ชาร์ล็อตหน้าแดงด้วยความเขินจากคำพูดเอมม่า เพราะคำพูดมันบอกชัดเจนว่าปกติถ้าเธออยู่กับเอมม่าสองคนจะไม่ได้ทำอาหารมาเยอะแบบนี้ แต่นี่คือจัดเต็มมาเพื่ออาโอยางิเลย + กินข้าวด้วยกันทุกวันมันคือคำพูดคล้ายๆที่วัฒนธรรมชาวญี่ปุ่นบอกกับคนที่ชอบว่าอยากกินซุปมิโสะฝีมือเธอทุกวัน
แต่อาโอยางิไม่ได้คิดลึกมาก เขามีแค่ความซาบซึ่งที่ชาร์ล็อตทำอาหารให้เขาแค่นั้นเอง
“อาโอยางิคุงอย่าเข้าใจผิดนะคะ”
“ฮะฮะไม่ต้องรีบปฏิเสธหรอกครับ ผมเข้าใจดีครับไม่มีปัญหาเลย”
“แต่ตะกี้เธอหัวเราะนี่นา แสดงว่าในใจเธอต้องนึกขำชั้นแน่ๆ…”
“ม..ไม่ได้หัวเราะนะครับ”
“บู่”
อ้าว ชาร์ล็อตทำท่างอนผมซะแล้ว แต่ก็นะ มุมแบบเด็กๆของเธอมันดูน่ารักจริงๆ สำหรับผมที่เพิ่งรู้จักกับเธอไม่นาน แต่เธอแสดงมุมเด็กๆให้ผมเห็นมันทำให้ผมรู้สึกดีใจมากเพราะแปลว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนเป็นไปด้วยดีขึ้นเรื่อยๆ
“จะว่าไปใกล้สอบแล้วเนอะ”
ผมกับชาร์ล็อตเก็บกวาดโต๊ะ ล้างจานด้วยกัน เธอเอ่ยปากเรื่องสอบกับผม
เมื่อก่อนหลังกินข้าว เรื่องล้างจาน ชาร์ล็อตจะเป็นคนจัดการเองทุกครั้ง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่ยอมให้เธอล้างคนเดียวเด็ดขาด มันดูไม่ดี ผมกับเธอช่วงหลังจึงล้างจานด้วยกันแล้ว
“อาจารย์ฮานาซาว่าบอกว่าอาโอยางิคุงเรียนดีเป็นอันดับหนึ่งของโรงเรียนนี้ ชั้นจะพยายามอ่านหนังสือ ไม่ยอมแพ้เรื่องเรียนให้เธอแน่”
อันดับหนึ่งของโรงเรียน?
ถ้าดูแค่ผลสอบในช้นปีมันก็ตามนั้นแหละ แต่อาจารย์บอกแบบนั้นจริงรึ
เพราะถ้าวัดกันจริงๆ ผลสอบวัดระดับความรู้ทั่วประเทศของผม ตอนนี้ความรู้ของผมน่าจะเป็นอันดับหนึ่งแล้ว แต่ก็นะ ผมก็ไม่อยากให้อาจารย์เอ่ยปากซี้ซั้วว่าผมเรียนดีเป็นอันดับหนึ่งในโรงเรียนนี้เลย มันดูขี้อวดไปนะ…
แต่เอาเหอะ ไว้เจอหน้าอาจารย์เมื่อไรค่อยบอกเรื่องนี้อีกที อย่างน้อยตอนนี้ถ้าเรื่องของผมเป็นแรงกระตุ้นให้เธอตั้งใจเรียน ผมว่าก็ไม่มีความจำเป็นต้องไปแก้ไขความเข้าใจเธอใหม่
“ผมเองก็จะพยายามไม่ให้แพ้คุณชาร์ล็อตเช่นกันครับ แล้วก็หลังสอบเสร็จ โรงเรียนจะมีงานกีฬาสี ถึงตอนนั้นคงจะยุ่งกันนิดหน่อยครับ”
“งานกีฬาสีเหรอ…?”
หิอ
เป็นอะไรของเธอกัน
แค่พูดว่ามีงานกีฬาสีแท้ๆ ทำไมตัวเธอมองหน้าผม แข็งทื่อไปแล้ว
“เอ่อ ติดปัญหาอะไรรึเปล่าครับ”
“ม..ไม่หรอกค่ะ…ช ใช่แล้ว ญี่ปุ่นกับอังกฤษมีแนวคิดเรื่องออกกำลังไม่เหมือนกัน แบบนี้มันเหมือนในการ์ตูนเลย”
ชาร์ล็อตรำพึงกับตัวเอง แต่ผมก็พอจะจับใจความได้นิดหน่อย สงสัยว่าเธอคงไม่ถนัดเรื่องออกกำลังล่ะมั้ง
ผมกะจะถามเรื่องนี้เพิ่ม แต่ว่ามีเสียงขัดจังหวะ
“โอนี่จัง มาเล่นกันเถอะ”
เอมม่าจังที่เงียบมานาน คงรอจังหวะพวกผมหยุดคุย เอ่ยปากความต้องการตัวเองออกมา
สุดท้ายผมเลยไม่ถามชาร์ล็อต หันไปเล่นกับเอมม่าจนใกล้เวลาเดินทางไปโรงเรียน
“ล้อตตี้ เอมม่าอยากไปเล่นกับโอนี่จัง”
วันนี้ตอนเย็น ณ. วันที่ไปเฝ้าไข้อาโอยางิด้วยความเข้าใจผิด
เอมม่าเดินมาดึงเสื้อชั้น
“วันนี้ไม่ได้นะ เอมม่า พี่บอกหนูแล้วว่าวันนี้งดเล่นกับโอนี่จังนะ”
“บู่….. หนูจะเล่น…”
เอมม่าออกอาการงอแง ทุบขาชา์ลอต ความเข้าใจของเด็กก็ไม่รู้เรื่องอะไร แค่อยากเล่นกับพี่ชายที่ใจดีเท่านั้น แต่ชาร์ลอตก็ห่วงสุขภาพของอากิฮิโตะว่าจะพักผ่อนน้อย ถึงแม้ว่าปากอาโอยางิจะบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด แต่ข้อเท็จจริงคือมันเกิดจากการพักผ่อนน้อย ซึ่งเรื่องนี้ชั้นไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบได้อยู่ดี
“ขอร้องนะคะ เอมม่า พี่ขอแค่วันเดียวแล้วเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่พาไปเล่นกับโอนี่จังตามปกติ”
ชั้นคิดว่าอย่างน้อยก็ขอให้เขาได้พักผ่อนเต็มที่สักวันก็ยังดี แต่ว่า..
“แงงงงงง”
เอมม่าที่คิดแค่ว่าอยากเล่นกับพี่ชาย ก็ไม่ยอมรับคำสั่งของชาร์ลอตง่ายๆจึงงอแง แต่วันนี้ชาร์ลอตตัดสินเด็ดขาดแล้วว่าจะไม่ไป
“จริงสิ เอมม่า ดูคลิปแมวกันมั้ย น่ารักมากๆนะ”
ชั้นตัดสินใจเลียนแบบวิธีของอาโอยางิคุง นี่เป็นวิธีที่เขาใช้บ่อยเพื่อดึงดูดความสนใจเอมม่า
แต่ว่าผลลัพธ์ที่ได้คือ…
“หนูอยากเล่นกับโอนี่จังมากกว่าน้องแมว”
“….”
ชั้นก็แอบประทับใจ เพราะเวลาอยู่กับอาโอยางิ น้องจะสนใจคลิปแมวมากกว่า แต่ความจริงคือน้องเลือกเล่นกับอาโอยางิมากกว่าแมว
แต่ถึงยังงั้น ยิ่งชั้นเห็นปฏิกริยาของน้อง ชั้นก็ยิ่งตั้งมั่นกว่าเดิมว่าวันนี้ต้องปฏิเสธลูกอ้อนของน้อง
“งั้นไปชอปปิ้งด้วยกันมั้ย วันนี้พี่จะซื้อขนมให้มากกว่าปกติด้วย”
เอมม่าเป็นเด็กที่ชอบทานขนมมาก ปกติเวลาได้ยินคำพูดแบบนี้ จะดี๊ด๊าและออกไปชอปปิ้งด้วยกัน
แต่ว่า….
“ล็อตตี้บ้าที่สุด”
ไม่ได้ผล
เอมม่ายังอาละวาดทุบขาชั้นต่อ ซึ่งชั้นก็ไม่ยอมแพ้หาวิธีล่ออันใหม่
“เอมม่า เดี๋ยวเรามาเล่นโดมิโน่กัน…..”
“แงงง ล้อตตี้แกล้งหนู เอมม่าอยากเล่นกับโอนี่จัง!
จังหวะที่ชั้นหยิบโดมิโน่ เอมม่าวิ่งเตาะแตะไปที่ประตู เหมือนตั้งใจจะพุ่งออกไปให้ได้ แต่ชั้นคว้าตัวไว้ทัน
“โธ่ ทำไมหนูไม่ฟังพี่เลย”
“แงงง ล้อตตี้ ปล่อยน้า”
“บอกแล้วไงว่าไม่ได้ ทำตัวให้มันดีๆหน่อยสิ!”
“..!”
ชั้นขึ้นเสียงสูงโดยไม่รู้ตัว ส่วนเอมม่าก็ตกใจที่เห็นพี่สาวขึ้นเสียงใส่
“เอมม่า..? คือว่า..พี่..”
ชั้นพยายามใช้น้ำเสียงอ่อนโยน แต่เอมม่าบ่อน้ำตาแตก ปากสั่นแล้ว
“แงงงงง”
“พี่ขอโทษนะเอมม่า”
“ล้อตตี้บ้าที่สุด หนูเกลียดล้อตตี้”
“อ๊ะ รอเดี๋ยวก่อน อย่าออกไปข้างนอกนะ”
“แงงงง”
“รอก่อนเอมม่า อย่าวิ่งไปตรงบันไดนะมันอันตราย มองทางข้างหน้าด้วย”
ชาร์ล้อตรีบวิ่งตามเอมม่าที่เปิดประตูห้องพุ่งพรวดออกไป แต่ไม่ทัน
ด้วยความที่เอมม่าร้องไห้พุ่งออกไปไม่สนโลก จึงไม่ได้ดูทางให้ดีว่าตัวเองกำลังวิ่งไปที่บันได
ชั้นพยายามรีบตามเอมม่า แต่ว่าสมรรถภาพทางกายชั้นสู้เอมม่าที่ยังเด็กไม่ได้ด้วยซ้ำ ฉะนั้นชั้นจึงตามเอมม่าไม่ทัน โดนเอมม่าทิ้งห่างเรื่อยๆ
สุดท้าย เอมม่าจึงวิ่งถึงบันได ภาพน้องที่กำลังเสียหลักฉายมาในดวงตาชั้น
เอมม่าเองเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่ากำลังจะตกบันได จึงพยายามเอี้ยวตัวรักษาสมดุล แต่ว่าตัวเธอถลำเยอะเกินไป ตอนนี้น้องใกล้จะหล่นแล้ว สถานการณ์หมิ่นเหม่มาก
“ไม่นะ…ได้โปรด ใครก็ได้ช่วยหยุดเวลาให้ที”
คำขอที่ดูเปล่าประโยชน์ทั้งที่รู้ตัวดีว่าไม่มีทางเป็นไปได้ เธอยื่นมือออกไปเจอกับความว่างเปล่า
“ไม่นะะะะะะะะะะ!”
หยุดนะ อย่าแย่งเอาเอมม่าไปจากชั้นนะ
เอมม่าขาลอยกำลังจะตกบันได แต่ว่าจังหวะนั้นเอง มีคนผ่านด้านข้างชั้นไป เขาพุ่งไปถึงจุดที่เอมม่ายืนอยู่ในอึดใจเดียว คว้าตัวเอมม่าได้ทันเวลาพอดี เขาเป่าปากโล่งอก ส่งยิ้มอ่อนโยนให้ชั้น
“ฟู่…แบบนี้สินะที่เรียกเส้นยาแดงผ่าแปดพอดี”
“อาโอยางิคุง….”
คนที่ช่วยเหลือเอมม่าก็ไม่ใช่ใคร พระเอกของเรา อาโอยางิ อากิฮิโตะ นั่นเอง
****
“ฮืออออ โอนี่จัง..”
“ไม่เป็นไรละครับเอมม่า”
ผมลูบหัวเอมม่าอย่างออนโยน ตอนนี้เธอซุกตัวกับเสื้อผมร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ขอบคุณมากจริงๆนะคะที่ช่วยเอมม่าไว้”
“เอ้อ..ก็..ม่า ตามนั้นครับผม”
ถ้าผมช้าไปแค่วิเดียว เอมม่าตกบันไดแน่นอน ถือว่าโชคช่วยฉิวเฉียด
“ขอโทษนะคะที่สร้างความเดือดร้อนให้ตลอด”
ชาร์ล็อตกล่าวขอโทษผมด้วยท่าที่เศร้าหมองกว่าปกติ ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะมีเรื่องอะไรอยู่รึเปล่า ดูเหมือนเธอจะโทษตัวเองด้วย
“คุณชาร์ล็อตครับ คิดผิดแล้วนะครับ”
“เอ๋”
ผมส่งยิ้มอ่อนโยนให้ สบตาเธอ
“ผมไม่เคยคิดเลยแม้แต่ครั้งเดียวว่าคุณชาร์ล็อตกับเอมม่าสร้างความเดือดร้อน กลับกันเลยครับ ผมดีใจมากทุกครั้งที่คุณสองคนเข้ามาเที่ยวเล่นในห้องผม
“จ…จริงเหรอคะ”
“แน่นอนครับ เพราะคุณชาร์ล็อตกับเอมม่า ชีวิตผมจึงรู้สึกสนุกในทุกวันครับ”
“แต่ว่า..เรื่องของวันนี้มัน..”
“อืม….เอางี้นะครับ สมมมติว่าคุณชาร์ล็อตเห็นใครสักคนกำลังตกอยู่ในอันตรายแล้วออกไปช่วย คุณชาร์ล็อตในตอนนั้นจะคิดมั้ยว่าการที่ชั้นไปช่วยใครสักคนมันสร้างความเดือดร้อนให้ตัวเอง”
“ไม่ค่ะ ชั้นไม่มีทางคิดแบบนั้น”
“นั่นแหละครับ ผมเองก็คิดเหมือนกัน ฉะนั้นผมและคุณเห็นตรงกันนะครับการที่ผมช่วยน้อง มันไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนอะไรเลย”
ชาร์ล็อตฟังข้อสรุปผมจบ ยกมือขึ้นแตะปาก ดูจากท่าทางและสีหน้า เธอน่าจะยอมรับในสิ่งที่ผมพูดแล้ว
“นอกจากนี้ ถึงต่อให้คุณมาขอความช่วยเหลือผม ผมก็ไม่เคยคิดว่านี่เป็นความเดือดร้อน กลับกัน ผมดีใจด้วยซ้ำที่คุณมาขอความช่วยเหลือต่างหาก”
“ดีใจเหรอคะ”
“ใช่ครับ การที่มีคนมาขอร้องเป็นหลักฐานว่าผมเป็นคนที่สามารถเป้นที่พึ่งให้คนอื่น หากคุณเป็นที่พึ่งพาของเพื่อนได้ คุณไม่รู้สึกดีใจเหรอครับ”
เอาจริงๆแนวคิดนี้ของผมมันทำให้คนอื่นสามารถมองผมเป็นของตาย ใช้แล้วทิ้งเพราะความใจดีมันอาจจะไม่มีค่าขนาดนั้นในสายตาของคนอื่นก็ได้ แต่ส่วนตัวผมเองไม่ซีเรียสอยู่แล้ว ขอแค่ช่วยเพื่อนได้ ผมดีใจ แค่นั้นจบ
“…อาโอยางิคุงเป็นผู้ทรงศีลรึเปล่าคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมก็แค่คนธรรมดานี่แหละ”
ผมหัวเราะกับคำพูดของเธอ ก่อนเปลี่ยนหัวเรื่อง
“คือว่า…ไหนๆก็ขอถามนิดหนึ่ง ก่อนหน้านี้มีเรื่องอะไรกับน้องรึเปล่าครับ”
เอมม่าที่ฟังอยู่เงียบๆ เหมือนจะรู้แล้วว่าที่พูดนี้ต้องหมายถึงเธอ น้องเลยชิงบอกผมก่อน
“ล็อตตี้แกล้งหนูค่ะ”
“เขาจงใจแกล้งด้วยเจตนาร้ายรึครับ”
“อืม พี่ห้ามหนูไม่ให้มาเล่นกับโอนี่จัง”
“อ๋อ….”
ฟังคำพูดเอมม่าจบ ผมเข้าใจเรื่องราวคร่าวๆละ ผมเดาว่าเรื่องมันคงเกิดจากเมื่อวานด้วยแหละ เธอคงเขินเรื่องเมื่อวานบวกกับอยากให้ผมพักผ่อนให้เต็มที่ แต่เอมม่าน้องไม่รู้เรื่องราวจุดนี้ เลยทะเลาะกับชาร์ล็อต
แต่แน่นอนว่า จะอธิบายด้วยภาษาแบบไหนให้เอมม่าเข้าใจได้ ผมคิดหนักอยู่พักนึงก่อนเอ่ย
“ขอโทษนะครับเอมม่า เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของผมเอง”
“ความผิดของโอนี่จัง?”
“ใช่แล้วครับ เมื่อวานผมเป็นคนบอกชาร์ล็อตเองว่าวันนี้ไม่ต้องมาเล่นที่ห้องผมครับ”
“อาโอยางิคุง นั่นมันไม่..”
ชาร์ล็อตฟังคำพูดจบเตรียมจะกล่าวแย้ง แต่ผมส่งสายตาแฝงความหมายบอกเธอว่า ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้ัน
ถ้าอยากให้เอมม่ายอมรับฟัง ผมนึกออกได้มีแค่ทางนี้ทางเดียว
“โอนี่จัง เกลียดเอม่าเหรอ”
เอมม่าฟังคำตอบผม เธอช็อค ทำหน้าเสียใจ น้ำตาคลอเบ้า
ชิบหายสิครับ กลายเป็นว่าวิธีพูดของผมทำให้น้องเสียใจจนจะร้องไห้รอมร่อ ผมรีบนึกคำพูดตอบกลับเธอให้ไว
“ไม่หรอกครับ พี่ชอบเอมม่ามากๆนะครับ”
ผมพยายามส่งยิ้มให้เอมม่าและใช้โทนน้ำเสียงที่อ่อนโยนที่สุดตอบกลับไป
เอมม่าเลยตอบกลับด้วยคำพูดที่เหนือความคาดหมาย
“ถ้างั้นก็ เอมม่าจะเป็นลูกของบ้านโอนี่จัง”
“หือ”
ทำไมข้อสรุปมันยิ่งออกมายิ่งไปกันใหญ่
“เอมม่าจังครับ เรื่องนั้นมันเป็นไปไม่ได้ครับ”
“ทำไมคะ”
“……..”
จะอธิบายเรื่องกฏหมาย น้องก็คงไม่เข้าใจแน่ ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ เอมม่าเริ่มน้ำตาคลอเบ้ามากขึ้นเรื่อยๆใกล้ร้องไห้เต็มแก่แล้ว
“ขออถามได้มั้ยครับว่าทำไมถึงอยากมาเป็นลูกบ้านนี้”
“หนูเกลียดล็อตตี้ หนูอยากอยู่กับโอนี่จัง”
“….ทั้งที่เรื่องวันนี้ไม่ใช่ความผิดของชาร์ล็อต แต่เป็นความผิดของผมนะครับ”
“หนูกลัวล็อตตี้ หนูจะอยู่กับโอนี่จัง”
ไม่ใช่ละ ฟังจบผมคิดในใจเลยว่าเรื่องนี้ดูท่าว่าจะมีความนัยเบื้องหลังซับซ้อนกว่าที่คิด
จะบอกว่าแค่ห้ามเอมม่าไม่ให้มาเล่นที่ห้อง จะทำให้เอมม่าถึงขั้นวิ่งสุดตัวไปที่บันไดจนเกือบเกิดอุบัติเหตุ และจากคำตอบของน้อง มันต้องมีอะไรสักอย่างแล้ว
****
จบ ch5-1 ครับผม
ปล.แนะนำว่าใครอดใจไม่ไหว ไปอ่านได้ที่เพจนะครับ ตอนถัดไปนี่ถึงคราวฉากเปลือยที่ทุกคนเคยเห็นแล้ว มาดูกันว่ารายละเอียดเป็นไงบ้าง หากใครอดใจได้ก็รอพรุ่งนี้นะครับ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดจะอัพเวลานี้นะครับผม
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon