ตอนที่ 21 คำท้าสู้และการเลือกด้วยตนเอง
“โอ๊ะ…ขอโทษทีข้าไม่ได้ตั้งใจ” กายกล่าวขอโทษเพราะเขารู้ว่าตัวเองนั้นเป็นฝ่ายผิด
“ข้าก็นึกว่าใครที่แท้ก็เด็กขอทานจากหมู่บ้านนายพราน” วิลเลียมพูดอย่างดูถูก
“ข้ารู้จักเจ้างั้นเหรอ” กายทำท่าเหมือนไม่รู้จักวิลเลียมและเดินออกมาเพราะเขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับวิลเลียม
วิลเลียมโดนพูดใส่แบบนั้นอีกทั้งกายเดินหนีเขาไปเหมือนตัวเขาเป็นอากาศธาตุไม่มีผิด
“หยุด ข้าบอกให้เจ้าหยุด” วิลเลียมหันไปชี้นิ้วสั่งด้วยความเดือดดาล แต่เมื่อเห็นว่ากายไม่ยอมหยุดจึงสั่งให้ของตัวเองไปล้อมกายไว้
“เจ้าต้องการอะไร? หลบไป!” กายถามด้วยความหงุดหงิดที่โดนคนมาขวางไว้ ตอนนี้เขาง่วงนอนมากแต่กลับไม่สามารถไปนอนได้
“เจ้าคิดว่าโชคดีได้การแนะนำจากกองพลที่ 8 และคิดว่าเทียบเท่ากับพวกเราได้ เจ้าเลือกจะช่วยลูกหัวขโมยอย่างฮาเกนดังนั้นระวังตัวไว้ด้วย” กลุ่มของวิลเลียมขยับเท้าเข้าหากาย
“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร อย่าลืมว่าสถาบันศาสตร์นักรบมีกฎห้ามต่อสู้ต่อสู้กันเองภายในสถาบัน” กายถอยหลังไปเล็กน้อย ‘ถ้าตัว ๆ ข้าไม่กลัวอย่างแน่นอนแม้ว่าจะแพ้ มันก็แค่เจ็บตัวเล็กน้อย แต่บัดซบ NPC พวกนี้คิดจะรุมข้า ขืนโดนรุมมีหวังได้นอนเจ็บสาหัสไปหลายวันในเกมอย่างแน่นอน ข้าจะมาเสียเวลาแบบนี้ไม่ได้’
กายจับดาบด้านหลังแน่น ถ้าพวกมันลงมือเขาก็ไม่มีทางเลือกต้องจับอาวุธสู้
คนที่ล้อมกายเห็นเขาจับดาบก็ลังเลเล็กน้อย แต่ก็พากันจับไปที่ของตัวเองเช่นกัน ศิษย์ทุกคนสามารถพกอาวุธติดตัวได้ ซึ่งคนในนครส่วนใหญ่ก็มักจะมีอาวุธติดตัวกันเป็นเรื่องปกติ
แต่มีข้อห้ามอยู่นั้นคือห้ามพกอาวุธที่โจมตีระยะไกลได้เช่น ธนูหรือหน้าไม้ ยกเว้นถ้าพกธนูจะต้องทำการปลดสายออกซะก่อน
“เจ้าคงจนมากสินะ แม้แต่เหรียญทองซื้อดาบดี ๆ ก็ยังไม่มี พกดาบผุ ๆ พัง ๆ” วิลเลียมแสดงสีหน้าเยาะเย้ยกายอย่างชัดเจน
“เฮ้ ข้าว่าวันนี้พวกเราปล่อยมันไปก่อนเป็นไง ยังไงเจ้าก็สู้กับคนที่สภาพไม่พร้อมแบบนี้ชนะไปก็ไม่มีความหมาย อีกอย่างถ้าเจ้าสู้ที่นี่ก็โดนโทษถึงขั้นโบยเลยทีเดียว แต่ถ้าเจ้าใช้กฎการท้าสู้ของนักรบมันก็ไม่ผิด” ลูคัสเดินเข้ามาขวางระหว่างกายกับวิลเลียมไว้
วิลเลีอมมองไปที่ลูคัส แต่เมื่อคิดตามที่ลูคัสบอกมันก็จริง ถ้าเขาสู้กันในที่นี้คงจะโดนลงโทษอย่างแน่นอน
“เอาแบบนี้เป็นไง ข้าเห็นว่าวันนี้เจ้าคงไปทำงานแลกดาบเก่า ๆ มาจึงใจดีปล่อยเจ้าไปก่อนในวันนี้ เรามาสู้กันพรุ่งนี้เป็นไง ข้าขอท้าเจ้าสู้ตามกฎของนักรบ เจ้ากล้าลับไหม” วิลเลียมมองกายอย่างท้าทาย
กายมองไปที่วิลเลียมและก็หรี่ตามองลูคัสที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มน่าขนลุก ราวกับอสรพิษ ถ้าจะบอกว่าวิลเลียมเป็นพวกสมองมีปัญหาไม่ชอบขี้หน้าใครก็จะหาเรื่องไปตรง ๆ ลูคัสก็คงเป็นประเภทที่คอยปั่นหัวคนอื่นอยู่ด้านหลังให้กัดกันเอง ส่วนตัวเองนั่งมองดูจากวงนอก เขาเกลียดคนแบบลูคัสมากที่สุด
“ตกลง ข้ารับคำท้า” กายตอบรับคำท้าของวิลเลียมไป ไม่ใช่เพราะเขาโดนลูคัสปั่นหัวเล่น แต่เพราะเขารู้สึกไม่ชอบขี้หน้าวิลเลียมเหมือนกันอีกอย่างกายอย่างตะบันหน้าที่มองแบบนั้นสักที หน้าที่ชอบมองว่าตัวเองสูงกว่าคนอื่น ๆ เสมอ
‘ถ้าข้ากระทืบมันนอนจมพื้นแก้แค้นให้ฮาเกน ความรู้สึกในตอนนั้นคงจะสุดยอดน่าดู แต่ก่อนอื่นข้าคงต้องไปนอนก่อน’
เขาเริ่มไม่สามารถควบคุมตัวละครได้แล้ว มันง่วงเป็นอย่างมาก
กายผลักพวกนั้นถอยไปและเดินออกมาจากตรงนั้นทันที เขากลับไปนอนที่ห้องพัก หลังจากนั้นข่าวการท้าสู้ของศิษย์ ปี 1 ระหว่างวิลเลียมและกายก็กระจายไปทั่วทั้งสถาบันศาสตร์นักรบ โดยเฉพาะในหมู่พวกศิษย์ชั้นปี 1 จนทำให้พวกชั้นปี 2 บางคนรู้สึกสนใจเรื่องนี้พอสมควร
แม้แต่มีอาที่กำลังฝึกซ้อมดาบอย่างตั้งใจก็ได้ยินเรื่องนี้เช่นกัน
“มีอาเจ้าได้ยินเด็กที่ชื่อเดวินนั้นไหม ตอนนี้เขารับคำท้าสู้กับวิลเลียม แล้ว เจ้าคิดว่าเขาจะยืนอยู่ได้นานกี่กระบวนท่า เจ้าจะไปดูไหม” เด็กสาวผมสีทองมัดเปียทั้งสองข้างร่างเล็ก บอกกับมีอาด้วยความตื่นเต้น ดูเหมือนเธอจะอยากไปดูเป็นอย่างมาก
“เดวิน?”
“ก็เดวินที่มาที่สถาบันพร้อมกับเจ้ายังไง”
“เขาอาจจะเป็นเพียงแค่คนโง่คนหนึ่งเท่านั้น”
มีอาเลิกสนใจเรื่องนี้ และตั้งใจฝึกดาบของเธอต่อทิ้งให้เด็กสาวผมทองงงกับคำตอบ
ในแต่ละการฟันของมีอานั้นถ้าสังเกตให้ดีจะเป็นประกายของออร่าที่ออกมาจากดาบอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่นานเธอก็หยุดมือ
“ช่างเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะไปดูเขาหน่อยก็แล้วกัน ถ้าถึงคราวจำเป็นก็แค่ช่วยเขาไม่ให้โดนซ้อมจนตายก็พอ ยังไงเขาก็เป็นช่างโลหะอาจจะให้เขาสร้างดาบให้ข้าสักเล่มเป็นการตอบแทนในอนาคต”
“เจ้าอยากได้ดาบเขาจริง ๆ งั้นเหรอ”
“แน่นอน”
เมื่อเด็กสาวผมทองได้ยินดังนั้นก็ยิ้มจนตาแทบปิดอย่างมีเลศนัย มีอาที่เหมือนจะนึกอะไรได้ก็หันไปหาเด็กสาวผมทองด้วยใบหน้าที่อายและโมโหในเวลาเดียวกัน
“ลิลี่เจ้าเด็กแก่แดด” มีอาวิ่งไล่ตามเด็กสาวผมทองด้วยความอารมณ์เสีย แต่เธอกลับวิ่งไม่ทันเด็กสาวผมทองที่ถูกเรียกว่าลิลี่เลยแม้แต่น้อย
“ช่วยด้วย…ถ้าเจ้าตามข้ามาข้าจะบอกทุกคนว่าเจ้าอยากได้ดาบของเดวิน” ลิลี่วิ่งหนีไปแต่ก็หันมาแลบลิ้นทำท่ากวนใส่มีอาอยู่เป็นระยะ
“ลิลี่เจ้า…หยุดเลยนะ ข้าไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย”
“แบบนั้นคือแบบไหน”
“ก็…หึ ข้าไม่คุยกับเจ้าเลย” มีอาพูดด้วยความหงุดหงิดและเดินหนีกลับห้องพักทันที ส่วนลิลี่เมื่อเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งตามมีอาไปเช่นกันด้วยความสนุกสนานที่สามารถแกล้งเพื่อนสาวได้
……
กายหลังจากที่ล้มตัวลงนอนรู้ตัวอีกทีก็หมดเวลาในเกม
“ล๊อคเอ้า”
เขาลุกขึ้นออกมาจากแคปซูลก็รู้สึกง่วงนอนเป็นอย่างมาก แต่มองดูด้านข้างตัวเองก็เห็นว่าแคปซูลด้านข้างทำงานอยู่ มีคนเข้ามาใช้บริการแคปซูลเกมด้วยเช่นกัน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติวันก่อน ๆ เขาก็เห็นมาบาง แต่แคปซูลตัวประจำของเขานั้นเจ้ซาเรียได้ติดป้ายไว้ว่าให้เขาใช้ได้คนเดียว
“หาว…ฉันควรไปนอนสักหน่อย ไม่คิดว่าการเล่นเกมก็เหนื่อยได้” หลังจากบ่น เขาลุกบิดตัวไปมา หันไปเห็นเจ้ซาเรียยังคงหน้านิ่วคิ้วขมวดอีกครั้ง
“เจ้ผมเล่นเสร็จแล้วกลับก่อนนะครับ” กายเดินมากล่าวลา
“เวลาเปิดตัวมาแล้วคือ 19 เมษา เวลาเที่ยงตรงแดนสงครามจะเปิดพร้อมกับที่จะมีการถ่ายทอดสดด้วย หวังว่านายจะพร้อมนะ”
กายได้ยินดังนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อยและพยักหน้าเป็นการตอบรับ ที่ผ่านมาทั้ง 7 วัน ที่เขาทำมาทั้งหมดกำลังจะได้ใช้ในวันพรุ่งนี้แล้ว กายยังรู้สึกตื่นเต้นและไม่มั่นใจแม้น้อย ‘ไม่เป็นไรฉันยังมีเวลา 3 วันในเกมยังไงก็ต้องทำให้ดีที่สุด’
เมื่อคิดได้ดังนั้นกายก็เลือกจะพูดกับเจ้ซาเรีย “เจ้ ขอบคุณนะครับ”
“อืม” เธอตอบเพียงคำเดียวและไม่สนใจเขา
กายยิ้มจืด ๆ หยิบหน้ากากมาใส่และเดินออกจากร้านกลับไปบ้าน
ในระหว่างทางเขาเดินไปก็คิดถึงเงินที่อาจจะได้ ‘1000 บิท 2000 บิทบางทีอาจจะได้น้อยกว่านี้ เดียวก่อน แดนสงครามเปิดตอนเที่ยงพรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแล้วจะเอาเวลาไหนมาเล่นในแดนราชัน’
ดูเหมือนกายจะลืมไปซะสนิทเลยว่าตัวเองต้องไปทำงาน กายคิดไปก็เดินกลับไปที่บ้าน เหมือนกับกำลังตัดสินใจบางอย่างอยู่
แต่ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นอันยาที่กำลังนั่งกินอาหารกับกลุ่มเพื่อนอยู่ในร้านอาหารฟาสต์ฟูดกับกลุ่มเพื่อนอีกสองสามคน กำลังคุยกันอย่างสนุกสนานพร้อมด้วยอาหารที่ว่างอยู่ตรงหน้ามากมาย
กายมองผ่านเข้าไปในกระจกจากอีกฝั่งของถนน แม้ฝุ่นจะเยาะแต่ก็มองไม่ผิดอย่างแน่นอน
‘ช่างเถอะ’ กายเดินไปต่อ
…….
“เอ๊ะ! …อันยานั้นไม่ใช่ญาติเธอหรือเปล่า เขามาทำอะไรแถวนี้” จีน่าหญิงสาวหนึ่งในกลุ่มเพื่อนชี้ให้กับอันยาดู
“เออ…ฉันก็ไม่รู้แต่หมอนั้นมักจะเป็นพวกเงียบ ๆ และซื่อบื้ออย่าไปสนใจเลย เรามากินกันต่อดีกว่า” อันยารีบเปลี่ยนเรื่องการสนทนากลุ่ม เพราะไม่อยากจะให้คนพวกนี้สนใจเรื่องที่บ้านของเธอ
“ชนแก้ว ฉลองให้กับการปิดเทอมของพวกเรา”
“ชนแก้ว”
ทั้งกลุ่มกินอาหารกันอย่างเฮฮา แต่อันยายังคงมองกายที่เดินหายไปไกล ๆ อยูด้วยความสงสัย
ในตอนนั้นเองหนึ่งในผู้ชายในกลุ่มเพื่อนนั้นคว้าไหล่ของอันยาเข้ามากอดเธอไว้ ทำเอาอันยาหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเธอจึงเลิกสนใจเรื่องของกายไปก่อน
……………..
เช้าวันต่อมานาฬิกาชีวภาพในตัวของเขาก็ปลุกตัวเองขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
“ฉันจะไปทำงานดีหรือเปล่า หรือจะออกจากงานเลย” กายเลือกอย่างหนักใจ มือทั้งสองข้างขยี้ผมไปมา จนผมที่ดูยุ่งเหยิงอยู่แล้วในตอนเช้า ยิ่งยุ่งเหยิงเข้าไปอีก
“อ๊ากกก ช่างมันครั้งนี้ฉันจะขอเลือกเองบ้างว่าจะทำอะไร ฉันจะเดินบนเส้นทางของเกมราชันสงครามออนไลน์ ฉันจะไล่ตามเงินทอง อำนาจและศิลปะการต่อสู้” เมื่อตัดสินใจได้กายก็ดูเหมือนจะรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เขายิ้มออกมาและหัวเราะราวกับคนบ้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะทิ้งตัวลงนอนต่อ
หลังจากนั้นเขาก็นอนต่อโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น สาย ๆ เขาก็ตื่นขึ้นมาด้วยเหงื่อเต็มตัวจากความร้อน หลังจากแต่งตัวเสร็จก็ไปที่ร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8