ตอนที่ 22 ใครที่ตัดหัวของมันได้ คนๆนั้นคือแขกผู้มีเกียรติ.
เมฆครึ้มที่ด้านนอกมหาวิหาร ทำให้บรรยากาศโดยรอบดูขุ่นมัว
หลังจากฟ้าร้อง พายุฝนก็ตามมา
สายฝนโหมกระหน่ำไปทั่วลานกว้าง
ภายในมหาวิหารมีลมพัดแรงจนทำให้เกิดเสียงที่ทำให้รู้สึกหดหู่
ใครบางคนในฝูงชนเริ่มซุบซิบกันอีกครั้ง
“นี่มันน่าเหลือเชื่อมาก!”
“ฉันไม่เคยเห็นใครที่กล้าท้าทายตระกูลหวงแบบนี้มาก่อนเลย เขาไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้วงั้นเหรอ?”
บรรยากาศที่ตระกูลหวงจัดเตรียมไว้อย่างหรูหรา ถูกทำลายลงอย่างสิ้นเชิง
ความยิ่งใหญ่ของตระกูลหวงราวกับถูกเหยียบย่ำจนจมพื้นดิน!
ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่ที่ทุกคนรู้ตอนนี้คือ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะจัดงานศพที่ดีให้กับลูกชายของตัวเองได้
แต่เดิมแขกในงานก็รู้สึกไม่ปลอดภัยอยู่แล้ว ในตอนนี้เมื่อพวกเขาเห็นตระกูลหวงกำลังเจอวิกฤต พวกเขาก็ยิ่งพร้อมที่จะจากไปตลอดเวลา
“นี่! เป็นของขวัญที่ดีจริงๆ!”
ใบหน้าของหวงเจิ้งหมิงมืดมนราวกับจานผสมสี
ทั้งที่มีลูกน้องมากมาย แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรเฉินซ้งเหิงได้!
ตอนนี้ต่อให้ไม่ต้องบอก หวงฮงฮุยก็รู้ว่าเขาจะต้องทำอะไร
“พวกแกมัวรออะไรกันอยู่! วันนี้นิ้วของมันมีมูลค่า 10 ล้านต่อหนึ่งนิ้ว สำหรับคนที่ตัดหัวของมันมาได้ ฉันจะถือว่าคนๆนั้นเป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลหวงของเรา!”
หวงฮงฮุยก็ตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
เมื่อได้ยินเช่นนี้แขกคนหนึ่งที่มีชื่อเสียงด้านศิลปะการต่อสู้ก็เริ่มที่จะอยากลองของขึ้นมา
การที่ได้เป็นแขกผู้มีเกียรติของตระกูลหวงนั้นมันเป็นรางวัลที่ไม่ธรรมดาเลย
หากเกิดอะไรขึ้นมาก็จะได้รับการช่วยเหลือจากตระกูลใหญ่ ไม่มีรางวัลอะไรที่น่าตื่นเต้นมากไปกว่านี้อีกแล้ว
หนึ่งในแขกที่มาร่วมงานกล่าวขึ้น
“นายน้อยหวง ท่านมีสิทธิตัดสินเรื่องนี้ด้วยอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของหวงฮงฮุยมืดลง ถึงแม้ว่าตำแหน่งหัวหน้าตระกูลในอนาคตจะเป็นของเขาแน่ๆแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังไม่ใช่ตอนนี้
เขาเสแสร้งแสดงรอยยิ้มใจดีไปทางพ่อของเขา
หวงเจิ้งหมิงชำเลืองมองหวงฮงฮุย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นด้วย แต่เวลานี้เขาก็ไม่ควรที่จะทำให้ลูกชายตัวเองต้องขายหน้า
“ถูกตามที่ลูกชายของฉันพูด คนที่ตัดหัวมันได้ ตระกูลหวงของเราจะจ่ายเพิ่มให้อีกหนึ่งร้อยล้าน!”
ภายใต้รางวัลที่มากมายนี้ก็มีผู้กล้าที่ไม่กลัวตายปรากฏตัวขึ้น
คนมากกว่าสิบคน เสนอตัวออกมาข้างหน้า
แม้ว่าคนเหล่านี้จะไม่ได้มาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แต่พวกเขาก็พอจะมีชื่อเสียงอยู่บ้าง
หากวันนี้พวกเขาทำสำเร็จ อนาคตของพวกเขาก็จะขึ้นไปอยู่บนจุดสูงสุด
หากเขาสามารถเข้าใกล้ตระกูลหวงได้ เขาก็จะได้รับความมั่งคั่งมากมายเกินกว่าที่คนทั่วไปจะสามารถจินตนาการได้
“หัวหน้าตระกูลหวง ปล่อยให้ฉันเป็นคนจัดการผู้ชายคนนี้เอง” ในตอนนี้เอง ชายวัยกลางคนก็ก้าวออกมาข้างหน้าและกล่าวอย่างหยิ่งผยอง
บนแท่นสูง หวงเจิ้งหมิงยืนยิ้มจางๆอย่างเจ้าเล่ห์ ชายคนนี้มีชื่อว่าเจิ้งเล่ย เขาก็เป็นนักสู้ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ เขาจะต้องจัดการกับอีกฝ่ายได้อย่างแน่นอน
น่าเสียดายที่วินาทีต่อมา หวงเจิ้งหมิงและแขกในงานก็ต้องตกตะลึงกับฉากที่เกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา
“แกควรจะคุกเข่าอย่างชื่อฟังจะดีกว่า มิเช่นนั้น…”
ด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า เฉินซ้งเหิงกล่าวว่า “มิเช่นนั้นจะทำไม?”
“มิเช่นนั้นแกจะตา…”
กร๊อบ!!
วินาทีต่อมาราวกับถูกฟ้าผ่า ใบหน้าของเจิ้งเล่ยบิดเบี้ยวด้วยพลังมหาศาล…
“หวงซู่หยางยังต้องตายด้วยเงื้อมของฉัน แล้วแกคิดว่าแกเป็นตัวอะไร?” เขาถอนมือขวากลับมาแล้วหยิบผ้าผืนสี่เหลี่ยมเล็กออกมาเช็ดฝ่ามือราวกับสุภาพบุรุษ
การเคลื่อนไหวของเขานั้นรวดเร็วมาก เร็วเกินกว่าที่สายตาของคนธรรมดาจะมองเห็นได้
ร่างยังคงสมบูรณ์ แต่กลับไร้หัว
หัวของเจิ้งเล่ยบินไปในอากาศ
ร่างที่ไร้หัวของเขาค่อยๆคุกเข่าลงกับพื้น!
เลือดที่พุ่งกระฉูดกระเด็นไปโดนผู้คนที่อยู่รอบๆ
มีเพียงบางคนที่มีดวงตาที่เฉียบคมเท่านั้นที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น!
เมื่อกี้เขายกมือขึ้นแล้วฟาดออกไปอย่างรวดเร็วราวกับแสงแฟลช
หัวของชายคนนั้นถูกตบจนกระเด็นออกไป
ฝ่ามืออันทรงพลังนี้ทำให้หัวใจของผู้คนต้องสั่นสะท้าน แม้แต่ใบมีดพิเศษของเพชฌฆาตในลานประหารโบราณก็ไม่สามารถทำให้หัวของคนที่ถูกฟันกระเด็นออกไปไกลขนาดนี้ได้
หัวของชายคนนั้นกระเด็นไปตกที่ใต้เท้าของหวงเจิ้งหมิง
ปากของหัวนั้นยังคงอ้าค้าง เขาไม่แม้แต่จะพูดคำที่เหลือออกมาได้
หัวนี้แยกออกจากร่างภายในเสี้ยววินาที
เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกๆคนก็หายใจเข้าลึกๆ ขนที่แผ่นหลังของพวกเขาลุกซู่
ในที่นี้ไม่มีใครคิดเลยว่านักสู้ระดับประเทศจะมีจุดจบแบบนี้
ถึงเงินจะเป็นเรื่องใหญ่ แต่ชีวิตก็มีเพียงแค่ชีวิตเดียว
เมื่อเห็นหัวที่อยู่ใต้เท้า หวงเจิ้งหมิงก็พูดออกมาด้วยความเกลียดชัง
“ทุกคนฟัง! ฉันยินดีที่จะมอบทรัพย์สมบัติครึ่งหนึ่งของตระกูลหวงให้กับคนที่สามารถฆ่ามันได้!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหวงฮงฮุยก็มืดลง
แม้ว่าหวงเจิ้งหมิงจะต้องจ่ายด้วยทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูล เขาก็จะต้องจัดงานศพของลูกชายคนโตครั้งนี้ให้สำเร็จให้ได้
แต่ถึงแม้ว่าหวงเจิ้งหมิงจะยอมจ่ายออกด้วยทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลก็ตาม แต่มันก็คงจะไม่มีใครที่กล้าจะเสนอตัวออกมาอีกครั้งแน่นอน
พวกเขาไม่ต้องการที่จะกลายเป็นศพที่ไร้หัวรายต่อไป
เลือดของคนที่เพิ่งตายไปกระเด็นไปโดนแขกรอบๆ
แต่กลับไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะมีความกล้าที่จะเช็ดมันออก พวกเขาไม่กล้าจะขยับตัวเลยด้วยซ้ำ เพราะพวกเขากลัวว่าตนเองจะกลายเป็นจุดสนใจของเฉินซ้งเหิง
ถ้าเป็นเช่นนั้น ชีวิตของพวกเขาอาจจะจบลงได้
“เยี่ยม! กล้าที่จะแลกด้วยทรัพย์สินครึ่งหนึ่งของตระกูลเลยอย่างนั้นเหรอ? ช่างน่าชื่นชมในความกล้าหาญจริงๆ”
มุมปากของเฉินซ้งเหิงยกโค้งมากขึ้น เขาเดินเขาไปหาหวงเจิ้งหมิงทีละก้าว ช้าๆ
เขายื่นมือออกไปข้างหน้าราวกับต้องการจะจับมือทักทายอีกฝ่าย
แต่มันไม่มีทางที่หวงเจิ้งหมิงจะยอมจับมือกับเขาอย่างแน่นอน เขาเอามือไพล่หลังและจ้องมองร่างที่อยู่ตรงหน้าของเขาอย่างเย็นชา
เขาเป็นถึงหัวหน้าของตระกูลหวงที่ยิ่งใหญ่มากว่าร้อยปี เขาจะยอมจับมือกับชายคนนี้ได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นมือนี้ก็ยังเป็นมือที่ปลิดชีพลูกชายของเขาอีกด้วย
ผู้คนต่างประหลาดใจ เขายื่นมือออกไปทางหวงเจิ้งหมิงทำไม? จับมืองั้นเหรอ? หือ… เขาแตะไหล่ของหวงเจิ้งหมิงทำไม?
ดวงตาของหวงเจิ้งหมิงหรี่ลงด้วยความประหลาดใจ
แต่ก่อนที่เขาจะได้ตอบสนองอะไร พลังที่น่ากลัวก็กดลงมาที่ไหล่ของเขา!
ร่างกายของหวงเจิ้งหมิงสั่นอย่างรุนแรง เข่าของเขาค่อยๆอ่อนแรงลง เขาไม่สามารถต้านทานมันได้เลย
หวงเจิ้งหมิงหัวหน้าตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้กำลังถูกฝ่ามือบังคับให้เขาต้องคุกเข่าลงกับพื้น!
“เมื่อแกเห็นหน้าฉัน แกควรจะคุกเข่าลงนะ” เฉินซ้งเหิงพูดอย่างสงบ
ความเงียบถูกทำลายกลายเป็นความโกลาหล!
นั่นอะไร?!
เกิดอะไรขึ้น?
ผู้นำตระกูลหวงคุกเข่าให้ชายหนุ่มคนนั้น?
หวงเจิ้งหมิงโกรธมาก เขาพยายามจะลุกขึ้นยืน แต่มือของเฉินซ้งเหิงที่อยู่บนไหล่ของเขาทำให้เขาไม่สามารถลุกขึ้นมาได้
เฉินซ้งเหิงมองไปที่ฝูงชนรอบๆอย่างไม่แยแส
แขกที่อยู่รอบๆมหาวิหารต่างก็ตกใจกลัวจนก้าวถอยหลังโดยไม่รู้ตัว
“ไม่ต้องกลัว พวกคุณไม่มีคุณสมบัติพอที่จะมาคุกเข่าต่อหน้าผมหรอก” เฉินซ้งเหิงพูดกับผู้คนที่อยู่รอบๆอย่างไม่แยแส
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกๆคนก็กลายเป็นตกตะลึง
ชายคนนี้!!
เขาหมายความว่าพวกเราทั้งหมดไม่มีคุณสมบัติพอที่จะคุกเข่าให้กับเขางั้นเหรอ?
ผู้ชายคนนี้หยิ่งผยองเกินไป!
เฉินซ้งเหิงยืนนิ่ง มองไปที่ฝูงชน
แท้จริงแล้วตัวตนของเขาคือเทวทูตแห่งความตาย คนธรรมดาจะมีสิทธิมาคุกเข่าขอร้องเขาได้อย่างไร?
การคุกเข่าให้กับเทวทูตแห่งความตายเองก็จำเป็นต้องมีคุณสมบัติเช่นกัน!
พวกแมลงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเขาใกล้เทวทูตแห่งความตายแบบเขาด้วยซ้ำ แล้วจะนับประสาอะไรกับการคุกเข่า?
หวงเจิ้งหมิงระเบิดเจตนาฆ่าออกมา เขาพยายามฝืนขาของเขาให้ยืนขึ้นมา
เขาเป็นผู้นำของตระกูลหวง ในเรื่องพลังการต่อสู้เขาเองก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน
เขาจะยอมแพ้ให้กับชายหนุ่มตรงหน้าได้อย่างไร?
หวงเจิ้งหมิงฝืนลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าที่เคร่งเครียด!
ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องโต้กลับ มิฉะนั้นตระกูลหวงไม่เพียงแต่จะเสียหน้า แต่วิญญาณของลูกชายของเขาก็อาจจะไม่ไปสุขติด้วยเช่นกัน
ตอนนี้หวงฮงฮุยกำลังยืนกำหมัดแน่นอยู่ข้างๆด้วยความโกรธแค้น
หวงฮงฮุยลูกชายคนที่สองของตระกูลหวง ในวัยยี่สิบต้นๆ อารมณ์เขาเป็นดั่งสัตว์ร้ายที่น่ากลัว
นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น มันเป็นราวกับดวงตาของสัตว์ร้ายที่โหดเหี้ยม
ทันใดนั้นหวงฮงฮุยก็หยิบปืนพกสีดำออกมา!
“คุกเข่าลงขอโทษพ่อของฉันซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกและทั้งตระกูลของแกต้องล่มสลาย!” ดวงตาของหวงฮงฮุยดุร้าย! ในฐานะลูกชายคนที่สองของตระกูลหวง ตอนนี้เขาเป็นได้กลายเป็นความหวังใหม่ของตระกูล
อากาศรอบตัวเย็นลงอย่างกะทันหัน
แขกที่มาร่วมงานก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว
นี่เป็นปืนพกที่ห้ามใช้ในประเทศจีน ภายใต้กฎหมายที่เข้มงวดเช่นนี้ แต่หวงฮงฮุยกลับมีมันได้ เขายกปืนขึ้นมาและจ่อไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้า!
สถานการณ์เริ่มยากที่จะควบคุม
“งั้นเหรอ?” แววตาของเฉินซ้งเหิงนิ่งสงบ เขาเดินเข้าไปหาหวงฮงฮุยทีละก้าว
ห่างออกเพียงไม่กี่สิบก้าว ปากกระบอกปืนสีดำเข้มของหวงฮงฮุยกำลังเล็งมาที่เขา
ทันทีที่หวงฮงฮุยเหนี่ยวไกล ลูกกระสุนก็จะแทงทะลุร่างของเขาทันที
แต่เฉินซ้งเหิงกลับไม่ได้เกรงกลัวปืนที่จ่ออยู่ตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่เฉินซ้งเหิงค่อยๆก้าวไปข้างหน้า ผู้คนต่างก็จ้องมองมาอย่างไม่ละสายตา
“วางปืนลง..” จู่ๆก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายความเงียบ
หวงเจิ้งหมิงตะโกนใส่ลูกชายอย่างเย็นชา หากลั่นไกออกไปตอนนี้ งานศพของลูกชายของเขาจะต้องล่มแน่นอน
ชายผู้มีนามสกุลเฉินสมควรตาย แต่เขาจะรีบร้อนไม่ได้ หากเขาต้องการที่จะฆ่าชายคนนี้ หลังจากจบงานศพมันก็ยังไม่สาย
งานศพครั้งนี้จะต้องดำเนินต่อไปอย่างราบรื่นและจบลงด้วยดีให้ได้
บรรยากาศกลายเป็นเย็นเยือก
ทุกคนมองไปที่ฉากนี้ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน
หวงฮงฮุยไม่เต็มใจที่จะทำตามคำสั่ง ดวงตาที่โหดร้ายของเขาสั่นไหวไปมา หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆลดปืนพกไปเก็บไว้ด้านหลัง
เขาไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของผู้เป็นพ่อ
บรรยากาศภายในงานศพสงบลง
งานศพดำเนินต่อไป ฉากทั้งหมดเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
โลงศพขนาดใหญ่ที่สลักมังกรเก้าตัวถูกวางไว้ตรงกลาง
ด้านหน้าโลงศพมีรูปถ่ายขนาดใหญ่ของลูกชายคนโตแห่งตระกูลหวงตั้งอยู่
ในรูปถ่ายนั้นเขายิ้มอย่างสดใส
ไม่กี่วันก่อนหน้านี้
เขายังคงมีชีวิตอยู่ด้วยความหยิ่งผยอง
เขาเป็นชายหนุ่มผู้มีอำนาจมากมาย
ผู้คนในเซี่ยงไฮ้ต่างหวาดกลัวเมื่อได้ยินชื่อของเขา
แต่ในตอนนี้ เขากำลังจะกลายเพียงแค่ชิ้นส่วนกระดูกสีขาว
หวงซู่หยางสวมเสื้อคลุมมังกรที่สง่างามนอนอยู่ในโลงศพสลักมังกรเก้าตัว
“ฉันเป็นคนฆ่าชายคนนั้น งั้นฉันก็สมควรที่จะอยู่ที่นี่เพื่อส่งเขาจนจบใช่มั้ย?”
เฉินซ้งเหิงในชุดสูทจ้องมองไปที่โรงศพอย่างไม่แยแส
เมื่อได้ยินเช่นนี้ทุกคนก็เงียบลงทันที
นี่ยังไม่จบอีกงั้นเหรอ!?
นี่เขาต้องการที่จะต่อสู้กับตระกูลหวงจนกว่าจะตายกันไปข้างเลยอย่างงั้นเหรอ…?!