ตอนที่ 70 พบพานกับอาจารย์ไม่ได้ความ
“—-เมื่อกี้นายทำอะไร? เวทมนตร์? ไม่สิ……ไม่ใช่เวทมนตร์ เพราะไม่รู้สึกถึงการแทรกแซงเลย แต่เหมือนโดนอ่านอะไรบางอย่าง”
“!”
ดูเหมือนจะรู้ตัวว่าโดนตรวจสอบโซลบอร์ด
(‘ลางสังหรณ์’ เหรอ แถมเลเวล 2……ยุ่งยากนะเนี่ย)
“ผมใช้เวทมนตร์ไม่ได้”
“ถ้างั้นอุปกรณ์เวทมนตร์?”
“ไม่ใช่ครับ”
“มาลูบคลำร่างกายของฉันอย่างนี้ต้องการอะไรกันแน่?”
“……อย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดสิครับ แล้วทำไมไม่มีตัวเลือกอย่าง ‘ไม่ได้ทำอะไร’ ล่ะครับ หรือว่ายังเมาค้างอยู่? มากลับเข้าเรื่องกันดีกว่า ผมอยากจะเข้าเรียนการใช้ดาบสั้นครับ”
“เอ๋? นายเอาจริงเหรอ? อย่าดีกว่าน่า……”
“นักเรียนมีสิทธิ์ที่จะเข้าเรียนไม่ใช่เหรอ?”
“การปฏิเสธก็เป็นสิทธิ์ของอาจารย์ไง”
“ไม่มีของอย่างนั้นหรอก”
“ไม่มีเหรอ?”
“ไม่มี”
“เอ๋……”
ฮิคารุพูดชี้ชัดลงไป(ถึงจะไม่มีอะไรรองรับก็ตาม) ทำให้มิเรถึงกับคอตก ถึงเครื่องสำอางจะทำให้ดูอายุเยอะกว่าที่เห็น แต่จากท่าทางที่แสดงก็สมกับอายุ 22 ปีอยู่
“ทำไมถึงไม่ชอบเหรอ? ถ้าไม่ชอบการสอนไม่เห็นต้องมาเป็นอาจารย์ก็ได้นี่”
“รับทำงานเพราะได้ยินมาว่าเป็นงานง่ายๆไม่มีนักเรียนไง……”
ฮิคารุคิดขึ้นมาว่าเป็นผู้หญิงไม่ได้ความที่ยอมรับอย่างหน้าด้านๆ
“……แต่เพราะไม่ค่อยมีนักเรียน เงินเดือนเลยค่อยๆลดลง จนถึงขั้นซื้อเหล้าแค่แก้วเดียวยังลำบากเลย……เอาไงดี ไม่มีที่ให้ยืมเงินแล้วด้วยสิ……”
ฮิคารุคิดขึ้นมาว่าเป็นผู้หญิงไม่ได้ความที่น่าสมเพช
“แต่ก็เชี่ยวชาญเรื่องดาบสั้นนี่”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก”
“เดี๋ยวสิ ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก”
“ไม่เลย”
“ไม่ใช่ว่าไม่อยากสอนเลยพูดอย่างนั้นออกมาหรอกนะ”
“หลักฐานล่ะ? มีหลักฐานหรือเปล่า?”
(โซลบอร์ดเขียนเอาไว้ไง “ดาบสั้น” 3 เนี่ย)
“การที่ยอมรับให้เป็นอาจารย์ของโรงเรียนก็ถือเป็นหลักฐานชั้นยอดแล้วนี่ ผมไม่มีพื้นฐานหรือความรู้เกี่ยวกับดาบสั้นเลย แล้วก็อยากเรียนรู้เกี่ยวกับการต่อสู้เยอะๆเลยด้วย แต่จะไม่บอกให้สอนเยอะๆหรอก ดังนั้นช่วยสอนทีนะครับ”
“อืม………………ไม่เอา!”
ยอมขนาดนี้แล้วยังตอบกลับมาแค่ “ไม่เอา” คำเดียวอย่างนี้ ทำให้ฮิคารุถึงกับน็อตหลุด
“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ถ้าจบตรงนี้แล้วจะเขียนรายงานให้ผู้อำนวยการ กับกระทรวงกิจการภายในประเทศก็แล้วกัน”
“……หา? พูดอะไรออกมา!? กระทรวงกิจการภายในประเทศ แค่นักเรียนธรรมดาจะทำได้ยังไง—-”
“โซฟีร่า แวน โฮลเทนซ์ จากชื่อแล้วน่าจะเป็นคนประเทศเดียวกับคุณนี่? ถ้าถามไปจะเป็นยังไงบ้างนะ?”
“ดะ ดะ ได้โปรดอย่าทำเลย!”
“อาจารย์สอนดาบสั้นคนใหม่ที่มา ถ้าได้คนที่ตั้งใจสอนก็คงจะดี……”
“อย่านะ! ถ้าโดนไล่ละก็……เดี๋ยวพวกทวงหนี้จะมากันพอดี! ตอนนี้มีกำแพงโรงเรียนคอยกั้นพวกนั้นไว้อยู่!”
ฮิคารุคิดขึ้นมาว่าเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้ความจริงๆ
สำหรับมิเรแล้วโรงเรียนถือเป็นหลุมหลบภัยก็ว่าได้
“เข้าใจแล้วๆ! จะสอนให้ก็ได้……จริงๆเลย อะไรกันเนี่ย พวกเด็กเดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้กันหมดเลยเหรอ……”
เธอลุกขึ้นพร้อมกับบ่นพึมพำ
“ถ้างั้น ตั้งท่าให้ดูสิ มีดาบสั้นอยู่ใช่ไหม”
“อันนี้ได้ไหม?”
ฮิคารุหยิบ “มีดสั้นทรงพลัง” ที่เหน็บตรงเอวให้ดู ซึ่ง “ดาบสั้น” ถือเป็นหมวดหมู่ใหญ่ แต่ “มีดสั้น” เองก็อยู่ในหมวดที่ใกล้เคียงกับ “ดาบสั้นมือเดียว” อยู่
มิเรสะบัดมือพร้อมกับพยักหน้า ก่อนจะนั่งกอดเข่า
เนื่องจากสวมกระโปรงสั้นทำให้เห็นกางเกงใน
(น่าแปลกนะเนี่ยที่ไม่สวมกางเกงในยั่วอารมณ์)
ฮิคารุคิดในขณะที่ตั้งมีดสั้นขึ้นมา
เข่าย่อเอวลง พร้อมกับให้ปลายมีดชี้ลงไปด้านล่าง
“อ้า ไม่ได้เรื่อง”
จู่ก็บอกออกมาว่าไม่ได้เรื่อง
”ไม่ได้งั้นเหรอครับ”
“ไม่ได้เรื่องสักนิด มือใหม่สุดๆ แล้วทำไมถึงให้ปลายดาบชี้ลงด้านล่าง”
“เพื่อให้ปาได้ง่ายๆไง”
“ปาเสร็จแล้วยังไง!? อาวุธเพียงหนึ่งเดียวไม่ใช่เหรอ”
“แล้วต้องทำยังไงถึงจะถูกต้องเหรอครับ?”
“ที่ถูกต้องคือ ซ่อนฝักดาบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น แล้วยังไม่ต้องชักออกมา”
“……โห”
ลองทำตามที่มิเรบอก
“แค่คิดก็น่าจะรู้แล้วนี่ว่าดาบสั้นได้เปรียบกว่าอาวุธอื่นตรงไหน?”
“ข้อดีของมันคือ ‘พกพาได้ง่าย’ กับ ‘ทำให้ศัตรูประมาทเพราะคิดว่ามือเปล่า’ ใช่ไหมครับ? ถ้าจะพูดถึงความสามารถของอาวุธแล้ว ดาบสั้นไม่มีทางชนะดาบยาวหรือฮัลเบิร์ดได้เลย”
ฮิคารุรู้สึกชื่นชมจากใจ สามัญสำนึกที่ “ต้องชักอาวุธออกมา” พลิกกลับอย่างง่ายดาย แถมการใช้งานยังสมเหตุสมผลด้วย เข้ากับรูปแบบ “ลอบเร้น” ของฮิคารุ
“อะไรกัน ก็รู้ดีนี่ ดีมากถ้างั้นวันนี้เลิกเรียนได้แล้ว!”
“อ้า—-ถึงเวลาเลิกเรียนจริงๆแล้วด้วย ถึงจะเสียเวลาเพราะอาจารย์มิลเกรปเยอะไปหน่อยก็ตาม”
“ครั้งหน้าถ้าเรียกชื่อนั้นอีกจะเตะจริงๆนะ?”
“ตอนนั้นใช้ดาบสั้นเถอะ—-แล้วอยากจะฝึกซ้อมคนเดียว มีวิธีฝึกร่างกายหรือการใช้ดาบไหมครับ?”
“วิ่งเข้าไป”
“เข้าใจแล้วครับ”
ฮิคารุพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี—-คงคิดว่าการสอนของมิเรมันมีประโยชน์—-ก่อนจะออกวิ่งต่อหน้าเธอ
“……หมอนั่นมันอะไรกันเนี่ย ไปยุ่งกับพวกเพี้ยนๆซะแล้วสิ……”
มิเรบ่นงึมงำก่อนจะหาวกว้างแล้วเข้าไปในตึก เพื่อหลับรอบสอง
หลังจากนั้นฮิคารุก็กลับไปที่บ้านก่อนครั้งหนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อ ก่อนจะเริ่มวิ่งจ็อกกิ้ง
พอออกวิ่ง—-รู้สึกได้เลยว่ามันค่อนข้างเหนื่อยเอาการ
ตั้งแต่มาที่โลกนี้คิดว่าพลังกายเยอะขึ้นแล้ว แต่ในที่สุดก็รู้ตัว การเดินกับการวิ่งจ็อกกิ้งมันแตกต่างกันคนละเรื่อง
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก……ลำบากนะเนี่ย”
สนามของโรงเรียน—-หรือต้องบอกว่าให้บรรยากาศเหมือนลานฝึกซ้อมมันเป็นสถานที่กว้างๆ
หลังจากวิ่งไปสักพักก็หยุดพักสักครู่
แล้วต่อด้วยการออกวิ่งระยะ 100 เมตร เพราะ “พลังออกตัว” 2 ทำให้ออกวิ่งได้ด้วยความเร็วที่สูงมาก แต่แล้วกล้ามเนื้อก็ปวดขึ้นมาในทันที
การจะต้านแรงปฏิกิริยานี้จำเป็นต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ถึงจะมีหนทางอย่างการเพิ่ม “ปริมาณพลังกาย” อยู่ก็ตาม แต่ปริมาณกล้ามเนื้อกับความยืดหยุ่นของมัดกล้ามเนื้อมันแตกต่างกัน ถ้าใส่ใจกับความยืดหยุ่นของร่างกาย น่าจะก่อเกิดเป็น “พลังออกตัว” 2 อย่างแน่นอน
“วิ่งงั้นเหรอ……ขี้เหล้าคนนั้นก็พูดอะไรดีๆเป็นเหมือนกันนะเนี่ย”
ในระหว่างที่ทำอย่างนั้น เหล่านักเรียนคนอื่นๆก็มองมาทางฮิคารุด้วยสีหน้าสงสัย
“หมอนั่นทำอะไรอยู่?”
“โพสท่าอะไรก็ไม่รู้……แถมยังหัวเราะคนเดียวด้วย”
“ไม่แกว่งดาบ เอาแต่วิ่งวนไปมาคิดจะทำอะไรกันแน่”
ถึงจะมีโปรแกรมฝึกซ้อมดาบอย่างจริงจัง แต่ที่โลกนี้กลับไม่มีการฝึกฝนร่างกายขั้นฝึกฐาน—-หรือวิทยาศาสตร์การกีฬา
จนเกิดข่าวลืออย่าง “นักเรียนสุดแปลก” ขึ้นมา
“โห……แปลกนะเนี่ยที่ฮิคารุยอมรับคนอื่นเนี่ย?”
อาหารเย็นของวันนั้นช่วยกันทำกับลาเวีย
บนโต๊ะมีเนื้อที่ผัดกับผัก แล้วก็ขนมปังกับชีสวางอยู่
“ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนอย่างเดียว แถมยังดูน่าสนุกด้วย พรุ่งนี้ลองไปดูสิ”
“ถ้ามันน่าสนุกขนาดนี้ ฉันไปด้วยดีหรือเปล่านะ?”
“……ถ้าบอกว่าไม่ให้ไปล่ะ?”
“เอ๊ะ? ทำไมเหรอ?”
ฮิคารุรู้สึกไม่อยากให้เห็นผู้หญิงที่ไม่เรียบร้อยอย่างนั้น
“ดูเหมือนจะไม่ให้ค่ากับคนที่ไม่ใช้ดาบสั้นด้วยนี่สิ แล้วลาเวียเป็นไงบ้าง?”
“ถูกห้อมล้อมไปด้วยหนังสือน่ะ……”
ลาเวียถอนหายใจออกมาอย่างอิ่มเอิบ
ดูเหมือนวันนี้จะขลุกตัวอยู่ในห้องสมุดทั้งวัน แถมจำนวนหนังสือยังมีเยอะกว่า 2 หมื่นเล่มด้วย ต้องบอกว่าเติมเต็มโลกทั้งใบได้เลย
“เยอะดีนะเนี่ย……แล้วมีหนังสืออะไรบ้างเหรอ?”
“ส่วนใหญ่เป็นวิทยานิพนธ์ ถึงจะไม่ค่อยมีพวกนิยาย แต่มีรวบรวมตำนานของพื้นที่ต่างๆอยู่ แล้วก็พวกสถิติ”
“สถิติ?”
“ดูเหมือนจะเป็นเอกสารที่เปิดเผยตอนก่อตั้งสหพันธรัฐ ซึ่งตอนนั้นลูมาเนียมีประชากรมากที่สุดอยู่ที่ 9 แสนคน ส่วนน้อยที่สุดเป็นซูบร้า 2 หมื่นคน”
“ต่างกันค่อนข้างเยอะเลย หรือแค่อ้างชื่อเป็นสหพันธรัฐที่เท่าเทียมกัน”
“เรื่องนั้น……เหมือนจะมีเหตุผลอยู่ ลูมาเนีย, คิรีฮาล กับลูดันช่าที่รุ่งเรื่องจนถูกเรียกว่า “สามผู้ยิ่งใหญ่แห่งอุดร”—-ถึงจะยังเทียบกับราชอาณาจักรพอนโซเนียประเทศเดียวไม่ได้ก็ตาม”
ประชากรของราชอาณาจักรพอนโซเนียมีมากกว่า 4 ล้านคน
“ยูราบะที่เป็นประเทศขนาดเล็กพอๆกับซูบร้าก็โดดเด่นด้านการวิจัยเวทมนตร์ ส่วนโคโทบี้เด่นทางด้านการแกะสลักโลหะ เลยยังพอมีตัวตนอยู่ ทางด้านซูบร้า……มีโบราณวัตถุที่ได้จากโบราณสถาน
“อาร์ติแฟก?”
“เนื่องจากเป็นของอารยธรรมโบราณ เลยไม่รู้วิธีการสร้าง แต่ดูเหมือน……จะมีอาวุธที่ทรงพลังอยู่ด้วย”
“…………”
“ฮิคารุ หรือว่าจะเป็น”
“ผมเองก็คิดเหมือนกัน น่าจะเป็น ‘ปืนลูกโม่’ ไง”
มันเป็นของ “ที่ดูไม่เข้ากัน” กับโลกนี้
ถ้าสิ่งนี้เป็นของที่ผลิตจากโบราณสถานของซูบร้าแล้วละก็—-
(ผู้มาเกิดใหม่หรือผู้ถูกวาปอาจจะอยู่ที่ซูบร้าก็ได้)
“หือ? รอก่อนสิ? แต่……ถ้ามีอาวุธอะไรอย่างนั้นแล้วละก็ ทำไมถึงไม่ให้ซิลเวสเตอร์พกมาจัดการเลสเซอร์ไวเวิร์นไปเลยล่ะ?”
“ดูเหมือนตอนก่อตั้งสหพันธรัฐจะตัดสินให้มีกรรมสิทธิ์ร่วมกัน ถึงจะเหลืออาร์ติแฟกที่ใช้ในการป้องกันอยู่ที่ซูบร้าบ้างก็ตาม”
“อย่างนี้นี่เอง”
เพื่อที่จะได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียมเลยมอบอาวุธให้
น่าจะมีการเจรจาอย่างนั้นไว้หรือเปล่า
“อยากเห็นอาร์ติแฟกต์ของซูบร้าจังเลย”
ถ้ามีของอย่างนั้นอยู่ นักวิจัยน่าจะต้องมีไว้ในครอบครองแน่ๆ ถ้าเป็นของที่เอาอารยธรรมของโลกมาแล้วละก็ อาจจะไขกลไกการทำงานของปืนลูกโม่ก็เป็นได้