นิยาย เกมราชันสงครามออนไลน์ ตอนที่ 102 ยอดเขาสองร้อยเมตรสุดท้าย
กายนั่งอยู่บนหลังม้ากาลังมองไปยังเหล่าผู้เล่นที่รอดตายและสับสนว่ากายจะมาช่วยพวกเขาทําไมกายขมวดคิ้วไม่พอใจเล็กน้อยเนื่องจากมีผู้เล่นที่รอดจาก 50 คนเพียง 20 คนเท่านั้น
“พวกเจ้าจะอยู่ตรงหนี้หรือจะมาร่วมกับเรา” กายถามไปตรง ๆ
“ทําไม? เราต้องร่วมมือกับเจ้าด้วย ในเมื่อยังไงก็มีผู้ชนะแค่ 100 คนอยู่ดีหรือเจ้าคิดจะพาพวกเราไปติดหนึ่งในร้อยด้วย”ผู้เล่นคนหนึ่งที่ค่อนข้างแข็งแกร่งถามกาย
“เปล่า” กายปฏิเสธไปตรง ๆ แต่ยังคงกล่าวต่อ “ไม่ได้จะให้ติดหนึ่งในร้อยแต่เราจะร่วมมือกันฝ่าพวกเงาไปเอาเหรียญตราแห่งผู้ชนะ ส่วนใครจะได้ไปนั้นก็ให้ความสามารถและโชคตัดสินก็แล้วกัน”
“ลอร์ดเจ็ดโลหะ เจ้ามันบ้า แต่ข้าชอบ ข้าเอาด้วย” ผู้เล่นคนนั้นตอบตกลงในทันที“ข้าเอาด้วยถ้าได้เหรียญตราแห่งผู้ชนะมาคนนั้นจะได้เงินรางวัลทั้งหมด”
“ข้าด้วยเงินต่อหนึ่งรอบแม้ไม่เยอะแต่ก็ได้ค่าขนมมากน่าดู”
“เหรียญตราแห่งผู้ชนะเหรียญแรกข้ากาลังจะไปเอามา”
ผู้เล่นทุกคนเฝ้าฝันถึงเหรียญตราแห่งผู้ชนะโดยไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะรอดตายจากเงาไปเอาเหรียญได้หรือไม่ เมื่อผู้เล่นตอบตกลงกายก็พาทุกคนไปรวมผู้เล่นคนอื่น ๆ ต่อ
ผ่านไปเกือบ ๆ 5 นาทีเปลวเพลิงนรกก็กวาดพื้นที่รอบนอกภูเขาจนหมดส่วนกายนั้นรวมผู้เล่นได้ประมาณ 250 คน ซึ่งถ้ารวมกับกลุ่มนักเลงของเฮนริกอีก 200 คนตอนนี้ในกองกําาลังมีผู้เล่นทั้งหมด 450 คนแล้ว
แต่เบื้องหน้าของกาย เฮนริกและผู้เล่นทุกคนนั้นมีเงารวมกันมากกว่า 1,000 ตัวพวกมันเป็นเหมือนกับฝูงปีศาจสีดําที่มองจากเบื้องบนลงมายังกลุ่มผู้เล่นเบื้องล่างมองดูการรวมกลุ่มของผู้เล่นอย่างใจเย็น
“พอมันรวมตัวกันแล้วน่ากลัวกว่าเดิมหลายเท่าเลย” เฮนริกกล่าวและกลืนน้ำลายเขาพยายามคิดว่านี่มันก็แค่เกม แต่ถึงแบบนั้นก็ยังคงตื่นเต้น
สถานการณ์นี้ไม่ใช่แค่การทําสงครามเพื่อชิงเหรียญตราแบบจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกของผู้เล่นแต่ยังรวมถึงการที่ผู้เล่นที่รอดทั้งหมดจับมือกันเป็นกองทัพแทนจะไล่ฆ่ากันเองเป็นครั้งแรกในแดนสงครามอีกด้วย
“เอายังไงดี”
ผู้เล่นหลายคนหันไปมองกายอย่างเฝ้ารอว่าเขาจะทํายังไงต่อ
“เราจะไม่ทําอะไร พวกมันคือเงาพวกมันจะโจมตีเราอย่างแน่นอน ดังนั้นเราจะรอมันอยู่ตรงหนี้”
“จะบ้าเหรอ ด้านหลังมีไฟนรกกําลังไล่มา”
“ข้าว่าพวกเราวิ่งขึ้นไปเลยดีกว่า”
ผู้เล่นกังวลจริง ๆ เพราะกําลังมีไฟนรกลุกลามขึ้นมาบนภูเขาแล้ว “แบบนั้นได้ตายกันหมดนะสิใช้หัวคิดบ้างกําลังของม้าที่วิ่งลงมาแค่ชนพวกนักรบฝึกหัดระดับ 1 ก็ตายแล้วและการวิ่งขึ้นพลังโจมตีเราจะน้อยกว่าพวกนั้นอยู่แล้ว”
“แล้วจะให้ทํายังไง”
“ข้าบอกว่ารอแล้วพอถึงเวลาข้าจะให้สัญญาณเอง แต่ถ้าใครไม่รอก็ขึ้นไปตายก่อนก็ได้นั้นจะช่วยข้าได้เยอะ”กายตอบไปตรง ๆ ก่อนจะควบเจ้าหมอกไปหาหินหลบ
ผู้เล่นคนอื่น ๆ รีบทําตาม
เมื่อเงาเห็นว่าผู้เล่นไม่ขึ้นมา มันก็พากันถาโถมลงมาในทันทีจากเนินเขาต้องบอกว่าแม้เงาจะเป็นตัวก๊อบปี้ของผู้เล่นและมีพลังโจมตีเหมือนผู้เล่นแต่มันมีสิ่งหนึ่งที่ผิดจากผู้เล่นนั้นก็คือเงาจะต้องจู่โจมผู้เล่นมันถูกตั้งโปรแกรมมาเช่นนั้น
กายเข้าใจเรื่องนี้ดี เขาเป็นพวกที่เอาตัวรอดเก่ง และสิ่งที่คนเอาตัวรอดเก่งมีคือการใช้หัวให้เยอะและจงใช้ทุกอย่างที่ใช้ได้ในเกมเพื่อรอดไปให้ได้แม้จะเป็นช่องโหว่เหล่านี้ก็ตาม
เงาวิ่งลงเข้าใส่ผู้เล่น 450 คน หลายคนหลบและรอตามที่กายบอก แต่ก็มีหลายคนคิดจะรีบฝ่าสุดท้ายยังไม่ทันสู้ก็โดนเงาที่คัดลอกมาจากพวกผู้เล่นที่มีม้าชนตายไปกว่า 50 คน
เงานับพันวิ่งลงมาก็เหมือนกระแสน้ำป่า กายและเจ้าหมอกหลบแนบชิดกับก้อนหินขนาดใหญ่เงาจึงไม่สามารถทําอันตรายเขาได้ เพราะมันไม่สามารถหยุดได้ทันจากกว่าเร็วที่วิ่งลงเขามา
แต่พอให้หยุดทันก็จะเป็นพวกเงาที่เดินเท้าเอามากกว่า กายยกดาบฟันเงาระดับต่าพวกนั้นตายไปอย่างรวดเร็ว
กายฆ่าเงาไปสามตัวก็หันไปดูสถานการณ์ เสียงร้องคํารามดังขึ้นมารอบตัวเงากว่า 500 ตัวต่างวิ่งผ่านพวกที่หลบไปยังเนินด้านล่างแล้วและพวกมันกําลังพยายามหยุดความเร็วจากการวิ่งลงเนินเขาเพื่อหันมาเล่นงานพวกเขา
ส่วนพวกที่เหลืออีก 500 กว่าตัวก็ชะลอความเร็วแล้วอยู่เหนือพวกผู้เล่นไปนิดหน่อย
“โจมตีเลยเล่นพวกเงาที่พยายามจะหยุดการโจมตี” กายตะโกนบอกทุกคน
หลายคนคิดว่ากายจะให้พวกเขาจัดการเงาที่วิ่งเลยไป เพื่อที่เงาเหล่านั้นจะไม่ย้อนกลับมาฆ่าพวกเขาแต่กายกลับสั่งให้จัดการเงาที่พยายามจะหยุดไม่วิ่งลงมาแทน
มันไม่สมเหตุสมผล แต่กายรู้ดีว่าตัวเองกําลังทําอะไร
เขาไม่ได้จะให้ฆ่าเงาทั้งหมดสักหน่อย เพราะเป้าหมายคือฝ่าเงาไปที่เหรียญตราผู้ชนะบนยอดเขาตั้งหาก
“ตายซะ” กายควบเจ้าหมอกวิ่งขึ้นเนินเขา แต่พอเป็นการวิ่งความเร็วย่อมช้าแต่พวกเงาด้านบนที่ใช้เวลาหยุดวิ่งก็เช่นกัน
ต่างคนต่างช้าจึงไม่มีอะไรหยุดกายได้
ค้อนสันสะเทือนฟาดเข้าใส่เงาผู้น่าสงสารจนร่างเงาแหลกตายไปในทันทีเงานับสิบ ๆโถมเข้าใส่กายแต่กายก็ควบเจ้าหมอกหลบไปยังพื้นที่ว่างได้อย่างไม่มีปัญหาในเงาด้านบนนั้นมีน้อยมากที่จะยังมีม้าอยู่ส่วนใหญ่เงาที่ขี่ม้าตอนนี้วิ่งเลยไปกับพวกแรกแล้ว
“ตาย ๆ ๆ” กายมือหนึ่งจับค้อนสั่นสะเทือนอีกมือจับดาบหักสังหารไล่ฟันตรงนั้นที่ตรงนี้ทีเพื่อขึ้นไปด้านบนเรื่อย ๆ ส่วนใหญ่กายไม่ต้องใช้ศิลปะการต่อสู้เลยด้วยซ้ำเพราะพวกเงาเหล่านี้ถ้าไม่นับจํานวนคุณภาพมันก็ไม่ต่างจากผู้เล่นอยู่แล้ว(อ่อนเกินไป)
“ตามลอร์ดเจ็ดโลหะไป” ผู้เล่นไม่โง่พวกเขาเจอช่องที่ลอร์ดเจ็ดโลหะตะกุยไว้ก็วิ่งตามไปในทันทีกลุ่มนักเลงเองก็ใช้กัน แต่กายถึงจะรู้ก็ไม่ได้ว่าอะไรยังไงผู้เล่นพวกนี้ก็พอจะช่วยเขาหลังจากนี้ได้อยู่แล้ว
ผ่านไปไม่นานกายและผู้เล่นที่ยังรอดอยู่ราว ๆ ร้อยแปดสิบกว่าคนก็วิ่งนําเงาบางส่วนมาเกือบจะบนสุดของภูเขาแล้วทุกคนที่มาถึงตรงนี้ต่างก็รู้สึกดีใจกันมาก
“โอ้ววว! พวกทําได้อีกนิดเดียวก็จะสลัดเงาหลุดแล้ว”
“ฮ่า ๆ เหรียญต้องเป็นของข้า”
พอรู้ว่าใกล์ทําสําเร็จก็เริ่มมีผู้เล่นที่พากันวางแผนจะทําอะไรบางอย่างในใจแล้ว
“เงากลุ่มสุดท้ายฆ่าพวกมันกันเลย”
ในตอนนั้นเองจังหวะที่กายและกลุ่มผู้เล่นกําลังฆ่าเงาที่ขวางอยู่กลุ่มหนึ่งเพื่อขึ้นไปที่ยอดเขาห่างไปไม่ถึง 200 เมตร ก็มีเงาควบม้าสีดําทมิฬที่เร็วไม่น้อยไปกว่ากายและอาจจะเร็วกว่าส่วนหนึ่งลงมาจากเขาตรงเข้าหาผู้เล่นด้วยท่าที่ดุร้าย
เงาที่ว่านี้ไม่ใช่เงาของใครอื่น แต่เป็นเงาของเขาเอง เงาลอร์ดเจ็ดโลหะ
“มันมาแล้ว” กายที่รอจังหวะอยู่แล้วควบเจ้าหมอกหลบไปขวามือในทันทีแต่ดูเหมือนเขาจะคิดง่ายไป เงานั้นคือเงาของเขา ความสามารถและระดับของมันได้ก๊อบปี้กายมาทั้งหมดแค่การเปลี่ยนทิศทางม้าด้วยความเร็วแค่นี้มันทําได้อย่างสบาย
“ฆ่า!!!” เสียงร้องครามออกมาจากปากของเงาลอร์ดเจ็ดโลหะ มันคิดจะใช้ม้าทมิฬที่ขอยู่พุ่งชนเจ้าหมอกและกายไปพร้อม ๆ กัน
“เวรเอ๊ยแกจะก๊อบปี้จนเหมือนตัวจริงไปแล้ว”กายด่าทอเกมที่ก๊อบปี้เอากระทั่งความบ้าบินและวิธีการเล่นของกายมาด้วย
“ศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจํากัดความเร็ว
“ศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจํากัดพละกําลัง
ในเสี้ยววินาทีนั้นเมื่อรู้ว่าหลบไม่พ้นกายก็ไม่คิดจะหลบ เขากระโดดออกจากหลังของเจ้าหมอกจับค้อนในมือเช่นหมายจะฟาดไปที่หัวของเงาลอร์ดเจ็ดโลหะ
“ศิลปะการต่อสู้ ทบ ขั้น 2 รับไปซะ!!!” หวีดดดด….!!
ค้อนแหวกอากาศเล็งไปที่เงาลอร์ดเจ็ดโลหะ แต่เงาก็คือเงามันทํากายในทันที
“ศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจํากัดความเร็ว”
“ศิลปะการต่อสู้ ปลดล็อกขีดจํากัดพละกําลัง
“ศิลปะการต่อสู้ ทุบ ขั้น 2 รับไปซะ!!!”
เงากระโดดขึ้นมาแทบจะท่าทางเดียวกับกายใช้ค้อนโจมตีและใช้ศิลปะการต่อสู้เหมือนกัน
ตูม!!!
ค้อนสั่นสะเทือนสร้างการสั่นไหวที่เหมือนกับชื่อของมันจนเกิดแรงอัดของอากาศและระเบิดอย่างรุนแรง
ผู้เล่นและเงาที่อยู่ใกล้ถูกแรงอัดจนตัวลอยไปกระแทกกับหินจนตาย
ส่วนผู้เล่นคนอื่น ๆ ที่รอดนั้นต่างหมอบลง รวมทั้งเฮนริกและคนของเขา
“จะทรงพลังเกินไปแล้ว” เฮนริกพึมพําออกมา
“ไปช่วยกันฆ่าเงานั้น” เฮนริกสั่งนักเลงที่เหลือกันอยู่ราว ๆ 50 คน ส่วนที่เหลือนั้นต่างโดนดาบเสียบตายไปก่อนหน้านั้นแล้ว
เฮนริกแยกตัวออกไป แต่กลับมีผู้เล่นอีกนับร้อยสามสิบกว่าคนกลับไม่ได้ทําตามที่เฮนริกบอกพวกเขากําลังมองไปที่ยอดเขาห่างไปสองร้อยเมตรมีเหรียญตราสีทองส่องสว่างกาลังรอยอยู่นิ่งๆ รอใครสักคนไปคว้าอยู่
“ฮ่า ๆ ใครจะไปสนลอร์ดเจ็ดโลหะเหล่า ข้าต้องได้เหรียญตราแห่งผู้ชนะ”
“มันต้องเป็นของข้า” ผู้เล่นต่างวิ่งกันขึ้นไปด้านบนตรงไปที่เหรียญตราแห่งผู้ชนะในทันทีไม่มีใครมาขัดขวางพวกเขาอีกแล้ว เงาที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นเงาของลอร์ดเจ็ดโลหะก็ควรให้เจ้าตัวไปรับมือ นี่คือความคิดของผู้เล่น
“บัดซบเอ๊ย” เมื่อเฮนริกเห็นแบบนั้นก็ไม่สบอารมณ์มากแม้เขาจะไม่สนใจเงินรางวัลแต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาก็อยากได้เหรียญตรานั้นเช่นกันเฮนริกลังเลว่าจะเอายังไงในตอนนั้นเสียงของกายที่ดังมาจากในม่านฝนก็ดังขึ้น
“ไปจัดการพวกนั้น ฆ่าให้เหลือน้อยกว่าร้อยคน” กายตะโกนออกมา ในตอนแรกที่เขาไม่ขวางพวกผู้เล่นให้ตามหลังมาเพราะถ้าเกิดผู้เล่นเหลือน้อยกว่าร้อยคนมันจะทําให้เงื่อนไขในการเคลียร์ด่านที่เหลือผู้เล่นร้อยอันดับท่างานและเขาจะไม่สามารถเข้าไปคว้าเอาเหรียญตราแห่งผู้ชนะมาได้
ดังนั้นกายจึงยินดีช่วย แต่ตอนนี้ผู้เล่นพวกนั้นคิดจะเข้าไปแย่งเหรียญกายก็ไม่ลังเลที่จะทําลายมันทั้งหมดที่จริงกายก็ไม่ได้โกรธอะไร เพราะยังไงเขาก็หลอกใช้คนอื่น ๆเหมือนกันทุกคนยินดีที่จะโดนหลอกด้วยเพราะสุดท้ายเส้นทางที่ผู้เล่น 450คนเลือกก็คือมีเพียงผู้เล่นคนเดียวที่ชนะ
“ลูกพี่เขาสู้กับเงาของตนเองอยู่แต่การที่ให้ลูกพี่ไปขวางพวกผู้เล่นเพราะต้องการถ่วงเวลาเราควรจะไปเอาเหรียญตรามาเช่นกัน ยังไงก็ดีกว่าปล่อยให้ผู้เล่นคนอื่นได้ไป” [นักเลง2] เสนอความเห็น นักเลงคนอื่นๆก็เห็นด้วย
“อืม พวกเราจะไปเอาเหรียญตรา ใครขวางกระทึบให้หมด” เฮริกตะโกนบอกลูกน้องทันที