ตอนนที่ 67 ปาร์ตี้ของซูบร้า
อีกราวๆ 50 เมตรกว่าจะถึงเลสเซอร์ไวเวิร์น
ส่วนใบจินกะอยู่ห่างไปราวๆ 20 เมตร แค่เก็บใบมาแล้วก็กลับ เป็นภารกิจง่ายๆ
ถึงกระนั้นฮิคารุก็ยังเข้าไปใกล้ด้วยความระมัดระวัง และพยายามไม่เตะหินจนก่อให้เกิดเสียง ย่างก้าวราวกับสัตว์ตัวน้อยเพื่อไม่ทำให้มันตื่น
ถึงจะบอกว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใหญ่โตขนาดนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะหย่อนการระวังตัว กลับกันมันอาจจะมีความสามารถในการตรวจจับอันตรายที่มนุษย์ไม่อาจเข้าใจอยู่ก็เป็นได้
“!”
อีกราวๆ 5 เมตรจะถึงใบริวจินกะ ทันใดนั้นเลสเซอร์ไวเวิร์นก็ลืมตาขึ้น
ทำให้ตื่นซะแล้ว
“ก๊าซซซซซซ!!”
ตรงกลางหลังโดนธนูหนึ่งดอกเสียบเข้าไป ส่วนตรงปีกโดนก้อนหินกระแทกอย่างแรง
“มันตื่นแล้ว! โครเอ้กับมิคาเอลโจมตีระยะไกลต่อไป!! เอาให้สุดแรงเลย!!”
“รับทราบ!!”
เห็นนักผจญภัย 3 คน—-วิ่งมาจากอีกฟาก
(เดี๋ยวเซ่ๆ! จังหวะแย่เอามากๆเลย!)
เนื่องจากพวกเขาอยู่ห่างจากฮิคารุเกิน 100 เมตร ทำให้อยู่นอกระยะ “ตรวจจับพลังเวท”
ระลอก 2 ถูกปล่อยมาแล้ว
แต่เลสเซอร์ไวเวิร์นที่ตื่นแล้ว หันไปทางลูกธนูและก้อนหิน ก่อนจะพ่นไฟออกมา
ลูกธนูที่ทำจากเหล็ก—-ถึงจะไม่ไหม้ แต่ก็ทำให้วงโคจรเปลี่ยนไปพร้อมกับหินจนร่วงไป
“ชิ กะแล้วเชียวว่าแบบเดิมใช้กับเผ่ามังกรไม่ได้!”
“แต่พอสกัดมันได้อยู่!”
“ใช่แล้ว มีโอกาสชนะ!”
ทั้ง 3 คนที่ออกวิ่งชักอาวุธของแต่ละคนออกมา
ดาบยาว, ดาบยาว และฮัลเบิร์ด
คนที่ใช้ดาบยาว ดูเหมือนจะไม่ใช่กระบวนท่าส่วนตัวของพวกนักผจญภัย เป็นการเคลื่อนไหวที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ส่วนชายที่ใช้ฮัลเบิร์ดดูเหมือนจะใช้กระบวนท่าในแบบของตัวเอง
เลสเซอร์ไวเวิร์นพ่นไฟเบรสใส่นักผจญภัย ถึงจะมีชื่อแบบเดียวกับเวทมนตร์ธาตุไฟ แต่เขาบอกกันว่าเดิมทีเวทมนตร์ต่างหากที่เอาแนวคิดการพ่นเบรสของเผ่ามังกรมาใช้อ้างอิง
ทั้ง 3 คนคงคาดเดาการโจมตีนี้ได้อยู่แล้วเลยหลบเปลวไฟ ดูเหมือนจะเป็นนักผจญภัยที่เก่งพอตัวอยู่
ถึงไฟจะลุกตรงพื้น แต่ก็ดับในทันทีเพราะไม่มีอะไรให้ติดไฟต่อ
“ก๊าซซซซซซซซ!!”
เลสเซอร์ไวเวิร์นคำรามออกมาอีกครั้ง
อาจจะโกรธอยู่ก็ได้
(หนวกหู……)
สำหรับฮิคารุที่ได้ยินจากระยะประชิดอย่างนี้ มันเป็นอะไรที่น่ารำคาญอย่างมาก
เลสเซอร์ไวเวิร์นขยับปีก เพื่อสอยลูกธนูที่ยิงเสริมมาให้ร่วง ถึงจะหลบสิ่งนั้นได้ แต่ปีกยังโดนก้อนหินอยู่ดี โจมตีได้ค่อนข้างแม่นยำ
(…………)
เพราะลูกธนูปักห่างจากเบื้องหน้าของฮิคารุที่กำลังเอื้อมมือไปหยิบใบริวจินกะไป 3 เซนติเมตร ทำให้เผลอส่งเสียงออกมา
นี่เองก็เป็นจุดอ่อนที่ใหญ่หลวงที่สุดของ “ลอบเร้น” เนื่องจากไม่มีใครเห็น ทำให้มีโอกาสยิงโดนพวกเดียวกันเองได้
(อ้า ช่วยไปสู้กันตรงที่ผมไม่อยู่ได้ไหมเนี่ย!)
เลสเซอร์ไวเวิร์นลังเลที่จะบินขึ้น เดิมทีปีกของเผ่ามังกรมันไม่เหมือนกับใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่สามารถบินขึ้นลงได้ตามใจชอบ มันเป็นสภาพที่ “สะสมแรงลอยตัวไว้ครู่หนึ่ง เพื่อบินบนฟ้า”
ถ้าบินขึ้นไปบนฟ้า อาจจะทำให้หลบได้ยากขึ้น
กลับกัน ต่อให้อยู่บนพื้นปีกเองยังใช้ต่อสู้แบบคร่าวๆ—-หรือแม้กระทั่งบิดเพื่อหลบลูกธนู
“ดูสิ มังกรไม่ยอมบิน! อย่างที่เคานต์บ็อกว่าไว้เลย!”
“หา!”
“คุณหนู ห้ามประมาทเชียวนะ! จุดสำคัญมันต่อจากนี้ต่างหาก!”
“รู้แล้วน่า!”
ชายที่ถือฮัลเบิร์ดพุ่งเข้ามาเตือนขายหนุ่มที่พูดจาอวดดี
พวกเขาหลบไฟเบรสที่ถูกพ่นออกมา แล้วเข้าคลุกวงใน
(เยี่ยม)
ฮิคารุรู้สึกชื่นชม
“ย๊ากกกก!!”
ช่วงเวลา—-ที่เขาเหวี่ยงออกไปสุดแรง
“!!?”
เลสเซอร์ไวเวิร์นใช้ขาหน้าที่ติดอยู่กับปีกฟาดใส่ด้านข้างของชายคนนั้น
ถึงจะเป็นการเคลื่อนไหวที่ลวกๆ แต่สำหรับมนุษย์มันเป็นความเร็วที่สูงมาก
ชายคนนั้นกระเด็นล้มกลิ้งไปบนพื้น
“อ้า กาลิออส!! แกกล้าดี—-”
“ฝ่าบาท รอก่อน!”
“ไม่ต้องมาห้ามเลยเคานต์บ็อก! ถ้าไม่จัดการมันก็ไม่สามารถเอาใบริวจินกะได้หรอก!!”
ถึงคนที่ถือดาบยาว 2 คนจะดูสับสน แต่ชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่า “ฝ่าบาท” พุ่งเข้าใส่เลสเซอร์ไวเวิร์น
(……เผ่ามังกรเนี่ย แข็งแกร่งเอาเรื่องเลยนะ)
ในทางกลับกันฮิคารุรู้สึกทึ่งในความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์
ชายคนนั้นมีฝีมือพอตัว ระดับน่าจะพอๆกองอัศวินของพอนโซเนียเลย
ถึงกระนั้นยังโดนอัดอย่างง่ายดาย
ชายคนนั้นไม่ขยับ การโจมตีเพียงครั้งเดียวถือกับทำให้สู้ต่อไม่ไหว
(……เรียกเขาว่าฝ่าบาทเหรอ ความเป็นไปได้ที่จะถูกเรียกในสหพันธรัฐอย่างนี้มัน—–)
ในสหพันธรัฐไม่มีการสืบทอด แต่หมุนเวียนไปทั้ง 7 ประเทศ
ดังนั้นเลยไม่นิยมเรียกรับราชบัลลังก์คนต่อไปว่า “ฝ่าบาท” หรือ “มกุฎราชกุมาร” แต่จะเรียกว่า “กษัตริย์คนถัดไป” แทน
แต่ในทางกลับกัน ระบบหรือธรรมเนียบโบราณยังคงหลงเหลืออยู่ใน 7 ประเทศ
เขาคือเชื้อพระวงศ์ และยังคงใช้ระบบสืบทอดราชวงศ์ภายในประเทศของพวกเขา
ยิ่งไปกว่านั้นเป็นประเทศเล็กๆ ที่ใช้และสืบทอดระบบขุนนาง
(คิรีฮาล, ลูดันช่า, ยูราบะ……แล้วก็ซูบร้าเหรอ)
โดยประเทศที่ต้องการ “ใบริวจินกะ” ในนั้นก็คือ—-
(ซูบร้าสินะ แถมยังเป็นคนใหญ่คนโตของซูบร้าเสียด้วย……ถ้าตายไปจะแย่เอา)
จุดยืนของผู้อำนวยการคงไม่เหลือ
แน่นอนว่า ต่อให้ไม่มีเหตุผลนั้น การจะให้คนตายไปต่อหน้ามันรู้สึกไม่ดีสักเท่าไร
“ตายซะ!”
“ฝ่าบาท” วิ่งช้ากว่าชายคนก่อนหน้าอย่างเห็นได้ชัด
การโจมตีนั้นแย่ๆอย่างนั้น ไม่สามารถไปถึงเลสเซอร์ไวเวิร์นได้เลย
ล้มกลิ้งไปอย่างแรง ต่อให้เป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดียังลำบากกับทางลาดที่มีแต่ก้อนกรวดอย่างนี้เลย
เลสเซอร์ไวเวิร์นที่พ่นลมหายใจออกมาดังฮึม ตั้งใจจะพ่นเบรสออกมา
“เคานต์บ็อก” ที่อยู่เคียงข้าง “ฝ่าบาท” แค่จินตนาการว่าเชื้อพระวงศ์หนุ่มกำลังจะโดนฆ่าต่อหน้า ถึงกับต้องหลับตาลง
* * *
“ฝ่าบาท” ที่สิ้นหวังเพราะเห็นประกายไฟในปากของเลสเซอร์ไวเวิร์น สังเกตุเห็นอะไรที่แปลกประหลาดตรงปลายสายตา
ความรู้สึกที่เหมือนกับห้วงอากาศบิดเบี้ยว
แล้วก็มีประกายแสงโผล่ออกมาจากตรงนั้น
ใบดาบ
ตอนที่คิดว่า—-ดาบสั้นเล่มหนึ่ง สิ่งนั้นก็พุ่งไปหาเลสเซอร์ไวเวิร์นด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ
“!?”
ที่น่าจะไม่เข้าใจคงเป็นตัวของเลสเซอร์ไวเวิร์นเอง
เพราะไม่รู้สึกถึงวี่แววของอีกคนหนึ่งเลย
ใบมีดเฉือนผิวของมังกร และเสียบเข้าไปตรงช่องว่างระหว่างกระดูก ทำให้สติ—-ชีวิตของเลสเซอร์ไวเวิร์นสิ้นในทันที
“……เอ๊ะ?”
แล้วก็เห็นเด็กหนุ่มที่อายุน้อยกว่าตัวเองมากๆ ยืนอยู่ข้างๆเลสเวอร์ไวเวิร์นที่ล้มลงมา
“ว่าจะทดลอง ‘ซุ่มยิง’ ที่อัพเผื่อไว้ 1 ดูเหมือนถ้าไม่มีสิ่งนี้คงจัดการไม่ได้สินะ? ถ้าอีกฝ่ายเป็นมอนสเตอร์ เพิ่มไว้มากๆน่าจะดีกว่า……”
เขาพึมพำอะไรสักอย่างในขณะที่มองเลสเซอร์ไวเวิร์น
“อะ เอ่อ……”
พอลองทักออกไป ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกตัว
“อ้อ ไม่เป็นไรนะ? —-ไม่สิ คนที่โดนซัดกระเด็นเมื่อครู่ไม่เป็นไรนะ?”
“อ้อ กาลิออส!”
ชายหนุ่มลุกขึ้น และวิ่งไปหาชายที่ล้ม แต่พวกพ้องของเขากลับไปถึงก่อน
“ฝ่าบาท ไม่เป็นไรครับ! ยังมีชีวิตอยู่! ถ้าใช้โพชั่นน่าจะยังช่วยชีวิตได้!”
“ระ รอดไปที……”
แล้วเพื่อนที่โจมตีระยะไกลด้วยเวทมนตร์และธนูก็มาถึง
เขายังคงง้างธนูอยู่
“……ฝ่าบาท ไม่เป็นอะไรนะ? แล้วคนคนนั้นคือ?”
“โครเอ้ ไม่ต้องระวังขนาดนั้นก็ได้ เขาช่วยชีวิตฉันไว้ ต้องขอบคุณเสียด้วยซ้ำ”
“ตะ แต่ว่า! ตอนที่พวกเรามาถึงที่นี่ไม่มีใครอยู่เลย! แถมตอนที่สู้กับเลสเซอร์ไวเวิร์นก็มองอยู่ตลอด—-ละ แล้วจู่ๆก็โผล่ขึ้นมา!”
“……ถึงอย่างนั้น ถ้าเขาตั้งใจจะทำร้ายพวกฉัน คงปล่อยให้โดนเลสเซอร์ไวเวิร์นจัดการไปแล้ว—-ขอโทษด้วยนะ ที่เพื่อนของฉันเสียมารยาทไป”
“ไม่เป็นไรหรอก”
เพราะรู้สึกถึงบรรยากาศที่อันตรายของพวกพ้องหรือเปล่า เด็กหนุ่มคนนั้นเลยดึงดาบออกจากเลสเซอร์ไวเวิร์น พร้อมกับรักษาระยะห่าง
“ฉันเชื้อพระวงศ์ของซูบร้า ชื่อว่าซิลเวสเตอร์ กี ซูบร้า มีเรื่องอยากจะขอร้องเธอที่ปราบเลสเซอร์ไวเวิร์นได้ แน่นอนว่า จะมอบพวกวัตถุดิบต่างๆของเลสเซอร์ไวเวิร์นให้กับเธอด้วย”
“ฝ่าบาท!”
พวกพ้องส่งเสียงขึ้นมา คงอยากจะบอกว่าทั้งที่ทำความเสียหายด้วยธนูกับเวทมนตร์ ไหนจะดึงความสนใจด้วย กลับโดนฉุบมือเปิบ—-แล้วทำไมถึงต้องให้วัตถุดิบด้วย
เลสเซอร์ไวเวิร์นตัวขนาดนี้ ถ้าเอาไปขายน่าจะได้ราวๆ…… 1 ล้านกีรัน
แต่ว่า
ซิลเวสเตอร์มีความคิด
(ดาบสั้นที่ปราบเลสเซอร์ไวเวิร์นได้ด้วยการโมตีเพียงครั้งเดียว……คงเห็นเป็นของชั้นยอดอยู่)
ซิลเวสเตอร์ระวังตัวสูงสุด
จริงแล้วมันเป็นดาบสั้นราคาแค่ 4000 กีรัน ที่ “ถ้าหักก็ทิ้งไป ไม่ได้มีปัญหาอะไร”
“ขอร้องล่ะ ขอเก็บใบริวจินกะสักหน่อยได้หรือเปล่า? ฉันต้องการสิ่งนั้นจริงๆ”
ทันใดนั้นเด็กหนุ่มคนนั้นก็ถอนหายใจออกมาดัง “เฮ้อ” ก่อนจะเสยผมขึ้น
“ก่อนหน้านั้น แบบว่าไม่ค่อยรู้เรื่องมารยาทเท่าไร อาจจะเสียมารยาทต่อหน้าเชื้อพระวงศ์ก็ได้”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉันคือนักผจญภัย”
“อย่างนี้ค่อยช่วยได้เยอะหน่อย ส่วนเรื่องใบริวจินกะ……ก็ได้อยู่หรอก มาเอาไปได้เลย”
“งะ งั้นเหรอ! ขอบใจมาก!”
บรรยากาศที่ชวนโล่งใจไหลออกมา แล้วเด็กหนุ่มก็พูดออกมาต่อ
“……ยังไงก็มีจุดประสงค์เดียวกันอยู่แล้ว”
“หมายความว่ายังไง?”
“ผมมาที่นี่เพราะรับเควสใบริวจินกะเหมือนกัน……เพื่อผู้อำนวยการ”
“หือ—-งั้นเหรอ รับเควสที่กิลด์นักผจญภัยงั้นเหรอ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าไปมา
“รับเควสมาจากเรียวกิของเผ่าลูมาเนียต่างหาก”
คนที่อ้าปากค้างไม่ได้มีแค่ซิลเวสเตอร์
คนอื่น—-รวมไปถึงทุกคนยกเว้นกาลิออสที่หมดสติอยู่ก็เช่นกัน
“ฉะ ฉันฟังผิดไปหรือเปล่า บอกว่าเรียวกิงั้นเหรอ……?”
เด็กหนุ่มพยักหน้า
“เป็นไปไม่ได้! ถ้าพูดถึงเรียวกิ คือตัวแทนของเผ่าลูมาเนียไม่ใช่เหรอ!?”
ใช่แล้ว สำหรับประเทศอื่นเรียวกิถูกเรียกกันว่า “เชื้อพระวงศ์”