otonari asobi เล่ม 2 ch10-3 ช่วยเหลือสาวงามนักเรียนแลกเปลี่ยน
“คุณแม่ท่านบอกว่า ต่อให้คุณชาร์ล็อตย้ายบ้านก็เปลี่ยนสถานรับเลี้ยงเด็กไม่ได้เหรอครับ”
วันนี้ช่วงเย็น หลังจากผมกับชาร์ล็อตกินข้าวที่ห้องเสร็จเรียบร้อย ระหว่างที่เอมม่าหลับ คุณชาร์ล็อตเล่าเรื่องที่คุยกับแม่ให้ผมฟัง
“ค่ะ…ชั้นก็ไม่เข้าใจค่ะว่าท่าน….บางทีท่านอาจจะคิดว่าพวกชั้นต่อให้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน ก็ปรับตัวได้ ล่ะมั้งคะ”
ผมพอจะทราบว่าแม่ชาร์ล็อตทำงานยุ่งมาก… บางที …เธอพยายามพูดในแง่ดีเพราะเห็นใจแม่ในจุดนี้ล่ะมั้ง
แต่ว่านี่มันเรื่องครอบครัวนะ
“ผมจำได้ว่าคุณชาร์ล็อตบอกว่าแม่คุณเป็นคนใจดี ผมไม่คิดว่า ท่านจะไม่คิดอะไรเลยในเรื่องนี้นะ”
“แต่ว่า..แม่ชั้น..อาจจะเคียดแค้นชั้นอยู่ก็ได้ค่ะ”
“เคียดแค้นเหรอ หมายความว่าไงครับ”
“เป็นเพราะชั้นเอง คุณพ่อ… อ๊ะ ขอโทษนะคะ วันนี้ชั้นขอตัวกลับก่อนนะคะ”
ชาร์ล็อตอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เหมือนเธอจะนึกขึ้นได้ว่าไม่ควร เลยตัดบทสนทนา คว้าเอมม่าที่นอนอยู่อุ้มขึั้นบ่า เปิดประตูห้องหายลับไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ผมซักถามใดๆ
ผมนั่งคิดอยู่ว่า ตอนนี้เราไม่รู้สถานการณ์เป็นยังไงเลยไม่สามารถให้ความเห็นได้ แต่ว่า ไอ้คำว่าเคียดแค้นที่คุณชาร์ล็อตูดตะกี้ จะบอกว่าแม่เคียดแค้นลูกอยู่งั้นเหรอ
สิ่งที่ผมรู้ตอนนี้คือพ่อคุณชาร์ล็อตเสียไปแล้วหลายปีก่อนหน้า
ส่วนคุณแม่ก็เริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมจากคนใจดี กลายมาเป็นคนแบบนี้ก่อนคุณชาร์ล็อตต้องย้ายมาญี่ปุ่นได้ไม่นาน
ถ้าคนเราจะเคียดแค้นอะไรใคร มันจะมีพฤติกรรมใจดีให้ด้วยเหรอ มันควรจะแค้นและใส่แหลกแต่แรกสิ
บางทีเธอคงคิดอะไรในแง่ลบเกินไปมั้ง
เรื่องราววันนี้มันมีอะไรหลายอย่างเกิดขึ้น เลยทำให้เธอคุมอารมณ์ไม่ได้ เลยหลุดพูดอะไรประหลาดๆมากกว่า
ถ้าผมแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ให้เธอไม่ได้ เธอคงไม่มีทางกลับมาสดใสร่าเริงได้แน่
ผมอยากให้เธอกลับมาสนุกอีกครั้ง
แต่ว่าควรทำไงล่ะ
สรุปวันนี้ทั้งวันตั้งแต่เรียน ยันที่บ้าน ผมนั่งคิดหาวิธีแก้ไขปัญหาตลอด
มันไม่ใช่จบแค่ชาร์ล็อต ยังมีเรื่องของเอมม่าอีก
ถ้าปัญหามันตกที่ผมเอง ผมพร้อมแบกรับได้อยู่แล้ว แต่คุณจะให้ปัญหาพวกนี้ให้น้องที่เป็นเด็กเล็กต้องมาแบกรับด้วยเหรอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เด็กควรได้รับแน่
แถมผมเองก็ไม่ได้อยากจากเอมม่าซะด้วยสิ
เอาไงดีนะ
…..
สุดท้ายก็ไม่รู้หรอกว่า วิธีนี้จะดีหรือไม่ดี อาจจะเป็นตัวเลือกที่แย่ที่สุดก็ได้ ลองดูละกัน
ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเลื่อนรายชื่อก่อนกดโทรออก
“สวัสดีครับ ขอโทษที่โทรมาเวลามืดค่ำป่านนี้ อาจารย์มิยุสะดวกคุยมั้ยครับ”
***ตัดแหลกเลยละกัน อาโอยางิปรึกษาอาจารย์เรื่องคุณชาร์ล็อต อาจารย์เลยขับรถมารับถึงหอ พาอาโอยางิไปทะเล เพราะอยากคุยแบบเจอหน้ากัน และไม่อยากคุยในร้านคาเฟ่ใกล้ๆเพราะกลัวนักเรียนคนอื่นหรือชาร์ล็อตรู้
ตอนขึ้นรถ อาจารย์ก็จะแซวอาโอยางิเรื่่องชาร์ล็อตว่า อาโอยางิควรจะหัดขับรถให้เป็น เพราะอนาคตจะได้ขับรถพาชาร์ล็อตไปเดทได้
แล้วก็อาจารย์จะแซวเรื่องงานปาร์ตี้ต้อนรับ ที่อาโอยางิไปเป่าลมใส่หูชาร์ล็อต เล่นเอาอาโอยางิกัดฟันกรอดเลยว่ ใครแม่มบอกเรื่องนี้ให้อาจารย์รู้วะ แล้วก็คุยเรื่องความสัมพันธ์อาโอยางิกับชาร์ล็อตพัฒนาไปในทางที่ดีมาก
พออาจารย์ขับรถมาถึงทะเล อาโอยางิจะถามว่า ตรงนี้เป็นสถานที่นัดเดทเลยนะ ทำไมถึงพามาที่นี่ เลยโดนอาจารย์แซวกลับว่า ก็รู้ดีนิว่าเป็นจุดนัดเดท เก็บไว้เป็นข้อมูลเผื่อว่าจะพาชาร์ล็อตมาเดทรึไง เล่นเอาอาโอยางิปวดกบาล บอกว่า จารย์แม่มไร้สาระตลอด
หลังจากนั้น อาโอยางิจะเล่ารายละเอียดเรื่องคุณชาร์ล็อตกับเอมม่าที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้ฟัง
อาจารย์ฟังอาโอยางิเล่าจนจบ ไม่ขัดจังหวะใดๆ ถึงชมว่า อาโอยางิเป็นคนอ่อนโยนกว่าใครๆเลยนะ เพราะมีจิตใจที่ดีงาม ใส่ใจในความรู้สึกเอมม่า คงเพราะเห็นว่า เอมม่าในตอนนี้มีอดีตที่คล้ายคลึงกับตัวเอง
อาโอยางิบอกกลับว่า มันแตกต่างกันตรงที่เอมม่าเป็นเด็กผู้หญิง และเธอเป็นเด็กเล็กด้วย มันไม่เหมือนกันเลย อย่างเรื่องที่เอมม่ามีปัญหาตอนนี้ คือเรื่่องของการสื่อสารที่พูดญี่ปุ่นไม่ได้ มันต่างจากผม
หลังจากนั้น จะคุยกันเ อาจารย์จะบอกว่า มีไอเดียอะไรก็เสนอมาเลย ให้ลองคิดในมุมมองว่า ถ้าตัวเราตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับเอมม่า จะแก้ไขปัญหายังไง
อาโอยางิจะขอบคุณ ซาบซึ้งว่า จริงๆตัวเองนี่แม่มโคตรเด็กมีปัญหา ทำให้อาจารย์ห่วงหลายเรื่องจริงๆ และแกเป็นคนที่ดีมาก เพราะว่าลงทุนรับฟังปัญหาและพร้อมจะช่วยเหลืออย่างจริงจัง
อาโอยางิจึงขอร้องให้อาจารย์ช่วยเรื่องหนึ่ง นั่นคือ ขอลาหยุดครึ่งวันได้มั้ย
สาเหตุเพราะว่า การเตรียมการของ และสิ่งที่จะใช้ช่วยแก้ปัญหาเอมม่า มันต้องใช้เวลาในจัดการระยะหนึ่งเลย
ทว่า การขอร้องเรื่อง ลาหยุดครึ่งวัน ทำเอาอาจารย์มิยุตกใจจนเบิกตากว้าง เพราะว่า เป้าหมายของอาโอยางิที่เรียนอยู่ทุกวันนี้ คือจะเข้าเรียนต่อมหาลัยแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงสุดๆ และมีเงื่อนไขที่เข้มงวดมาก ถ้ามีการขาดลา เมื่อไร แปลว่า หมดสิทธิ์เข้าเรียนต่อทันที
อาโอยางิกล่าวตอบไปว่า
“ผมเข้าใจดี แต่ว่าผมปล่อยเอมม่าไว้แบบนี้ไม่ได้ ถึงแม้ว่าผมกับน้องเพิ่งจะรู้จักกันแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่ในความคิดผม น้องเป็นคนสำคัญครับ หากน้องเขาทุกข์ ผมก็อยากเป็นพลังช่วยเหลือน้อง นอกจากนี้ ถึงจะไม่ได้เรียนต่อมหาลัยที่ต้องการ แต่ก็ยังมีมหาลัยอื่นให้เรียนต่อได้อยู่ดี”
ผมหัวเราะพลางกล่าวอย่างจริงจัง ส่วนอาจารย์เจอคำพูดผม เอามือก่ายหน้าผาก สายตามองท้องฟ้า
“เฮ้อ ให้มันได้งี้สิ สำหรับคนอย่างเธอที่วางเป้าหมายไว้สูงขนาดนั้น กลับพูดตัดใจเรื่องเป้าหมายง่ายๆเลย คิดดีแล้วเหรอ”
“ดีสิครับ เผลอๆเรียนจบ ผมไม่ต่อมหาลัย ไปทำงานเลย ก็ใช้ชีวิตตัวคนเดียวได้ละ”
ผมกล่าวย้้ำต่อ
อาจารย์มิยุมองมาที่ผม ส่ายศีรษะ ถอนหายใจเสียงสุง
“เฮ้อ ตามนั้นแหละ เข้าใจละ เดี๋ยวอาจารย์ไปคุยกับผอ.ให้ว่า วันที่เธอลาหยุดครึ่งวัน ต้องไปทำงานอาสาสมัคร เท่ากับว่าเธอจะไม่ได้มีชื่อว่าเป็นคนขาดเรียน”
“มันทำได้ด้วยเหรอครับ”
“ก็ถ้าไม่ใช่เธอที่เป็นนักเรียนระดับที่จะเข้ามหาลัยสุดโหดได้ เงื่อนไขนี้ ถ้าคุยและนึกถึงข้อดีข้อเสียแล้ว ผอ.มันก้ต้องยอมรับแหละ”
“ขอบคุณครับ”
“แล้วชั้นจะติดต่อไปที่สถานรับเลี้ยงเด็กที่เอมม่า เพื่อขอให้เขาอนุญาตให้เธอกับชาร์ล็อตไปเป็นอาสาสมัครที่นั่น เธอเองก็คุยตกลงกับชาร์ล็อตให้ดีก่อนว่า โอเคกับสิ่งท่ี่จะทำมั้ย ถ้าชาร์ล็อตไม่โอเคในสิ่งที่เธอทำ อาจารย์ก็ไม่ช่วยในเรื่องนี้นะ”
อาจารย์มิยุกล่าวจบใช้สันมือเคาะหัวผมป๊อกๆ เบาๆสองที
“ขอบคุณอาจารย์มากครับ”
“เรื่องเล็กน่า แค่ทำเพื่อนักเรียนที่น่ารักคนหนึ่งเอง”
“…..”
“นี่ อาโอยางิ”
“ครับ”
“สำหรับเธอที่ถูกหลายคนแทงข้างหลัง แต่ก็ไม่เปลี่ยนแนวคิดที่จะช่วยคน ขอให้จำไว้ว่า คนแบบเธอ ยังมีพันธมิตรที่คอยช่วยเหลือเธออยู่ด้วยนะ อย่าแบกรับปัญหาไว้ตัวคนเดียวนะ ส่วนเรื่องคุณชาร์ล็อต ชั้นกับไซออนจิ ฝากความหวังไว้กับเธอด้วยนะ”
สีหน้าท่าทางอาจารย์มิยุที่พูดตอนนี้ ช่างดูอ่อนโยนมากเเหลือเกิน
“..ข..เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ”
ผมกล่าวขอบคุณจบ อาจารย์ไม่ว่าอะไร หันสายตาไปมองวิวทะเล ส่วนผมก็มองอาจารย์จากด้านข้าง พร้อมเดินดูทะเลไปด้วยกันกับอาจารย์
******
จบ CH 10-3
กะจะตัดให้แหลกเลย แต่เด๋วหาว่าเบี้ยวงาน เลยเอาส่วนจำเป็นที่คุยกับจารย์มิยุมาให้ดู เพราะมันมีเรื่องไอเดีย กับใจของอาโอยางิที่ยอมเสียสละเป้าหมายเพื่อน้อง และจะได้รู้ว่ามีดราม่าอะไรต้องรอไปวัดใจเล่มสามอีก กับอดีตอาโอยางิเรื่องครอบครัว ปวดหัวชิบหาย 55