ตอนที่ 28 น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาตายแล้ว
ใบหน้าของหรวนเหวินเหย่าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “สองสามวันก่อนที่ผมไม่ได้มาหาคุณเลย เป็นเพราะว่าผมไปทําธุระที่ยุโรปมา ผมเพิ่งกลับมาถึงเซี่ยงไฮ้เมื่อคืนนี้เอง พอเช้าผมก็รีบมาหาคุณทันทีเลยนะ”
“ขอโทษด้วยนะคะคุณหรวน ตอนนี้ฉันยุ่งมาก” ชิวอี้เหลินพูดและเดินผ่านหน้าหรวนเหวินเหย่าไป จากนั้นเธอก็ไขกุญแจและผลักประตูเข้าไปในห้องทํางาน
ห้องทํางานของเธอถูกล็อคไว้ตลอดและมีเพียงเธอเท่านั้นที่มีกุญแจ สาเหตุที่เธอต้องล็อคห้องไว้ตลอดก็เพื่อป้องกันไม่ให้คนอย่างหรวนเหวินเหย่าบุกเข้าไปในห้องทํางานของเธอ
เมื่อหรวนเหวินเหย่าเห็นชิวอี้เหลินเดินเข้าไปในห้องทํางาน เขาก็เดินตามเข้าไปทันที
“คุณหรวน วันนี้ฉันมีประชุมทั้งวันเลยค่ะ เกรงว่าจะไม่สะดวกต้อนรับ” ชิวอี้เหลินส่งแขกอย่างอ้อมๆ
“อี้เหลิน ผมเข้าใจนะว่าตอนนี้คุณกําลังเผชิญหน้ากับปัญหาใหญ่ แต่คุณไม่ต้องกังวลไป ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้น ตระกูลหรวนของผมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ” เมื่อหรวนเหวินเหย่ากลับมาถึงเซี่ยงไฮ้ เขาก็ได้ทราบข่าวเรื่องปัญหาของตระกูลชิว แต่เขาก็รู้แค่เพียงว่า ตอนนี้ตระกูลชิวกําลังมีปัญหาอยู่กับตระกูลหวง ส่วนสาเหตุนั้นเขาไม่รู้
“อี้เหลิน ผมมีของฝากจากยุโรปมาให้คุณด้วยล่ะ” หรวนเหวินเหย่ายิ้มและหยิบกล่องของขวัญสีดําออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เขาค่อยๆเปิดกล่องของขวัญ ข้างในนั้นมีนาฬิกา Patek Philippe ที่ถูกแต่งด้วยเพชรอย่างหรูหรา
ชิวอี้เหลินไม่ได้มองไปที่ของขวัญชิ้นนั้นเลย เธอนั่งลงที่หน้าคอมพิวเตอร์ ถอนหายใจและพูดออกมาว่า “ขอบคุณนะคะ คุณหรวน แต่ฉันไม่ชอบใส่นาฬิกา”
หรวนเหวินเหย่าผงะไปชั่วขณะ “อี้เหลิน… ผมรู้ว่าคุณชอบเพชร…. ผมตั้งใจเลือกนาฬิกาเรือนนี้มาเพื่อคุณโดยเฉพาะเลยนะ”
หว่างคิ้วของชิวอี้เหลินผูกกันเป็นปม ในตอนนี้เธอเริ่มหมดความอดทนกับผู้ชายคนนี้แล้ว
ทันใดนั้นเธอก็นึกอะไรขึ้นมาได้
เธอรีบส่งข้อความไปหาเฉินซ้งเหิงที่อยู่ห้องข้างๆ [คุณเฉินคะ มาที่นี่สักครู่ได้ไหม? ฉันมีเรื่องด่วน!]
ไม่กี่นาทีต่อมา เฉินซ้งเหิงก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับคาบบุหรี่ไว้ในปาก
“มีอะไรงั้นเหรอ?” เฉินซ้งเหิงถามออกมาเบาๆ
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อยนะ” เมื่อชิวอี้เหลินเห็นเฉินซ้งเหิงเดินเข้ามา ดวงตาที่สวยงามของเธอก็ค่อยๆคลี่ออก
เธอเรียกเฉินซ้งเหิงให้มาที่นี่ก็เพื่อที่จะใช้เขาเป็นโล่กําบังหรวนเหวินเหย่า
หรวนเหวินเหย่ามองไปที่เฉินซ้งเหิงอย่างสงสัย “คุณเป็นใคร?”
เฉินซึ่งเหิงขี้เกียจเกินไปที่จะสนใจอีกฝ่าย เขาเดินไปนั่งลงบนโซฟาโดยไม่สนใจใคร
“อี้เหลินเกลียดกลิ่นควันบุหรี่มากที่สุด… ใครอนุญาตให้คุณสูบบุหรี่ในห้องของอี้เหลิน?!” หรวนเหวินเหย่าตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของห้องนี้เอง
ในตอนนั้นเองจู่ๆชิวอี้เหลินก็พูดขึ้นมาว่า “คุณหรวนคะ เขาเป็นสมาชิกคนสําคัญของชิวฉีกรุ๊ปและตอนนี้ฉันก็มีบางอย่างที่ต้องคุยกับเขาเป็นการส่วนตัว ต้องขอโทษจริงๆ แต่ฉันคงต้องขอให้คุณออกไปข้างนอกก่อนค่ะ”
หรวนเหวินเหย่าตะลึงไปสองสามวินาทีและพูดออกมาราวกับคุ้นเคยกับอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอกอี้เหลิน ระหว่างผมกับคุณไม่จําเป็นต้องมีความลับต่อกัน คุณมีอะไรก็พูดคุยกันเถอะ ผมจะนั่งอยู่ตรงนี้แหละ”
หลังจากพูดจบ หรวนเหวินเหย่าก็เดินไปนั่งลงบนโซฟาและจ้องไปที่เฉินซ้งเหิงอย่างเย็นชา “ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม.. ดับบุหรี่ซะ อี้เหลินของผมเกลียดกลิ่นบุหรี่มากที่สุด”
ชิวอี้เหลินพูดไม่ออก… หรวนเหวินเหย่าทําไมถึงได้ไร้ยางอายขนาดนี้?!
เธอกําลังจะอ้าปากพูดอะไรบางอย่าง…แต่เฉินซงที่อยู่บนโซฟาก็พูดแทรกขึ้นมาก่อน
“ผมให้คุณสามวินาที ออกไปจากห้องนี้ซะ!” เฉินซ้งเหิงกล่าวด้วยน้ำเสียงทุ่ม
เมื่อได้ยินเช่นนั้นหรวนเหวินเหย่าก็โกรธขึ้นมาทันที เขาตะโกนออกมาเสียงดัง “กล้าดียังไง! แกรู้มั้ย ว่าแกกําลังพูดกับใครอยู่! เป็นแค่พนักงานตัวเล็กๆ แต่มาพูดกับฉันแบบนี้ได้ยังไง?!”
“เพี้ยะ!” ใบหน้าของหรวนเหวินเหย่าสั่น เสียงตบหน้าทําลายความเงียบทั้งหมดในห้องทันที
หรวนเหวินเหย่าถูกพลังมหาศาลตบลอยออกไป!
“อ๊ากกกก!” ร่างของเขาพุ่งโค้งกลางอากาศ ทําองศาพุ่งออกประตูไปอย่างสวยงาม..
เฉินซงยืนลุกขึ้นไปหยิบทิชชูที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาเช็ดมือพร้อมกับพึมพําเบาๆ “โทษที ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณเป็นใคร แต่ผมไม่ชอบคนเสียงดัง”
ชิวอี้เหลินที่นั่งตาค้างอยู่บนเก้าอี้
เกิดอะไรขึ้น? สถานการณ์กลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง!?
หรวนเหวินเหย่าที่อยู่หน้าประตูห้องทํางาน พยายามลุกขึ้นยืนด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
เขาใช้มือลูบหน้าที่ถูกตบเบาๆ ตอนนี้แก้มซ้ายของเขาทั้งหมดบวมเป่งราวกับแก้มหมู
“แก… แกกล้า… ตบฉัน?”
“ฉันเป็นผู้อํานวยการของหรวนเมดิซีนและฉันก็เป็นหุ้นส่วนของชิวฉีกรุ๊ป! แกกล้าทํากับฉันแบบนี้ได้ยังไง?” หรวนเหวินเหย่าตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
เขาไม่เคยคิดว่าในชิวฉีกรุ๊ปแห่งนี้จะมีคนกล้าทําร้ายเขา!
“แล้วจะทําไม?” เฉินซ้งเหิงมองหน้าหรวนเหวินเหย่าและพ่นควันบุหรี่เบาๆ
“เมื่อสามวันก่อนก็มีคนพูดแบบนี้กับผมเหมือนกัน…แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาตายแล้ว” เฉินซ้งเหิงพูดออกมาอย่างไม่แยแส
“บางที่ถ้าคุณยังไม่หยุดพูด คุณอาจจะเป็นเหมือนเขาก็ได้นะ” เขาจ้องมองไปในดวงตาของหรวนเหวินเหย่า
ตึก! ตึก! ตึก!~ หัวใจของหรวนเหวินเหย่าสั่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน เขาก้าวถอยหลังหลายก้าวติดต่อกันโดยไม่รู้ตัว
หน้าอกของเขาแน่นขึ้น
ชิวอี้เหลินสังเกตเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มบานปลายแล้ว เธอจึงลุกขึ้นยืน
“คุณเฉินคะ…” ชิวอี้เหลินพูดออกมาอย่างรีบร้อน เธอกลัวว่าเฉินซ้งเพิ่งจะฆ่าหรวนเหวินเหย่าจริงๆ เพราะดูเหมือนว่าเฉินซ้งเพิ่งเริ่มจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาแล้ว
ดวงตาของเฉินซ้งเหิงสงบลง
จากนั้นก็หันกลับไปนั่งลงบนโซฟาเหมือนเดิม
สําหรับแมลงพวกนี้ ถ้าไม่จําเป็นเขาก็ขี้เกียจเกินไปที่จะลงมือ
หรวนเหวินเหย่าที่อยู่หน้าประตู สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ!”
จากนั้นเขาก็จับหน้าที่บวมเหมือนกับหมูของเขาเดินจากไปด้วยความเจ็บปวด..
พนักงานแผนกธุรการที่เห็นเหตุการณ์ยืนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ผู้อํานวยการฝ่ายความมั่นคงภายในคนนี้ทําเกินไปหรือเปล่า? เขาสติแตกไปแล้วงั้นเหรอ?! เขากล้าตบแม้กระทั่งนายน้อยของตระกูลหรวนเลยอย่างงั้นเหรอ?
ภายในห้องทํางานของประธานบริษัท ชิวอี้เหลินพยายามเรียกสติคืนจากอาการช็อค ” ทําไมคุณถึงต้องรุนแรงกับเขาขนาดนั้น เขาแค่…”
ชิวอี้เหลินพูดไม่ออก…. หรวนเหวินเหย่ามีนิสัยเอาแต่ใจ หากใครทําให้เขาไม่พอใจขึ้นมา เขาก็จะหาทางทําให้คนๆนั้นเดือดร้อน
แม้ว่าเธอจะรู้สึกรําคาญหรวนเหวินเหย่า แต่เธอก็ไม่ได้ต้องการให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ เพราะสุดท้ายแล้วตระกูลหรวนกับตระกูลของเธอก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
เฉินซ้งเหิงเหลือบมองเธออย่างเฉยเมย “คุณจะเก็บคนที่แอบติดตั้งเครื่องดักฟังในห้องทํางานของคุณไว้ทําไม?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าที่สวยงามของชิวอี้เหลินก็เปลี่ยนไปทันที
“คุณกําลังจะบอกว่า เขาเป็นคนติดตั้งเครื่องดักฟังไว้ในห้องทํางานของฉันงั้นเหรอ?” ชิวอี้เหลินมองไปที่เฉินซ้งเหิงอย่างไม่เชื่อ “มันเป็นไปได้เหรอ? ฉันกับเขาเป็นหุ้นส่วนกัน นอกจากนี้เวลาฉันไม่อยู่ ห้องก็จะถูกล็อคไว้ตลอดเวลา เขาไม่มีทางเข้ามาเองได้แน่นอน”
“ซื่อบื้อ” เฉินเซิงเหิงเหลือบมองเธอเบาๆ เขาขี้เกียจเกินไปที่จะอธิบายให้ผู้หญิงคนนี้ฟัง
เขาถอนหายใจแล้วเดินออกจากห้องทํางานไป
ทิ้งไว้เพียงแค่ชิวอี้เหลินเท่านั้นที่ยืนอยู่ในห้องคนเดียว
เมื่อกี้เขา…. บอกว่าฉันชื่อบื้องั้นเหรอ…?!
…..
หรวนเหวินเหย่าเดินลงไปข้างล่างพร้อมกับแก้มที่บวมเป่ง เขาออกมายืนหน้าตึกและหยิบมือถือขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยว และกําลังจะกดโทรออก
“สวัสดีครับนายน้อยหรวน มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ” ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังมาจากด้านหลังเขา
ชายอ้วนพุงโตเดินนํากลุ่มรปภ. เข้ามาหาเขา
ชายคนนี้คือติงต้าหมาน ผู้จัดการด้านการรักษาความปลอดภัยของชิวฉีกรุ๊ป
ก่อนหน้านี้เขาวางแผนที่จะพาพี่น้องสองสามคนออกไปเล่นไพ่นกกระจอกด้วยกัน
ทําให้เขาได้มาเจอหรวนเหวินเหย่าที่ยืนอยู่หน้าประตู
พนักงานเกือบทุกคนของชิวฉีกรุ๊ปรู้ว่าหรวนเหวินเหย่านั้นเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นของบริษัท
ทําให้มีพนักงานหลายคนของชิวฉีกรุ๊ปพร้อมที่จะประจบประแจงเขา รวมถึงติงต้าหมานคนนี้ด้วย
หรวนเหวินเหย่าเป็นหุ้นส่วนของประธานชิว มันจึงเป็นเรื่องปกติที่จะมีพนักงานบางคนต้องการที่จะประจบเพื่ออาชีพของตัวเอง
แต่ในตอนที่หรวนเหวินเหย่าหันหน้ามา ติงต้าหมานก็พบว่าตอนนี้นายน้อยหรวนกําลังเต็มไปด้วยความโกรธ
ติงต้าหมานก้าวไปข้างหน้าและโค้งเพื่อทําความเคารพหรวนเหวินเหย่า
“นายน้อยหรวน มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?” เมื่อสังเกตเห็นแก้มที่บวมเปงของอีกฝ่าย ติงต้าหมานก็ตกใจ “นายน้อยหรวน! เกิดอะไรขึ้นครับ?”