otonari asobi เล่ม 2 ch7-3 คำทักทาย
ผมเป็นผู้ชาย ผู้หญิงชวนมา ว่าไงก็ว่าตามนั้นละกัน
“ถ้างั้นก็ลองเดินทางด้วยเส้นนั้นดูละกันครับ นานๆทีเดินเส้นทางเปลี่ยนใหม่ จะได้สนุกกับการเปลี่ยนวิวเปลี่ยนบรรยากาศไปด้วย”
คุณชาร์ล็อตสีหน้าจ๋อย ผมเลยหัวเราะพูดในสิ่งที่เธอน่าจะพอใจเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ และดูจะได้ผลดี เพราะสีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นความยินดี
“ข..ขอบคุณนะคะ”
อืม ยังไงเธอก็เหมาะกับท่าทีสดใสมากกว่าท่าทีเศร้าสลดล่ะนะ
ผมอยากให้เธอยิ้มและหัวเราะตลอดไป
“เรื่องนี้ไม่ได้ดีขนาดต้องขอบคุณหรอกครับ”
ผมยิ้มพลางกล่าว แล้วเริ่มออกเดินไปเส้นทางนั้น
หูผมได้ยินเสียงแว่วๆ
“ทำไงต่อดีน้า…ในตอนนี้..ชั้นอ้อนเขามากไปรึเปล่านะ”
ชาร์ล็อตกล่าวพึมพำ ยกมือขวาแตะแก้มตัวเอง
ว่าไปเธอกล่าวอะไรหว่า ได้ยินไม่ชัดเลย
จริงๆแล้วเธอเป็นคนนิสัยชอบคุยกับตัวเองบ่อยอยู่แล้วรึเปล่านะ
แต่ก็นะ จะไปใส่ใจเรื่องยิบย่อยก็แลดูติงต๊อง
ผมเดินไปพลางคิดไปพลางเรื่องพวกนี้ แล้วก็เอะใจขึ้นมา… มีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นละ
“แฮ่ก…แฮ่ก…แฮ่ก..ขอโทษค่ะ ..อาโอยางิคุง”
ผมหันกลบไปดูพบ ว่าชาร์ล็อตอยู่ข้างหลังในสภาพเหนื่อยสายตัวแทบขาด ลมหายใจขาดห้วง
ตอนเดินมาด้วยกัน ผมคิดว่าปล่อยเธอเดินคนเดียวคงไม่น่าไหวเพราะไม่รู้ทาง เธอเลยเดินเกาะแขนเสื้อผมมาตลอด
ก่อนหน้าก็เคยคิดว่าคุณชาร์ล็อตไม่น่าจะเป็นพวกเล่นกีฬาเก่งแต่ไม่นึกว่าสมรรภาพทางกายเธอจะง่อยหนักขนาดนี้
ตอนนี้เธออยู่ในสภาพขาสั่นหอบหนัก ย่ำแย่เอามากๆ เดินขึ้นเนินต่อไปคงไม่น่ารอด
“ไหวมั้ยครับ พักเหนื่อยก่อนสักแปบมั้ย”
ท่าทางเธอดุจะตายให้ได้ ผมเลยเสนอตัวเลือกหยุดพักก่อน
“ต..แต่ว่า…ถ้าหยุดพัก…อาจจะไปสายก็ได้นะ…อาโอยางิคุง…ปล่อยชั้นกับเอมม่าไว้ที่นี่แล้วไปโรงเรียนก่อนก็ได้ เดี๋ยวชั้นตามไปทีหลัง”
“ผมจะปล่อยได้ไงครับ เกิดอะไรขึ้นมาจะทำไงครับ”
สภาพคุณชาร์ล็อตตอนนี้ เกิดปล่อยเธอไว้แล้วเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา งานหยาบกว่าเก่าอีก แถมตอนนี้คราวซวยคือเป็นเดือน 9แท้ๆ แต่อากาศก็ค่อนข้างร้อนซะงั้น ไม่ต่างกับฤดูร้อนเลย
“แต่ว่า..วันนี้มีสอบนะคะ..”
“เรื่องนั้นมัน…ช่วยไม่ได้ครับ..ถ้าไม่ทันจริง อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดครับ”
“ไม่หรอก..ถ้าอาโอยางิคุง..ไปตอนนี้..ยังทันเวลานะคะ”
“ขอโทษนะครับ คุณชาร์ล็อต ถ้าผมปล่อยพวกคุณไว้ที่นี่ ผมจะรู้สึกเสียใจภายหลังแน่ และผมไม่สามารถเพ่งสมาธิไปกับการสอบจนกว่าจะเห็นคุณมาอยู่ดี แล้วก็ถึงจะสายหน่อย แต่ไม่ได้แปลว่าหมดสิทธิ์สอบนะครับ อาจจะเสียเวลาสอบหายไปนิดหน่อย ผมอยากให้คุณเดินไปด้วยกันกับผม มันเป็นคำขอร้องที่ดูเอาแต่ใจ แต่ก็อยากให้คุณรับฟังครับ”
“อ..อาโอยางิคุง ขอโทษจริงๆนะคะ”
ชาร์ล็อตทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขณะขอโทษผม
เอาแบบพูดจากใจจริงนะ เดินทางมาเส้นทางนี้ผมไม่นึกฝันสักนิดว่าจะมีเหตุการณ์แนวนี้เกิดขึ้นได้ และว่าตามตรง ผมไม่อยากจะไปสายหรอก สำหรับผมการไปสอบสายนี่มันโคตรร้ายแรงมากเลยนะ
แต่ว่า ในเมื่อมันเลี่ยงไม่ได้ ถ้าสายก้ต้องสายแหละ แถมคนที่ตัดสินใจในตอนท้ายว่าให้เลือกเส้นทางนี้ก็คือตัวผมเอง
ฉะนั้นเรื่องนี้ชาร์ล็อตไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบเลย และผมก็บอกรายละเอียดความชันของถนนเส้นนี้ไม่ได้ดีพอด้วย วันนี้เป็นวันสอบ แต่ทะลึ่งเลือกถนนเส้นนี้แทนที่จะเลือกในวันทั่วไปที่ไม่คอขาดบาดตาย ฉะนั้นคนที่ผิดจริงๆคือผมเอง
“ไม่ต้องขอโทษครับไม่ต้องใส่ใจเรืื่องนี้เลย ผมเองนี่แหละที่อยากให้คุณชาร์ล็อตสนุก เลยเร่งฝีเท้าเดินมากเกินไปไม่ได้คิดเผื่อคุณ เดี๋ยวต่อจากนี้เปลี่ยนเป็นเดินดุ่มๆ มาคุยเรื่องสนุกไปด้วยดีกว่าครับ”
ผมส่งยิ้ม พยายามอธิบายให้เธอฟังด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ก่อนจะคุยต่อ
“ว่าไป ผมขอฟังเรื่องมังงะที่คุณชาร์ล็อตชอบจะได้มั้ยครับ”
ผมลองถามเรื่องอื่น เผื่อจะช่วยเบนความรู้สึกผิดของเธอ และหาเรื่องคุยไปด้วย
“แต่ว่า อาโอยางิคุงไม่ได้ชอบมังงะ…”
“ถึงผมจะไม่ชอบ แต่มันเป็นสิ่งที่คุณชาร์ล็อตชอบนี่ครับ ถ้าคุณชาร์ล็อตบอกสิ่งที่ชอบให้ผมฟัง ผมจะรู้สึกดีใจมากๆครับ”
“เอ๊ะ เรื่องนี้มัน…”
ชาร์ล็อตฟังสิ่งที่ผมพูด เธอกล่าวเสียงสูงด้วยความตกใจ เพราะไม่นึกว่าผมจะพูดแบบนี้ออกมา
เอมม่าที่อยู่ในอก มีอาการยุกยิกหลังจากได้ยินเสียงดัง แต่ก็ไม่ได้ตื่น เสียงลมหายใจยังคงสงบนิ่ง ดุท่าว่าน้องจะหลับลึกจริง
ผมมองน้องแล้ว โอเค น้องยังไม่ตื่นเลยหันไปดูคุณชาร์ล็อต พบว่า ตอนนี้สีหน้าเธอแดงแป้ด ขยับปากพะงาบๆ
“ป..เป็นอะไรเหรอครับ”
“ก็คำพูดที่เธอบอกตะกี้น่ะ..”
“คำพูดเมื่อกี้… อ้ออออ”
คำพูดมันดูมีความหมายลึกซึ้งนี่หว่า ไอ้การบอกแบบนี้มันแนวคู่รักอ้อนกันชัดๆ
“ขอ..ขอโทษนะครับ ที่ผมบอกไม่ได้มีความหมายลึกซึ้งนะครับ”
แน่นอนว่า สิ่งที่บอกไม่ได้คิดอะไรเลย มีเพียงแค่ความรู้สึกจากใจว่าถ้าเธอได้พูดในสิ่งที่ชอบ ผมก็ดีใจ แค่นั้นแหละ
ผมคิดอย่างนี้เลยพูดออกไป ภาษากายก็น่าจะบอกชัดด้วยว่าไม่มีอะไรพิเศษ แต่ว่าทำไมเธอดูท่าทีเปลี่ยนไปนะ
“มีอะไรรึเปล่าครับ”
“เปล่า ไม่มีค่ะ”
มีเห็นๆ แต่ดันบอกแบบนี้ เล่นเอาผมหยุดพิจารณาเธอก่อน ไม่กล้าเดินต่อเลย
พอเห็นผมหยุด ชาร์ล็อตส่งยิ้มให้ผม
“ถ้าชั้นพุดเรื่องมังงะที่ชอบ อาจจะเร่งฝีเท้าให้เร็วกว่าเดิมก็ได้นะ”
เธอกล่าวพลางแลบลิ้นเยาะผมเบาๆ เห็นชัดว่าบรรยากาศเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
การเห็นชาร์ล็อตทำแบบนี้ มันเเป็นอีกมุมมองที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเล่นเอารู้สึกเหมือนโดนกุมหัวใจไป
สุดท้ายเธอก็เกาะแขนเสื้อผม พลางเล่ามังงะที่ตัวเองชอบไปด้วย พวกเราเดินไปด้วยกัน มุ่งสู่สถานรับเลี้ยงเด็ก
แต่ถ้าผมเดินเข้าไปด้วยพร้อมกันมันดูไม่ดี เลยกะว่าจะอยู่แถวๆหน้าสถานรับเลี้ยงเด็กก็พอ
เมื่่อเดินเรื่อยๆ ถึงจุดๆหนึ่ง ทางเปลี่ยนจากชัน เป็นลาดลง คุณชาร์ล็อตเริ่มสนุกขึ้นมาละ คงดีใจว่าใกล้ถึงจุดหมายแล้ว
คุณชาร์ล็อตอุ้มเอมม่าเข้าไปในสถานรับเลี้ยงเด็ก เอมม่าก็เริ่มตื่น ผมได้ยินเสียงเอมม่าร้องไห้ดังลอยมา
ก็เป็นไปตามที่คาดไว้แหละว่าพอเอมม่าถึงจุดหมาย เธอต้องอาละวาดแน่
แต่ว่า..เสียงร้องไห้หยุดเร็วกว่าที่คิด ชาร์ล็อตที่อยู่ในสภาพเหนื่อย เดินมาหาผม
“เหนื่อยหน่อยนะครับ ยังไหวรึเปล่า”
“ไหวค่ะ ขอโทษด้วยที่ต้องรอนะคะ”
เธอกล่าวขอโทษผม หัวเราะแห้งๆ
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องใส่ใจครับผม”
ผมหัวเราะตอบกลับ เจอเธอเงยหน้ามองตาผม เล่นเอาผมรู้สึกเหมือนโดนขโมยหัวใจไป เพราะว่าสีหน้าท่าทางของเธอที่กำลังเหนื่อย มันดุน่ารักไปอีกแบบ ผมไม่อยากให้เธอรู้ว่าใจเต้นอยู่ตอนนี้เลยตีสีหน้านิ่ง กล่าว
“เอมม่าจังไม่เป็นไรใช่มั้ยครับ”
ว่าไป ดูสภาพเธอตอนนี้ก็ ร่างกายก็น่าจะฟื้นฟูในระดับหนึ่ง ดูไม่เหนือยเหมือนตอนอยู่บนเนิน คิดว่าถ้าเร่งฝีเท้ากลับ ก็น่าจะไปโรงเรียนทันอยู่นะ
“ก็อาละวาดแหละค่ะ แต่พอเธอรู้สึกตัวว่าแคลร์จังกำลังมองเธออยู่ ก็เลยหยุดร้อง ทำตัวดีขึ้นเลยค่ะ”
“อ้อ มิน่าล่ะหยุดร้องไวกว่าที่ผมคิดเยอะเลย”
“ใช่ค่ะ คิดว่าการที่ถูกเพื่อนในวัยเดียวกันเห็นตัวเองตอนร้องไห้กับอาละวาดมันเป็นเรื่องที่น่าอายมั้งคะ”
“ถึงเป็นเด็กเล็ก แต่ก็มีศักศรีดิ์ด้วยสินะ”
“คิดว่าเป็นตามที่ว่าค่ะ เลยทำตัวเข้มแข็งขึ้นมาผิดหูผิดตาเลย”
ถึงเป็นเด็กขี้อ้อน แต่ก็ต้องไว้ลายตัวเองนิดหนึ่งสินะ ก็สมเป็นน้องสาวคุณชาร์ล็อตอะนะ
“ถ้าเป็นแบบนี้ คิดว่าต่อไปตั้งแต่พรุ่งนี้ก็คงไม่มีอะไรให้กังวลแล้วสิครับ”
มันง่ายเลยทีนี้ ไม่ต้องเสียเวลาปลอบเอมม่านาน พามาถึงสถานรับเลี้ยงเด็ก ให้น้องรู้ตัวว่าแคลร์จังมองอยู่ คือจบละ
“นั่นสินะคะ”
ชาร์ล็อตพยักหน้า ยิ้มเล็กน้อยขณะตอบผมกลับ
หลังจากนั้นผมกับเธอก็เงียบไปเลย ผมเลยคิดว่า เดี๋ยวจะเดินทางไปโรงเรียนละ
แต่ว่า จากตรงนี้ไป นักเรียนเริ่มพลุกพล่านแล้วเพราะใกล้ถึงโรงเรียน ตามที่ผมเคยบอกว่าไม่อยากให้ใครรู้เยอะ เลยจะให้ชาร์ล็อตเดินล่วงหน้าไปก่อน
พอผมบอกเธอแบบนี้ สีหน้าเธอกลับมาเศร้า ผมเองก็รู้ทั้งรู้นะ แต่ก็ต้องให้เธอล่วงหน้าไปคนเดียวก่อนอยู่ดี
กระนั้น ผมก็ไม่อยากให้เธอต้องแบกรับความรู้สึกผิดนะ เพราะมันคือการตัดสินใจของผมเอง เธอไม่จำเป็นต้องเศร้าเลย
ผมคิดอยู่ในใจขณะที่รอให้คุณชาร์ลอตหายลับไปจากสายตา ผมจึงเริ่มก้าวเท้าไปโรงเรียน
******
จบ 7-3
อยากอ่านไวกว่าใครนิดหนึ่ง คลิกติดตามเพจผู้แปลได้ตรงนี้เลยจ้า kurakon