วันรุ่งขึ้น พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ผมเดินไปเรียกชาร์ล็อต
“ขอโทษจริงๆนะคะที่วันนี้ก็ต้องดูแลเอมม่าด้วยไม่ใช่แค่เมื่อวาน..”
” ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องขอโทษหรอกครับ คนที่บอกว่าวันนี้จะดูแลเอมม่าก็คือผมเองด้วย”
วันนี้ช่วงเช้า ผมเป็นคนติดต่อบอกคุณชาร์ล็อตเองว่าจะขอดูแลเอมม่าต่ออีกหน่อย
แน่นอนว่าที่ขอดูแลเพราะว่าผมกำลังดำเนินแผนการอยู่ และมันต้องใช้เวลา แต่แน่นอนว่าชาร์ล็อตยังไม่รู้แผนการผม
“แล้วเอมม่าเป็นไงบ้างคะ”
“ตอนนี้นั่งเล่นอยู่ในห้องผมคนเดียวครับ”
“ไม่ได้ก่อความเดือดร้อนอะไรให้ใช่มั้ยคะ”
“ไม่หรอกครับ น้องก็ทำตัวน่ารักเหมือนเดิมไม่ได้เปลี่ยนครับ”
เอาจริงๆนะ เดือดร้อนเอาเรื่องเลยล่ะครับ บางช่วงวันนี้น้องร้องไห้อาละวาดก็มีเหมือนกัน เพราะงั้นกำหนดการของผมที่วางแผนไว้เลยต้องเลื่อนเวลามานิดหน่อย
แต่ก็นะ ถึงจะเวลาจะผิดแผนไปนิด แต่ก็สนุกดี อีกอย่างน้องเอมม่าน่ารักด้วย จะทำตัวดื้อบ้างผมก็ไม่ว่าอะไร
“ดีแล้วค่ะที่น้องไม่ดื้อ”
“อืม”
ผมคุยกับเธออยู่ตรงทางเดินแมนชั่น จากสภาพของเธอตอนนี้ ดูเหมือนว่าความกระทบกระเทือนจิตใจจากเรื่องเมื่อวานยังหลงเหลืออยู่ ท่าทางเธอไม่ค่อยแจ่มใสเท่าไร
“เอมม่าจะยกให้ชั้นมั้ยคะ”
“….ไม่ต้องห่วงหรอกครับ”
“ถึงตอนนี้น้องยังไม่ออกมาคุยกับชั้นเลย? น้องคงจะเกลียดชั้นไปแล้วสินะ”
“ม…ไม่หรอกครับ เรื่องเอมม่าเกลียดคุณชาร์ล็อตคุณลืมไปได้เลย”
ผมทิ้งช่วงตอนตอบเธอว่าไม่ต้องห่วง ตอนนั้นคุณชาร์ล็อตพูดขัดจังหวะผม เล่นเอาผมตกใจต้องรีบแก้ความเข้าใจผิดเธอ
ผมคาดไม่ถึงว่าคุณชาร์ล็อตจะคิดแบบเดียวกับเอมม่าเลยว่า อีกฝั่งจะเกลียดตัวเองแน่
แต่ถ้ามองจากมุมมองเธอก็พอจะเข้าใจได้ เพราะปฏิกริยาของเอมม่าถึงตอนนี้ เธอคงไม่เคยเจอมาก่อนจะคิดมากก็ไม่แปลก
ด้วยความที่คุณชาร์ล็อตใส่ใจเอมม่ามากๆ แต่เอมม่ายังไม่ตอบสนองในแง่ดี เธอจะคิดว่าน้องเกลียดมันก็ฟังขึ้น
แต่ก็นะ ต้องบอกว่า เรื่องคิดเองเออเองเข้าใจผิดเองนี่ พอกันทั้งพี่น้องเลย สำเนาเดียวกันเป๊ะ
“แต่ว่า..น้องยังโกรธชั้นอยู่นี่คะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอกครับ ถ้ายังไง ลองคุยกับเอมม่าโดยตรงเลยดีมั้ยครับ”
ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ เดี๋ยวเธอคิดมากเกิน สู้ให้เผชิญหน้าตรงๆไปเลยน่าจะดีกว่า และผมเองก็คิดว่าได้เวลาดำเนินแผนการแล้ว ควรรีบลงมือเลย ถ้าปล่อยเวลาล่วงเลยต่อ ผมไม่รู้ว่าเอมม่าจะทำแผนพังก่อนรึเปล่า
จะว่าไป เอมม่าค้างคืนที่ห้องผม แต่ทำไมพ่อแม่ของเอมม่าไม่เห็นว่าอะไรสักคำ ไม่สิ นี่ยังไม่เห็นหน้าพ่อแม่เธอเลยด้วยซ้ำ เท่าที่สังเกตมา ดูเหมือนว่าเธอจะอยู่กันแค่สองพี่น้องด้วย
“อาโอยางิคุง มีอะไรรึเปล่าคะ”
“อ๊ะ? เปล่าครับ แค่คิดเพลินๆว่าเอมม่านอนไปแล้วจะทำอะไรต่อดี”
“อ้อ เด็กคนนั้นถ้าง่วงแล้วหลับตาเมื่อไร คือติดเครื่องไหลยาวปลุกไม่ตื่นแน่ … ยิ่งไปกว่านั้น เอาจริงชั้นแปลกใจมากที่น้องหลับคนเดียวในห้องได้ คิดแล้วเชียวว่าเอมม่าไม่อยากเจอหน้าชั้นแล้วแน่เลย”
ชาร์ล็อตเริ่มกังวล มองโลกในแง่ร้ายอีกแล้ว
เฮ้อ สองพี่น้องคู่นี้ต่างคนต่างก็ให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายแท้ๆแต่ชอบเข้าใจอีกฝั่งผิดๆในแง่ลบเหลือเกิน
“ผมบอกแล้วครับว่าไม่ต้องห่วง เอาเป็นว่า เข้าไปในห้องสิครับ”
ผมเปิดประตู ชวนชาร์ล็อตที่ตอนนี้อยู่ในโหมดโลกมืด เข้าห้องผม
เธอลากขาเดินแบบเนือยๆเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ
แต่ว่าหลังจากเข้าห้องผม วันนี้ผมพาเธอไปที่อีกห้องหนึ่ง ไม่ใช่ห้องประจำที่เคยนั่งเล่นตลอด
“เอ๋ วันนี้ไม่นั่งคุยที่ห้องน้ันเหรอ”
“ใช่ครับ ผมอยากชวนคุณคุยที่ห้องนี้มากกว่า”
“ในห้องมีฟูกนอนปูบนพื้นด้วยใช่มั้ย?”
“หา?”
“อ..อย่างนี้นี่เอง อาโอยางิคุงเป็นเด็กผู้ชาย เมื่อวานเธอเห็นชั้นในสภาพนั้น จะคิดเรื่องอย่างว่าก็ไม่แปลก… แต่ว่า พวกเราสองคนยังไม่คบกันเป็นทางการเลยนะ แล้วนี่ก็ยังไม่มืดสนิทเลย แถมเอมม่ายังอยู่ห้องข้างๆ …. แล้วเดิมที ที่เห็นชั้นในสภาพนั้นมันคืออุบัติเหตุ จะให้ทำอย่างว่าตอนนี้ ชั้นกับเขายังไม่รู้แน่ชัดถึงความรู้สึกอีกฝั่งด้วย…”
อะไรของคุณชาร์ล็อตหว่า อยู่ๆก็พูดรัวเป็นแร็พเปอร์เลย ฟังไม่ออกเลยว่าพูดอะไร แต่ที่แน่ๆคือหน้าคุณชาร์ล็อตแดงแป๊ด แถมไม่กล้าสบตาผม เป็นแอบเหล่ผมนิดๆแทน
ไม่สิ บางทีเธอเข้าใจผิดผม ชนิดคนละโลกเลย
“เอ่อ คือว่า ที่ผมชวนเข้ามาอีกห้อง จุดประสงค์ผมมีแค่คุยกับคุณล้วนๆนะครับ”
“เอ๊ะ? อย่าบอกนะว่าเธอได้ยินที่ชั้นพูดทั้งหมด”
“ไม่หรอกครับ ฟังจับใจความไม่รู้เรื่องเลย แต่เห็นอยู่ๆท่าทีคุณผิดไปจากเดิม ผมเลยบอกเผื่อไว้เฉยๆ”
“………”
ผมกล่าวจบ หัวเราะแห้งๆให้เธอ ส่วนคุณชาร์ล็อตตอนนี้เธอยกสองมือปิดหน้าตัวเอง เขินบิดตัวไปมา
สรุปว่าเธอจินตนการเรื่องอะไรไปบ้างนะ…..
“ได้โปรดลืมเรื่องเมื่อสักครู่ด้วยนะคะ”
“อ..อืม.. ถึงผมจะฟังคำพูดที่คุณรัวตะกี้ไม่ออก ก็เพื่อความสบายใจ ผมจะลืมนะครับ คุณก็อย่าคิดมากนะครับ”
เห็นท่าทางอายม้วน เขินบิดไปมาแบบนั้น ใจหนึ่งก็อยากจะถามเธอว่า สรุปที่เธอรัวตะกี้ เธอพูดว่าอะไรบ้าง แต่ดูสภาพแล้ว ถึงไปคะยั้นคะยอ เธอคงไม่บอกผมแน่ เลยเลิกความคิดที่จะถามเธอ
หลังจากนั้น ผมพาเธอไปยังห้อง เปิดประตูพาเข้าไป
“ล็อตตี้…”
ที่ห้องมีเอมม่ารอเธออยู่
“เอมม่า?…์แล้วก็นี่มัน…โดมิโน่..?”
ชาร์ล็อตที่คาดไม่ถึงว่าจะเจอเอมม่าที่ห้องนี้ และบนพื้นมีโดมิโน่เป็นจำนวนมากเรียงรายอยู่
หลายคนคงเดาแผนการของผมออกได้ ถูกต้องนะครับ แผนคืนดีที่ผมคิดให้เอมม่าคือ โดมิโน่
“เอมม่าจัง จัดไปครับ”
“อืม..”
เมื่อเอมม่าได้ยินคำพูดผม เธอล้มโดมิโน่ตัวแรก โดมิโน่ล้มเรียงรายเป็นทอดๆ
เมื่อโดมิโน่ตัวสุดท้ายล้มลง ภาพที่ปรากฏขึ้นมาคือตัวอักษรปรากฏเป็นคำว่า
“I’m sorry…”
ชาร์ล็อตเห็นตัวอักษร เธอหลุดปากพูดคำพูดออกมาตามภาพตัวอักษรโดมิโน่
ผมคิดว่า ถ้าทำตามแผนการของผมเรื่องเรียงโดมิโน่ ความรู้สึกของเอมม่าน่าจะส่งต่อถึงเธอได้
สรุปง่ายๆว่า ภาพมือถือที่ผมให้เอมม่าดู คือโดมิโน่สีขาวกับสีดำ เรียงสลับกันให้เป็นตัวอักษรนั่นเอง
ในเมื่อเอมม่าไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง งั้นก็ต้องใช้สิ่งอื่นเป็นตัวแทนในการส่งความรู้สึก เท่านี้เอมม่าก็น่าจะขอโทษแทนเอ่ยปากตรงๆได้
“โดมิโน่พวกนี้…อาโอยางิเป็นคนเรียงรึคะ”
“ผมแค่ออกไอเดียเฉยๆ คนเรียงทั้งหมดคือเอมม่าคนเดียวครับ”
“ทั้งที่เอมม่าเกลียดการเรียงโดมิโน่รึคะ..”
“ใช่ครับ แต่ถึงอย่างนั้น เอมม่าก็ตัดสินใจเรียงคนเดียว ผมคิดว่าคุณชาร์ล็อตน่าจะเข้าใจความรู้สึกของน้องนะครับ”
“….”
ชาร์ล็อตที่ตะลึงกับโดมิโน่ หันไปมองเอมม่า
เอมม่าที่เห็นคุณชาร์ล็อตมองมา รีบเดินมาหลบข้างหลังผม ก่อนโผล่หน้ามาให้เห็นนิดหน่อย เงยหน้ามองคุณชาร์ล็อต
สิ่งที่ควรทำก็ทำไปหมดแล้ว เหลือลุ้นแค่ว่าคุณชาร์ล็อตจะยกโทษให้เอมม่าหรือไม่
*****
จบ CH5-4 ครับ
ตอนต่อไปเป็นตอนจบแล้วนะครับ ใครทนไม่ได้ อยากอ่านให้หายคาใจต้องรีบไปเพจผมเลย555 และในเพจจะประกาศโปรเจ็คแปลนิยายเรื่องใหม่นะครับ คิดว่าน่าจะถูกใจหลายคนไม่มากก็น้อยครับผม
ปล.ว่าไปมีใครเดาถูกมั้ยนิว่าอาโอยางิเลือกใช้วิธีนี้ ผมเดาถูกนะ55
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon