ตอนที่ 7 เทวทูตแห่งความตายรับภารกิจ.
สนามบินนานาชาติเมืองเซี่ยงไฮ้
หลังจากผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยของสนามบินแล้ว เฉินซ้งเหิงก็เดินเข้าไปที่ทางขึ้นเครื่อง
เนื่องจากเขาจัดการกับเซราฟิมไปเรียบร้อยแล้ว เขาจึงต้องการที่จะออกจากเมืองนี้ทันที
มีเรื่องสำคัญรอเขาอยู่!
จะให้เขาอยู่ที่เซี่ยงไฮ้ต่อ เพื่อรอให้นักฆ่าจากองค์กรพระคำภีร์มางั้นเหรอ?
นั่นไม่ใช่สไตล์ของเขา
เทวทูตแห่งความตายนั้นไม่มีทางที่จะหยุดนิ่ง!
ค้นหาสำนักงานใหญ่ขององค์กรพระคัมภีร์ แล้วฆ่าให้สิ้นซากมันน่าสนุกกว่า!
นี่คือเส้นทางของยมทูต
เสียงโทรศัพท์มือถือของเฉินซ้งเหิงดังขึ้น
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา ชื่อผู้โทร ‘จางหยูโจว‘
เฉินซ้งเหิงรับโทรศัพท์ด้วยสีหน้านิ่งเฉย
อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์มีชายเสียงแหบดังขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เซราฟิม.. เป้าหมายถูกกำจัดไปหนึ่ง” เฉินซ้งเหิงตอบอย่างเย็นชา
องค์กรเคยส่งเจ้าหน้าที่พิเศษหลายสิบคนให้มาทำภารกิจนี้ แต่ก็ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่ทำมันได้สำเร็จ! แต่ทันทีที่ชายคนนี้ปรากฏตัว… หนึ่งในเซราฟิมนักฆ่าอันดับต้นๆขององค์กรพระคัมภีร์ก็ตายลงทันที พลังของเขาช่างน่ากลัวจริงๆ
“ฮาเดส… คุณรออยู่ที่เซี่ยงไฮ้ก่อนนะ” เสียงแหบดังขึ้นอีกครั้ง
เฉินซ้งเหิงขมวดคิ้วและตอบกลับ “ทำไม?”
“องค์กรพระคำภีร์ได้วางแผนสังหารชิวอี้เหลินมาแล้วหลายครั้ง และในเร็วๆนี้พวกมันจะต้องกลับมาอีกครั้งแน่นอน ถ้าคุณจับตามองเธอไว้ ไม่นานคุณก็จะได้เจอกับพวกมันอีก!” เสียงทุ้มลึกดังออกมาจากโทรศัพท์
“หมายความว่าไง?” เฉินซ้งเหิงขมวดคิ้ว สีหน้าของเขากลายเป็นเย็นชา “ฉันกำลังจะไปค้นหาสำนักงานใหญ่ของพวกมันด้วยตัวเอง หลังจากนั้นฉันจะฆ่าพวกมันให้สิ้นซาก!”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้น ทุกอย่างก็เงียบลง ราวกับเป็นคำขาดของเทวทูตแห่งความตายที่ไม่มีใครสามารถต่อรองได้
การสั่งให้เทวทูตแห่งความตายอย่างเขารออยู่เฉยๆ มันก็ไม่ต่างจากการดูถูกโค้ดเนมส์ของเขา!
ชายในโทรศัพท์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม “ฮาเดส… อย่าลืมหายนะที่คุณได้ก่อไว้เมื่อสองปีที่แล้ว”
ทั้งสองฝั่งของสายเงียบลง
ปีที่แล้ว เขาผู้นี้เคยกวาดล้างไปทั่วทั้งมหาสมุทรแปซิฟิก!
ในปีนั้นโค้ดเนมส์ ‘เทวทูตแห่งความตาย‘ ถูกระบุว่าเป็นเป้าหมายสูงสุดที่สหรัฐฯ นั้นต้องการ!
เขาถูกเพ่งเล็งจากทั้งตะวันตก!
ในปีนั้น สหรัฐฯ ได้ทำการโจมตีแผ่นดินจีนอย่างหนัก!
กองทัพสหรัฐฯ ส่งทั้งเรือรบและเครื่องบินรบมาโจมตี เพื่อแสดงพลังของสหรัฐฯ ให้โลกได้รู้!
สงครามใหญ่ครั้งนั้นกินเวลานานกว่าปีครึ่ง
ในตอนนี้นัยน์ตาของเฉินซ้งเหิงแดงราวกับมีเปลวไฟที่ลุกโชนอยู่ภายใน
“คุณกลัวงั้นเหรอ?!” เฉินซ้งเหิงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ปลายสายเงียบลงสักพักและพูดขึ้นอีกครั้งว่า
“ชื่อของคุณติดอยู่ในบัญชีดำตั้งแต่วันนั้น ถ้าคุณออกไป มันจะต้องเกิดความวุ่นวายอย่างมากแน่นอน!” น้ำเสียงของจางหยูโจวจริงจังยิ่งกว่าเดิม “ฮาเดส ถ้าคุณต้องการแก้แค้น… ตอนนี้คุณก็ต้องอยู่เฉยๆไปก่อน”
“เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหาสำนักงานใหญ่ขององค์กรพระคัมภีร์เจอ แน่นอนว่าในตอนนั้นแผ่นดินจีนทั้งหมดจะยืนหยัดเพื่อคุณ!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ลมหายใจของเฉินซ้งเหิงก็กลายเป็นหนักขึ้น!
“คุณกำลังพูดถึงอะไร?!”
“เป้าหมายขององค์กรพระคัมภีร์อยู่ที่เซี่ยงไฮ้! หากคุณจับตาดูตระกูลชิวเอาไว้ คุณจะต้องได้เจอกับพวกมันอย่างแน่นอน” จากนั้นเสียงของจางหยูโจวก็ต่ำลง “ฮาดาส จำไว้ด้วยนะว่า… เรามีศัตรูร่วมกัน!”
เฉินซ้งเหิงหายใจเข้าลึกๆพร้อมกับเจตนาฆ่าที่แวบผ่านภายในดวงตา!
น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นราวกับปีศาจ “ตกลง ฉันโค้ดเนมส์เทวทูตแห่งความตาย… รับภารกิจ!”
……
ที่อาคารของบริษัทชิวฉี
รถแท็กซี่คันหนึ่งหยุดจอดที่ประตูอาคาร เฉินซ้งเหิงค่อยๆก้าวออกจากรถพร้อมกับจุดบุหรี่ไว้ในปาก
จากนั้นเขาก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่และเดินเข้าไปภายอาคารที่สูงร้อยชั้น
“สวัสดีค่ะ คุณมาติดต่อเรื่องอะไรคะ” พนักงานสาวสองคนที่ล็อบบี้ทักทายเขา
เฉินซ้งเหิงมองไปที่พวกเธออย่างเย็นชา “ผมมาหาชิวอี้เหลิน บอกให้เธอลงมาหาผมหน่อยได้มั้ย?”
พนักงานสาวทั้งสองคนถึงกับผงะ ชายผิวขาวที่ดูเย็นชาคนนี้มาหาท่านประธานชิวงั้นเหรอ?
“ขอทราบนามสกุลของคุณด้วยค่ะ?”
“เฉิน” เฉินซ้งเหิงตอบอย่างไม่แยแส
พนักงานสาวทั้งสองตรวจสอบตารางนัดหมายของท่านประธานทันที แต่พวกเธอก็ไม่พบกับตารางนัดหมายกับคุณเฉินเลย
ทั้งสองจึงคิดว่า ชายคนนี้เข้ามาที่นี่เพื่อป่วนแน่นอน
เพราะคนปกติที่มีนัดหมายกับท่านประธาน ส่วนใหญ่จะแต่งตัวด้วยชุดสูทที่ดูดีทั้งหมด แต่ดูเขาคนนี้สิ ใส่เสื้อหนังแถมยังมีท่าทางที่เกรี้ยวกราดอีก แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังรู้เลยว่าท่านประธานไม่มีทางมีนัดกับคนแบบนี้แน่นอน!
“ขออภัยด้วยนะคะคุณเฉิน… แต่วันนี้ตารางนัดของท่านประธานเต็มหมดแล้วค่ะ” หญิงสาวแผนกต้อนรับทั้งสองพูดอย่างจริงจัง
เฉินซ้งเหิงขมวดคิ้วและตอบกลับอย่างเย็นชา “แค่ขึ้นไปบอกให้เธอลงมาหาผมก็พอ”
จู่ๆบรรยากาศก็กลายเป็นน่าอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก
พนักงานสาวสองคนที่แผนกต้อนรับมองหน้ากัน นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอได้พบกับคนที่ไร้เหตุผลแบบนี้ ชายคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นใคร? ถึงได้กล้าสั่งให้ประธานลงมาหาตัวเอง! แต่งตัวแบบนี้ยังจะมีหน้ามาขอพบท่านประธานอีกงั้นเหรอ?
สมองของผู้ชายคนนี้ต้องเป็นสนิมไปแล้วแน่ๆ!
หนึ่งในพนักงานต้อนรับขยิบตาส่งสัญญาณให้รปภ.
ไม่นานก็มีรปภ. สี่คนดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“คุณครับ ต้องขออภัยด้วย แต่ตอาคารชิวฉีเป็นสถานที่ส่วนบุคคล บุลคลที่ไม่ได้รับอนุญาตไม่สามารถเข้ามาได้ครับ กรุณาออกไปด้วย!” รปภ. ทั้งสี่คนแสดงท่าทางเข้มงวด
เฉินซ้งเหิงไม่ขยับ เขาทำเพียงแค่มองไปที่รปภ. อย่างไม่แยแส
เขาคือเทวทูตแห่งความตาย บุคคลที่ทำให้ประเทศตะวันตกทั้งหมดต้องตกอยู่ในความหวาดกลัว แต่ในขณะนี้เขากลับกำลังถูกรปภ. ตัวเล็กๆเพียงไม่กี่คนไล่อย่างงั้นเหรอ?!
“ตอนนี้ผมยังไม่อยากฆ่าใคร ผมขอแนะนำให้พวกคุณหลบไปตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า!” เฉินซ้งเหิงพูดอย่างนิ่งสงบ
ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าร่วมการเจรจาที่สหพันธรัฐรัสเซียในเครมลินเพียงลำพัง แม้ตอนนั้นจะมีกองกำลังพิเศษหลายร้อยคน ก็ยังไม่สามารถหยุดเขาไว้ได้! แต่ตอนนี้รปภ. ตัวเล็กๆสี่คนตรงหน้าเขา กำลังขับไล่เขาอยู่งั้นเหรอ?
“ไร้สาระ! ที่นี่คืออาคารของบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับประเทศ มันไม่ใช่สถานที่สาธารณะที่จะต้องเกรงใจคุณ!” รปภ. ทั้งสี่คนเริ่มโกรธขึ้นมาและเข้ามาล้อมตัวเฉินซ้งเหิง “จับเขาไว้!”
รปภ. คนหนึ่งวางมือบนไหล่ของเฉินซ้งเหิงด้วยความไม่พอใจ… ทันใดนั้น!
“พลั่ก!” แขนของรปภ.คนนั้น ถูกเฉินซ้งเหิงบิดไปด้านหลัง!
“โอ๊ยยยย!” เขาร้องโหยหวนอย่างน่าเวทนา…
ไหล่ของเทวทูตแห่งความตาย… ใครๆก็สามารถมาแตะได้ง่ายๆงั้นเหรอ?!
ฉายาเทวทูตแห่งความตายก็เปรียบดั่งเป็นตำแหน่งสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร เป็นผู้ล่าที่เหนือผู้ล่า!
หากคนธรรมดาสัมผัส มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหนีพ้นจากความตายไปได้!
รปภ. ที่เหลืออีกสามคนตกใจ พวกเขายังไม่ทันได้ตอบสนอง หน้าอกของพวกเขาก็ถูกเตะด้วยแรงมหาศาล ทั้งสามคนกระเด็นออกไปพร้อมกัน
เฉินซ้งเหิงค่อยๆรั้งขาตัวเองกลับมา จากนั้นก็ปัดฝุ่นออกจากกางเกง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
พนักงานสาวสองคนที่ยืนอยู่หน้าล็อบบี้เริ่มหน้าซีด พวกเธอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก!
รปภ. ร่างใหญ่ทั้งสี่คนปลิวออกไปภายในพริบตา!? พวกเธอมองไม่ทันด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น!!
“ไปบอกให้ชิวอี้เหลินลงมาพบผมเดี๋ยวนี้! บอกเธอด้วยว่าถ้าหากไม่ลงมาภายใน 10 นาทีนี้ เรื่องที่เธอได้ขอร้องผมไว้เมื่อวานนี้… มันจะถือเป็นโมฆะทันที” เฉินซ้งเหิงคาบบุหรี่ไว้ในปากและพูดออกมาอย่างไม่แยแส