ตอนที่ 11 โจร
ฮาเกนเอ่ยปากพูดด้วยเสียงที่ไม่ดังไม่เบาว่า “ข้าและวิลเลียมมาจากหมู่บ้านเดียวกัน”
กายได้ยินดังนั้นก็แปลกใจสุด ๆ ไม่คิดว่าคนที่จะมีความเกลียดชังกันจะมาจากสถานที่เดียวกันได้ แต่เมื่อคิดดูดี ๆ ถ้าทั้งสองไม่รู้จักกันมาก่อนจะมีความเกลียดชังกันได้ยังไง
“เจ้ากับชายคนนั้นที่ชื่อวิลเลียมมาจากหมู่บ้านเดียวกัน แล้วทำไมพวกเจ้าถึงไม่ถูกกัน” กายยังคงสงสัยเรื่องนี้อยู่ดี
“เพราะมันต้องการที่จะแย่งคู่มั่นของข้า”
“อืม…ก็จริงความแค้นการโดนแย่งผู้หญิง ผู้ชายอย่างเราไม่อาจยอมได้ แต่เฮ้ยเดี๋ยวก่อนเจ้าหมายถึงคู่หมั้น คนอย่างเจ้าเนี่ยนะมีแฟนแล้ว” กายมองฮาเกนอย่างเหลือเชื่อ
“มีอะไรแปลกกัน หรือเจ้ายังไม่มีคู่หมั้น” ฮาเกนมองกายอย่างงง ๆ เพราะไม่เข้าใจ ปกติคนที่โลกราชันพออายุ 18 ก็ต้องได้รับการเลือกคู่ครองจากพ่อแม่แล้ว
กายนิ่งไปไม่รู้จะตอบโต้ฮาเกนยังไง นี่เป็นอีกครั้งที่เข้าแพ้โดนฮาเกนพูดจนไปไม่เป็น
ฮาเกนผู้ที่ไม่ได้สังเกตท่าทีของกายเลยก็พูดต่อว่า “ข้าและนางเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของพวกเราสองตกลงมั่นหมายกันไว้ก่อนแล้วจนกระทั่งปีก่อน วิลเลียมเจอกับนางและรู้สึกพอใจกับนางมากจึงพยายามใช้อำนาจบีบบังคับให้ครอบครัวของนางยกนางให้กับมัน
แต่ครอบครัวของนางไม่ยอมเพราะชาวดาราฟ้าเชื่อในอิสรภาพที่สามารถเลือกในสิ่งที่ใจคิดว่าถูกได้
วิลเลียมจึงหันมาเล่นงานข้าให้ไปบอกยกเลิกการมั่นหมาย และแน่นอนว่าข้าไม่ยอมเหมือนกัน ดังนั้นวิลเลียมจึงใช้อำนาจของตระกูลกดดันครอบครัวข้าทุกอย่าง พ่อข้าที่เป็นคนงานเหมืองก็ประสบอุบัติเหตุหินขนาดใหญ่หล่นทับเสียขาไปข้าง ยังโดนใส่ร้ายว่าขโมยอัญมณีที่ขุดพบจากเหมืองด้วยทำให้โดนจับขังคุก แม่ของข้าที่เป็นคนเย็บผ้าอยู่ ๆ ก็เกิดไฟไหม้ เผาทุกอย่างไม่มีเหลือทั้งเสื้อผ้าและบ้าน สุดท้ายข้ามีคนพยายามสังหารข้าแต่ข้ารอดมาได้”
“แล้วทำไมเจ้าเข้ามาอยู่ที่นี่”
“ก็เพราะการเป็นทหารจะสามารถช่วยให้ข้าทำความดีไถ่โทษพ่อของข้าออกจากคุกได้ และระหว่างที่ข้าเข้าร่วมกองทัพก็ยังสามารถส่งเงินกลับไปที่บ้านได้ แม่ของข้าก็จะได้ไม่ลำบาก”
“แต่ไม่คิดว่าวิลเลียมก็จะเดินทางมาด้วย มันพยายามสร้างความลำบากให้กับข้า ซึ่งข้าก็ไม่คิดจะตอบโต้มันเพราะอาจจะสร้างความลำบากให้กับพ่อของข้าที่ถูกจับอยู่ได้” ฮาเกนพูดต่อ “แต่นครดาราฟ้ามีกฎหมาย วิลเลียมไม่กล้าทำอะไรจนเกินไปอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจะต้องทำผลงานให้กองทัพและเป็นหัวหน้าหน่วยให้ได้ แจริงสิ ข้าต้องขอโทษด้วยที่ลากเจ้าเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ เจ้าระวังวิลเลียมไว้ด้วย มันเป็นพวกเจ้าคิดเจ้าแค้น”
“ไม่เป็นไร เจ้าสบายใจได้”
กายและฮาเกนมองหน้าและหัวเราะกัน กายรู้สึกเคารพ NPC ผู้นี้มากที่ไม่ยอมแพ้ “เกมนี้ช่างสุดยอดจริง ๆ สามารถสร้างเรื่องราว NPC ได้เหมือนจริงมาก ๆ”
และเย็นนี้ก็ผ่านไปทั้งแบบนี้ จนกระทั่งเวลาภายในเกมของกายหมดลง เขาก็“ล๊อคเอ้า” ออกมา
วันที่ 14 เมษายน ปีที่ 70 เวลา 03:00 น.
กายใช้มือทั้งสองข้างดันตัวขึ้นลุกออกจากแคปซูล รีบเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบน้ำมาหนึ่งขวดดื่มจนหมดพร้อมด้วยจัดการอาหารมื้อใหญ่อย่างหิวโหย
ในขณะนั้นซาเรียที่อ้าปากหาวเล็กน้อยหลังจากที่เคลียร์บัญชีของวันนี้เสร็จ ก็พูดว่า “ค่าอาหารของนายฉันคิดเงินนะ คิดลงบัญชีไว้ก่อน เดียวค่อยเคลียร์เงินหลังจากนายมีเงิน”
กายได้ยินดังนั้นก็สะอึกนิดหน่อย
หลังท้องอิ่มกายก็เริ่มง่วงจึงขอตัวกลับบ้านไปนอนก่อน เช้าวันต่อมาเสียงทุบหน้าห้องก็ดังอย่างต่อเนื่อง รอบแรกเป็นลุงแฟรงค์ที่เคาะ ส่วนรอบสองแน่นอนว่าเป็นป้าริแมนด้า
กายงัวเงียตื่นขึ้นมาราวกับซอมบี้ที่ยังไม่ได้สติ เปิดประตูออกไปจากห้องตามความเคยชิน แต่พอได้ยินเสียงด่าจากป้ามิแรนด้าก็ตาสว่างรีบวิ่งลงไปคว้าอาหารมาหนึ่งกระป๋องจากนั้นก็วิ่งออกไป แต่เพราะลืมหน้ากากกันฝุ่นกายถึงกับสำลักอย่างรุนแรงสองสามครั้งก่อนกลับเข้ามาในบ้านและสวมหน้ากาก
ลุงแฟรงค์เดินนำกายออกไปไม่ไกล เห็นดังนั้นเขาจึงวิ่งตามลุงไปจนทัน และทักทายด้วยท่าทีที่สุภาพ
“อรุณสวัสดิ์ครับลุง”
“อืม” ลุงแฟรงค์พยักหน้าตอบแบบเงียบ
กายไม่รู้ว่าลุงแฟรงค์คิดอะไรอยู่ แต่ปกติแล้วลุงจะเป็นคนเงียบ ๆ และเข้มงวดมาก ยกเว้นเรื่องในบ้านที่จะมีป้ามิแรนด้าเป็นคนจัดการซึ่งลุงจะไม่เข้าไปยุ่งเด็ดขาด เพราะด้วยความรักและไว้ใจในเมีย
สำหรับเขาลุงแฟรงค์ก็เปรียบเสมือนพ่อบุญธรรมของเขา แม้ลุงจะอายุ 50 ปีแล้วก็ตามแต่ก็ยังแข็งแรง เขาจำได้ตอนที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ ลุงสอนเขาทำงานหลาย ๆ อย่าง โดยไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย ขนาดที่เขาหอบหายใจแฮ่ก ๆ แต่ลุงยังคงปกติ อาจจะเป็นลุงทำงานหนักจนเคยชินแล้ว
ซึ่งเขาก็ขอบคุณลุงมากทั้งเรื่องสอนงานเขา และเรื่องที่เลี้ยงดูเขามาจนโตจบมัธยมปลาย
หลังจากไปถึงโรงงานแยกชิ้นส่วนโลหะงานวันนี้ก็เหมือนเช่นเคย กายจับคู่กับไทเลอร์ ตัดชิ้นส่วนรถยนต์ต้านแรงโน้มถ่วงสุดหรู ที่ดูเหมือนจะเกิดอุบัติเหตุมา
ในตอนที่แยกชิ้นส่วน เขาเจอรอยกระสุนปืนอยู่ตามตัวถังรถด้วย กายมองไปที่มันสักพักก่อนจะไม่สนใจ ทำงานมาสามเดือนทำให้เขาเห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง บางทียังเคยเจอชิ้นส่วนมนุษย์ติดอยู่ก็มี
ต้องบอกว่าโลกในยุคนี้มันไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่คิด กายไม่รู้ว่ายุคก่อนเป็นยังไง สมัยนั้นเห็นว่ามีเรื่องราวแบบโจรกับตำรวจสู้กัน แต่ในยุคของกายมันน่ากลัวกว่าจะเรียกว่าผู้ก่อการร้ายก็ไม่ถูกซะทีเดียว
ควรจะเรียกว่านักปฏิวัติมากกว่า คนเหล่านี้เชื่อว่าโอเอซิสเป็นภัยต่อโลกมันเหมือนกับเห็บหมัดที่ดูดเลือดหรือก็คือทรัพยากรของโลกไปเลี้ยงตัวเอง แต่ใครจะไปสนพวกเขากัน
“เฮ้ กายนายดูนี่” ไทเลอร์หยิบโยนบางอย่างให้กาย
กายยกมือรับด้วยสัญชาตญาณอย่างงง ๆ แต่เมื่อมองดูมันคือกระสุนปืน
“ฉันแบ่งให้ ของฉันหนึ่งนัดของนายหนึ่งนัด นี่คือกระสุนที่ใช้ดินปืนแบบปืนสมัยก่อนปีที่ 70 ของเราซะอีก มันน่าจะเป็นกระสุนขนาด 50 มิลลิเมตร ราคาน่าจะซัก 550 ถึง 570 บิทได้” ไทเลอร์อธิบายให้กายฟัง
กายก้มลงมองกระสุนในมือมันราคา 570 บิทนั้นเท่ากับค่าแรกตอนที่เขาอยู่ทำงานล่วงเวลา ไม่สิมันมากกว่าอีกนิดหน่อย
“พวกนายทำอะไรกัน รีบทำงานอย่าอู้”
กายถึงกับสะดุ้งเมื่อเสียงตะโกนของบรู๊กดังขึ้น เขารีบเก็บกระสุนไว้ในซองกระเป๋ากางเกงทันทีกลัวว่าบรู๊กจะเป็น แต่พอหันไปดู ก็เห็นว่าหัวหน้าบรู๊กไม่ได้ว่าพวกเขา แต่เป็นคนงานอีกคน
“ขอบใจมาก” กายบอกกับไทเลอร์ด้วยเสียงที่เบา
“ไม่เป็นไร” ไทเลอร์กระซิบตอบกลับไป
หลังจากเลิกงานกายก็ไปเปลี่ยนชุดคนงานออกใส่เสื้อผ้าของตัวเอง ขณะที่กำลังจะส่งเสื้อผ้าคนงานไปซักเขาก็นึกขึ้นมาได้เรื่องกระสุน กายหยิบมันขึ้นมาดูจากนั้นก็ซุกไว้ในรอยขาดของรองเท้าเก่า ๆ ของตัวเอง
ตกเย็นเขาก็ไปร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 หาอะไรทำค่าเวลา แต่สุดท้ายจบลงด้วยการนอนหลับเพราะความง่วงที่สะสม ในห้องเกมที่มีแคปซูลมันเย็นสบายมาก กายล้มตัวนอนบนโซฟาได้อย่างสบายใจ เพราะปกติไม่มีใครเข้ามาใช้เครื่องทั้งสองอยู่แล้ว
ลูกค้าของเจ้ซาเรียส่วนใหญ่จะไปเล่นเกมที่อยู่ห้องใหญ่ของร้านกัน กายมาที่นี่หลายวันแล้วเขาลองเดา ๆ ดูกำไรในแต่ละวันของทางร้านน่าจะไม่ต่ำกว่า 7,000-8,000 บิท ซึ่งน่าอิจฉามากพอสมควรเมื่อเทียบกับกายที่ทำงานหนักทั้งวันได้เงินค่าแรงขั้นต่ำแค่ 1500 บิทต่อวันเท่านั้น
แต่ที่น่าแปลกคือดูเหมือนเจ้ซาเรียจะกังวลเรื่องเงินพอสมควร ซึ่งเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเงินที่หาได้ไปไหนหมด บางที่เธออาจจะมีสิ่งจำเป็นที่ต้องใช้เงินจำนวนมาก ไม่งั้นจะยอมให้กายใช้แคปซูลเล่นเกมราชันสงครามออนไลน์ได้ยังไง
แต่นั้นก็ยิ่งทำให้กายตั้งใจมากขึ้น บางทีอาจจะเพราะไม่อยากทำให้คนที่ตั้งความหวังไว้กับเราผิดหวัง หรือ เพราะไม่เคยมีใครตั้งความหวังหรือหวังในตัวเขามาก่อนว่าจะทำสำเร็จ
กายมองอย่างขอบคุณไปทางซาเรีย แต่แน่นอนว่ามันเป็นสายตาของน้องชายที่ขอบคุณเจ้ใหญ่ซาเรียเท่านั้น
หลังจากถึงเวลา 00:00 น. วันที่ 15 เมษายน ปีที่ 70
“ลิ้งค์เกม” กายเข้าเกมตามปกติมาอยู่ในโลกของราชันซึ่งตัวละครของเขายังคงนอนหลับนอนหลับอยู่ ขณะที่กายลุกขึ้นมาคลำหาถุงน้ำกินเรื่องจากอากาศที่หนาวทำให้คอของเขาแห้งจนเจ็บ แต่แล้วกายก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ เขารีบหยุดมือแนบหูฟังเสียงที่อยู่รอบ ๆ รถม้าลาก
กรึบ ๆ แก็ก ๆ
เสียงของรองเท้าที่เดินย่องเข้ามาพุ่มหญ้า มีเสียงที่เหยียบกิ่งไม่หักแทรกในบางครั้ง
กายรีบก้มหลบเกราะข้างกระบะของรถม้าลากที่สูงประมาณ 50 เซนติเมตร ด้านข้างยังมีเสียงของฮาเกนที่นอนกรนเสียงดังอยู่ เขาค่อย ๆ เอื้อมมือไปปลุกฮาเกน
ฮาเกนที่งัวเงียทำท่าจะถามกายว่าปลุกตัวเองทำไม แต่กายรีบเอามือปิดปากและใช้มืออีกข้างทำท่าส่งสัญญาณให้เงียบ ๆ จากนั้นก็ชี้ไปที่ที่กลุ่มคนท่าทางแปลก ๆ แอบเข้ามา
ฮาเกนไม่ได้โง่ เมื่อเห็นกายนอนแอบกับพื้นรถลากส่งสัญญาณให้ตัวเองดู ชายร่างใหญ่ค่อย ๆ โผล่หัวขึ้นไป มองดูคนพวกนั้นที่แอบเขามาด้วยแสงจากดวงจันทร์และกองไฟที่แม้จะน้อย แต่ก็ทำให้ฮาเกนพอจะเดาได้ว่าพวกนี้มันเป็นใคร
ฮาเกนรีบนอนลงอย่างเดิม เพื่อไม่ให้โจรเป็นว่าพวกเขาตื่นแล้วพร้อมกระซิบเสียงเบา ๆ ว่า “พวกมันคือโจร”
เสียงของฮาเกนเบามากราวกับยุง แต่กายก็ฟังพอรู้เรื่องจึงพยักหน้าว่ารู้แล้ว
“เอายังไงกันดี”
“รอดูไปก่อน พวกทหารน่าจะจัดการได้”
ทั้งสองกระซิบกันจากนั้นก็แกล้งนอนหลับตา แต่ในมือกับหยิบอาวุธของตัวเองออกมา ฮาเกนในมือไม่มีอาวุธอะไร จึงคิดจะหยิบขนมปังดำแข็ง ๆ ที่กินเหลืออยู่ออกมาใช้แทนหินเผื่อจะเป็นอาวุธทุบหัวคนได้
ส่วนกายตอนที่ออกมาจากบ้านหลังนั้นทั้งตัวของที่พอจะเป็นอาวุธได้ก็มีแต่มีดทำครัวที่ตัวเองที่ขึ้นมา กับค้อนตีเหล็ก แต่มีดมันอยู่ไกลไปจากเขาเล็กน้อยกายจึงเลือกหยิบค้อนมาเป็นอาวุธแทน
แต่เขาก็ไม่ลืมบอกฮาเกนว่า “ข้ามีมีดทำครัวอยู่ในกระเป๋าถ้าเกิดอะไร เจ้าก็หยิบมันมาใช้”
“อืม” ฮาเกนพยักหน้าเป็นสัญญาณว่าเข้าใจแล้ว
ขณะที่กลุ่มโจรเข้าล้อมมาเรื่อย ๆ กายก็ได้ยินเสียงพวกมันกระซิบกันว่า “รถลากคันนี้มีเด็กอยู่สองคน คนขับนอนอยู่ใต้ท้องรถลาก”
“ไปดูคันข้างหน้าระวังพวกมันตื่นด้วย”
“ส่วนใหญ่มีแต่เด็ก”
“ชักแปลก ๆ แล้วพวกนี้มันเหมือนว่าเป็นของที่พวกทหารใช้กัน แต่ทหารไปไหนกันหมด”
“ช่างมันเตรียมลงมือ ล้อมพวกมันไว้”
เสียงโจรกระซิบกันน่าจะมีอยู่ราว ๆ 20-30 คนถือว่าเป็นโจรกลุ่มใหญ่พอสมควร แต่กายรู้สึกเครียดขึ้นมาเมื่อได้ยินพวกมันพูดกันมาประโยคหนึ่งนั้นก็คือ พวกทหารไม่อยู่ในที่พัก พวกเขาหายไปไหนกัน