คิลดูแดงแป๊ดเพราะความโกรธ ไม่มีใครกล้าเรียกเธอว่าโง่มาก่อน นอกจากโซฟิร่า
“นี่กล้ามายั่วโมโหข้างั้นเหรอ!”
“บอกแล้วไงว่าให้เงียบก่อนน่ะ ที่นี่เป็นห้องของราชินีใช่มั้ยล่ะ รู้สึกว่าจะมีพวกที่แอบดักฟังเธออยู่บนเพดานด้วยนะ”
“…ห๊ะ”
“หมอนั่นน่ะไม่ใช่ยามแน่ๆล่ะ ดูแล้วเป็นพวกมือใหม่ด้วย ผมจัดการไปเรียบร้อยแล้วล่ะ ทางที่ดีก็อย่าลืมไปจัดการด้วยล่ะ”
ทั้งคู่ต่างมองขึ้นไปบนเพดาน มีคนอยู่ข้างบนนั่นจริงดิ ทั้งคู่ไม่ได้รู้สึดตัวเลย บางทีถ้าอัคไลอาอยู่เธออาจจะรู้ก็ได้ แต่ว่าไม่ได้เจอกับเธอมาเกือบห้าปีแล้ว
และถ้าเข้ามาได้ง่ายๆอย่างนี้แปลว่าต้องมีคนวงในร่วมมืออยู่ด้วยแน่ๆ โซฟิร่าเสียวสันหลังวาบ ทั้งคู่คุยกันเสียงเบามากก็จริงแต่ว่าคนที่แทรกซึมเข้ามาจะได้ยินถึงขนาดไหนกัน
“ช่างเหอะ ยังไงก็เถอะนะ อยากให้ผมนัดหมายดีๆสินะ คิดจริงๆเหรอว่าพวกระดับสูงที่งานยุ่งมากๆจะยอมเสียเวลามาเจอกับเด็กผู้ชายจากประเทศอื่นน่ะ แล้วถึงจะใช่ ยังไงผมเองก็ไม่อยากจะคุยในที่ๆมีคนแอบฟังอยู่หรอกนะ”
“……..”
อาจจะบอกไม่ได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้พูดความจริง แต่ถ้าใช่ ทั้งคู่ก็เถียงอะไรไม่ได้เลย
“งั้นเรามาเข้าเรื่องกันเลยมั้ย”
เด็กหนุ่มโยนผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งลงมาบนโต๊ะ
“ผมมีข้อความจาก กราฟาสตี้ เอ็น วาล์ว บอกว่า [ได้สิ่งที่ต้องการแล้ว วันแห่งรุ่งสางกำลังจะเกิดขึ้นกับราชวงศ์ปัจจุบัน] น่ะ”
หลังจากที่ได้ยิน ทั้งโซฟิร่าและมาร์คิวดูต่างแลกเปลี่ยนสายตากัน ข้อความนั้นชัดเจนว่า วาล์วเจอสิ่งที่สามารถยืนยันเรื่องสายเลือดของราชวงศ์ได้แล้ว
และจากที่เด็กหนุ่มมีปฏิกิริยากับชื่องของพอนโซเนีย ก็มั่นใจได้แน่นอนว่าเด็กคนนี้ถูกส่งมาโดยวาล์ว
“…แล้วทำไม่หมอนั่นถึงไม่ใช้ช่องทางปกติล่ะ”
“เห็นบอกว่าไม่มีเวลาแล้วน่ะ ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นเองก็กังวลเรื่องนี้อยู่เหมือนกันนี่นะ”
หมอนี่ รู้จักอัคไลอา โซฟิร่าคิด
“จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ล่ะ ผมมาที่นี่เพื่อทำงานเท่านั้นแหละ”
“เดี๋ยวสิ เจ้ายังไม่ได้ตอยคำถามของข้ามาเลยนะ เจ้าเข้ามาที่นี่ได้ยังไงกัน เราไม่เห็นจะรู้เลยว่าเจ้าเข้ามาตอนไหนน่ะ”
“…….”
โซฟิร่ารู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มกำลังยิ้มอยู่ภายใต้หน้ากากใบนั้น
“ก็การรักษาความปลอดภัยของที่นี่มันมีแต่ช่องโหว่น่ะสิเอาล่ะ ผมตอบคำถามไปแล้ว งั้นผมขอถามอะไรกลับหน่อยสิ”
“…ว่ามา”
เด็กหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะมีฝีมือทีเดียว ตอนนี้เขานั้นยังไม่มีความมุ่งร้ายต่อที่นี่ แล้วก็ไม่ได้สนใจฟอเรสเทียเลยแม้แต่น้อย ทั้งคู่ยังไม่ได้เชื่อใจเขานัก แต่ว่าการต่อสู้ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีแต่อย่างไร
“วันแห่งรุ่งสางคืออะไรกันแน่”
“…อะไรนะ”
คำถามนี้ไม่ใช่อะไรที่เธอคาดไว้เลย
“มันเป็นส่วนหนึ่งของบทกลอนเรื่องการล่มสลายของราชวงศ์โพเอลซีเนียน่ะ แต่ผมไม่เข้าใจความหมายของมันเท่าไร ถ้าหากคำว่า [รุ่งสาง] คือ [รุ่งอรุณ] ล่ะก็นะ แต่ว่า ถ้าราชวงศ์ล่มสลายตอนช่วงรุ่งสาง ก็ไม่น่าจะเพิ่มคำว่า [วัน] ลงไปด้วยเลยนี่” เด็กหนุ่มพูด
“นั่นมันก็จริงนะ…..”
เด็กหนุ่มจ้องมาที่โซฟิร่า แต่โชคไม่ดีนักที่เธอเองก็ไม่ได้รู้คำตอบ เด็กหนุ่มคนนี้นั้นสนใจในราชวงศ์โพเอลซีเนียเหมือนกันกับวาล์ว แต่ด้วยสาเหตุไหนนั้น เธอเองก็ไม่รู้เช่นกัน
“ฉันรู้แค่ที่ได้ยินมาจากกราฟาสตี้น่ะ….”
“ไม่เป็นไร ว่ามาเลย”
ลึกๆในใจตอนนี้เธอคิดว่า ถ้ากราฟาสตี้เป็นคนขอให้มาทำไมไม่ไปถามเขาให้รู่เรื่องก่อนล่ะ
“รู้ใช่มั้ยว่าราชวงศ์โพเอลซีเนียน่ะเป็นราชวงศ์ที่มีวืทยาการชั้นสูงน่ะ”
“แน่นอนสิ”
“คนที่สร้างวิทยาการพวกนั้นขึ้นมาถูกเรียกขานว่า ผู้ใชอาคมแห่งรุ่งสางน่ะ คนๆนี้เป็นคนที่เต็มไปด้วยความลับมากมาย และก็ยังมีคนที่บูชาเขา หรือเธอ มาจวบจนปัจจุบัน และในรุ่งสางของวันครบรอบวันตายของเขา ผู้คนจะถวายสิ่งมีค่าให้แก่เขาที่แท่นบูชา อะไรประมาณนี้น่ะ..”
“ข้อมูลแน่นดีอยู่นะเนี่ย”
“ดูเหมือนว่าตอนนี้ก็ยังมีคนที่ยึดธรรมเนียมนั้นอยู่ที่ไหนสักแห่งอยู่นะ…”
เด็กหนุ่มมีท่าทีสนใจขึ้นมา
“ที่ไหนล่ะ”
โซฟิร่าไม่ค่อยอยากบอกมากนัก แต่มาร์คิลดูได้พยักหน้าเป็นการอนุญาต แล้วเธอก็เริ่มตอบคำถาม
“…สกอราซาร์ด เมืองแห่งการศึกษาที่เป็นหน้าเป็นตาของฟอเรสเทีย ที่ๆ ศูนย์วิจัยนานาชาติตั้งอยู่”
“เข้าใจล่ะ”
ชัดเจนแล้วว่าเด็กหนุ่มกำลังสนใจเป็นอย่างมาก เขากระแอมครั้งหนึ่งก้อนจะเริ่มพูด
“พอเท่านั้นล่ะ หมดคำถามแล้ว”
“เดี๋ยวสิ แล้วนายชื่ออะไรล่ะ!”
โซฟิร่าถามเด็กหนุ่มแต่ว่า เด็กหนุ่มก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป เธอรีบตามออกไปแต่ว่า
“มีอะไรเหรอครับท่านโซฟิร่า”
ทหารที่เฝ้าประตูอยู่ดูตกใจเล็กน้อย โซฟิร่ารีบมองหาเด็กหนุ่มแต่ว่าก็ไม่เห็นใครอีก
“พวกนายเห็นเด็กที่สวมผ้าคลุมสีดำผ่านมาบ้างมั้ย”
“เอ่อ …. ไม่เลยครับ”
“..เอ๋”
เธออึ้งไปอยู่ครู่หนึ่ง ทหารทั้งสองต่างทำความเคารพทันทีเมื่อมาร์คิลดูตามออกมาสมทบ
“อย่างกะฝันร้ายเลยแฮะ…” ราชินีพูด
“ไม่เป็นอะไรใช่มั้ย”
“อืม ไม่ได้โดนเวทอะไรด้วย”
ราชินีเช็คสร้อยคอของเธอ แมจิคไอเทมนั่นเอง
“ยังไงก็เถอะ เดี๋ยวเราค่อยถามอัคไลอาก็ได้ แต่ถ้าเรื่องที่หมอนั่นพูดเป็เรื่องจริงล่ะก็ เราต้องรีบเคลื่อนไหวบ้างแล้วล่ะ” มาร์คิวดูพูด “แต่ก่อนหน้านั้น บนเพดานมีคนลอบเข้ามาในห้องทำงานของข้า ไปจับมันเดี๋ยวนี้!”
หลังจากนั้นพวกที่ลักลอบอยู่ต่างโดนจับกันถ้วนหน้า หลังจากค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วก็เจอเพิ่มอีกสี่จุดเช่นกัน
หลังจากนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็ถูกจับได้ แต่มันก็เป็นเรื่องหลังจากนั้นไปอีก