ตอนที่ 25 เกี่ยวก้อยสัญญา
เมื่อแพ้ก็ต้องจ่าย วิลเลียมเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงออกไปจากร้านต้นไม้เงินทันทีโดยไม่หันกลับมาสนทนากับอะไรพวกเขาอีก
ทุกคนต่างมองดาบเดซี่ในมือกายด้วยความโลภ แต่ก็ไม่มีใครโง่พอที่จะเข้าไปแย่งชิง นครดารามีกฎหมายโดยเฉพาะพวกเขาที่อยู่ในสถาบันศาสตร์นักรบยิ่งต้องยึดถือเกียรติและความถูกต้อง
กายจับดาบเดซี่ในมือแน่นขึ้นและพยายามแอบมันให้พ้นสายตาคนพวกนี้ เขาจะรู้ว่าคนพวกนี้ไม่กล้าขโมยดาบในมือของเขา แต่กายรู้สึกกลัวเล็กน้อย กลัวว่าถ้าตนเดินอยู่ในซอยเปลี่ยว ๆ อาจมีใครมาทุบหัวเขาและขโมยดาบก็ได้
‘ฉันต้องระวังตัว กลับไปที่สถาบันศาสตร์นักรบก่อนดีกว่า ที่นั่นปลอดภัยแน่นอน คงไม่มีใครกล้าปล้นในสถาบันศาสตร์นักรบหรอกนะ’
เมื่อไม่มีเรื่องสนุกอะไรอีกคนอื่น ๆ ก็ทยอยกลับกันไปหมดแล้ว เหลือแค่กายและมีอาสองคนที่ยังอยู่ในร้าน พร้อมกับลูกค้าอีกสองสามคนที่เข้ามาใหม่กำลังเลือกดูสินค้าในร้านซึ่งพวกเขาก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเหตุการณ์ที่พึ่งผ่านไป
“เรากลับกันเถอะ ข้ากลัวว่าถ้าช้ากว่านี้อาจจะมีโจรมาดักปล้นดาบของข้าได้” กายพูดกับมีอา
มีอาพยักหน้าอย่างเข้าใจ เมื่อเห็นท่าทีของกายเปลี่ยนไปเพราะมูลค่าของดาบเธอก็ยิ้มออกมา อันที่จริงแล้วเธอก็ไม่คิดว่าดาบในมือกายจะเป็นดาบระดับ 5 ที่ผนึกจิตวิญญาณได้เช่นกัน
กายกำลังจะออกจากร้านอยู่ ๆ เจ้าของร้านก็เข้ามาขวางกายไว้
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ถึงมาขวางพวกเรา” กายระวังตัวขึ้นมาในทันที
“เปล่า ๆ พวกเจ้าอย่าพึ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้จะขวางทางแต่เพียงแค่อยากจะถามเกี่ยวกับดาบเล่มนั้น” แอชเชอร์พูดออกมาด้วยความจริงใจ
“ถาม?”
“ใช่ ดาบเล่มนั้นเจ้ายินดีจะขายหรือไม่ ข้าให้ราคาหนึ่งพันห้าร้อยเลย…ไม่สิ! หนึ่งพันแปดร้อยเหรียญทองเลยเป็นยังไง”
กายหรี่ตามองด้วยความไม่ไว้ใจ ‘เจ้าของร้านถึงกับซื้อมากกว่าที่ราคาประเมินถึง 300 เหรียญทอง เขาคิดจะทำอะไรกันแน่’
เจ้าของร้านเห็นว่ากายเงียบไปก็คิดว่ากายอาจจะเข้าใจอะไรผิดจึงรีบพูดออกมาว่า “คือเจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าร้านของข้าเป็นร้านขายอาวุธ ถ้าได้ดาบเล่มนี้มาตั้งโชว์อยู่ในร้านก็จะเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะงั้นเจ้าขายให้ร้านข้าได้หรือไม่”
“ไม่ขาย”
แต่ยังไม่ทันที่กายจะได้พูดอะไร มีอาที่อยู่ข้างก็รีบพูดตัดบท เธอจับมือกายวิ่งออกมาจากร้านทันทีโดยไม่ให้โอกาสแอชเชอร์ได้พูดอะไรอีก
“เดี๋ยวก่อนสิ…..”
กายโดนมีอาลากออกมาจากร้านต้นไม้เงินด้วยความรีบร้อนจนเกือบจะล้มลง ทั้งสองคนวิ่งออกมาไกลมากจนไม่เห็นร้านต้นไม้เงินในสายตาอีก
“แฮก ๆ เฮ้…เจ้าทำอะไร?” กายถามด้วยความงงกับท่าทีของมีอาเป็นอย่างมาก
มีอาพึ่งรู้ตัวว่าตอนนี้ตนเองจับมือกายอยู่ก็รีบปล่อยมือกายพร้อมกับใบหน้าที่แดงราวกับลูกพีช แต่เธอก็หันกลับมาพูดกับเข้าด้วยสีหน้าที่จริงจังทำเอากลายตั้งตัวไม่ทัน
“เดวินข้าต้องการเจรจากับเจ้า” มีอากล่าวออกมาด้วยความจริงจัง
“หา..เจรจา? เรื่องอะไร?”
‘หรือว่าเธอต้องการส่วนแบ่งจากการพนันเมื่อสักครู่’ กายคิดในใจตัวเองได้ดังนั้นก็กล่าวกลับไปด้วยความเจ็บปวด “แน่นอน แต่ข้าต้องใช้เงิน เจ้าเอาไป 10% ข้า 90% ไม่สิ เจ้าเอาไป 5% ตกลงหรือไม่”
“หมายความว่าไง?” มีอาทำหน้างง ๆ
“ก็ส่วนแบ่งที่ได้จากการพนัน เจ้าไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้เหรอ”
“เปล่านี่” มีอาส่ายหัวด้วยใบหน้านิ่ง ๆ
…กายเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจทันที ‘โชคดีว่าเธอไม่ได้ต้องการส่วนแบ่ง ถ้างั้นเธอต้องการเจรจาเรื่องอะไร’
“ว่าแต่เจ้าต้องการอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องเงินพนัน”
“ข้าต้องการสิ่งนั้น” มีอาชี้ไปที่ดาบเดซี่ในมือของกาย
“อ้อ ได้..เฮ้ย! ไม่สิ! เดี๋ยวเจ้าหมายความว่ายังไง” กายดึงดาบมาชิดตัวทันที ‘อย่าบอกว่าเธอช่วยฉันแล้วคิดว่าฉันจะยกดาบที่มีมูลค่านับพันท้องให้หรอกนะ’
“เจ้าทำท่าแบบนี้คืออะไรข้าไม่ได้จะขโมยดาบเจ้าสักหน่อย แต่ข้าต้องการจะซื้อดาบเล่มนี้ต่อจากเจ้าต่างหาก” มีอาพูดด้วยความไม่พอใจกับท่าทีที่กายมองเธอราวกับกำลังขโมยดาบของเขา
“ไม่ขาย” กายพูดจบและเดินต่อไปทันที เขารู้สึกขอบคุณเธอ แต่ตอนนี้ดาบเล่มนี้สำคัญกับเขามาก เพราะเขาต้องใช้มันในแดนสงคราม
“เดี๋ยวสิเจ้าไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ” มีอาวิ่งตามกายไป เธอพยายามตื้อขอซื้อดาบกับเขา
ทั้งสองเดินมาถึงประตูทางเข้าสถาบันศาสตร์นักรบ มีอายังคงขอซื้อดาบต่อจากกายอยู่ ซึ่งกายก็ยังตอบเสียงแข็งเช่นเดิม
“ไม่ขาย ยังไงก็ไม่ขาย”
“ก็ได้ แต่ข้ามีอีกคำถาม อาจารย์ช่างโลหะคนไหนเป็นผู้ที่ตีดาบเล่มนี้ขึ้นมา” มีอาถามพร้อมกับคิดในใจตัวเองว่า ‘อย่างน้อยถ้ารู้ว่าดาบเล่มนี้เป็นฝีมือของอาจารย์ช่างโลหะไหน ข้าอาจจะขอให้เขาตีอีกเล่มขึ้นมาก็ได้’
มีอารู้สึกชอบดาบสีขาวบริสุทธิ์เล่มนี้มากจริง ๆ
กายได้ยินแบบนั้นก็ลังเลที่จะบอกดีหรือไม่ว่าเขาเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาเอง แต่สุดท้ายเขาก็ยอมบอกเพราะมีอาเอาแต่จ้องมองหน้าเขาแบบนี้ ถ้าเกิดไม่ยอมบอกเธอคงไม่ปล่อยเขาไปง่าย ๆ อย่างแน่นอน
“ก็ได้…ฉันเป็นคนตีดาบเล่มนี้เอง” กายตอบออกไปด้วยความภาคภูมิใจ
แต่กลับกลายเป็นว่ามีอาแสดงท่าทีไม่พอใจ พร้อมกับกล่าวว่า “เดวิน ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่เห็นต้องโกหกกันเลยนิ”
“เออ ข้าตีดาบเล่มนี้เองจริง ๆ” กายพูดเพื่อยืนยันว่าเขาเป็นคนตีดาบเล่มนี้จริง ๆ
“เจ้า ไม่ได้โกหกใช่ไหม”
“แน่นอนสาบานด้วยเกียรติของนักรบ”
“แต่เจ้าพึ่งจะเป็นแค่ช่างโลหะฝึกหัดไม่ใช่หรือ”
“อะแฮ่ม! อย่าไปบอกใครละ อันที่จริงแล้วข้าเป็นช่างโลหะอัจฉริยะในรอบ 1000 ปี” กายทำหน้าเข้มขึงเพื่อให้คำพูดน่าเชื่อถือ
“เออ…” มีอาไม่รู้จะพูดกับความหลงตัวเองของกายยังไง แต่เธอก็ต้องยอมรับอยู่เรื่องหนึ่งว่ากายนั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ‘ในเวลาไม่ถึงเดือน ชายคนนี้สามารถสร้างดาบระดับ 5ได้ พวกเขาเรียนอะไรกันในโรงตีเหล็กไร้เวลาหลังปราสาทกัน การสอนในโรงตีเหล็กไร้เวลาต้องสุดยอดอย่างแน่นอน น่าเสียดายที่ข้าไม่สามารถเข้าไปได้ ถ้าไม่ใช่ช่างโลหะ’
ถ้ากายได้ยินความคิดของมีอาเขาคงจะรีบบอกเธอว่า ‘หนีไป ที่นั่นมันคือโรงงานนรก’
“ก็ได้ ข้าจะยอมเชื่อเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องตีดาบให้ข้าเล่มหนึ่ง…และ…และคุณภาพของมันต้องไม่ด้อยไปกว่าดาบเล่มนี้”
“ได้ข้าจะลองดู แต่เจ้าต้องจ่ายราคาตลาด เออจ่ายล่วงหน้าด้วย…” กายตอบตกลงไปเพราะเห็นแก่ที่มีอาช่วยเขาสองครั้ง
“ตกลง! ถ้างั้นมาทำสัญญากัน” มีอายิ้มออกมาด้วยความดีใจ เธอยืนนิ้วก้อยออกมาทางเขา
“นี่คือ???” กายชี้ไปที่มือของหญิงสาวด้วยความสงสัย
“หือ…เอ้อก็เกี่ยวก้อยสัญญากันไง” มีอาบอก
กายรู้สึกงงเข้าไปใหญ่ ‘เธอเป็นเด็กหรือไง ถ้าฉันจับมือของเธอคงไม่ใช่เป็นการเอาเปรียบหรอกนะ’
ชายหนุ่มค่อย ๆ ยืนมือออกไปช้า ๆ เขามองดูมือที่ขาวราวกับหยวกกล้วยของเธอ ผิวที่เรียบเนียนเหมือนกับใบบัว ถ้าหยดน้ำลงไปมันอาจจะกลิ้งไปมาบนผิวเลยก็ได้ เมื่อกายเงยหน้ามองเธอ มีอาก็ยิ้มออกมา
‘เธอไม่ได้คิดอะไรจริง ๆ ใช่ไหม’ กายคิดในใจ
มีอาเห็นว่ากายนั้นไม่ยอมเกี่ยวก้อยสัญญากับเธอสักทีจึงคว้าจับมือของกายด้วยมืออีกข้าง นิ้วก้อยของมีอาและกายเกี่ยวก้อยกัน
กายรู้สึกใจเต้น แม้จะรู้ว่าเธอจะเป็นเพียง NPC เท่านั้น แต่เขาก็รู้สึกวิว ๆ ในใจแปลก ๆ สัมผัสแรกที่ได้จากนิ้วของมีอาคือเย็นและนุ่ม หลังจากนั้นก็อุ่นและเรียบเนียนจนน่าแปลกใจ ‘ใจเย็นไว้ ฉันจะมาใจเต้นกับ NPC แบบนี้ไม่ได้’
“เรียบร้อยเจ้ารับปากข้าแล้วนะ ดังนั้นอย่าลืมสัญญาของเราด้วย ข้าจะรอ” มีอาชักมือกลับและซ่อนไว้ข้างหลังทันทีในใจคิดว่า ‘ข้าทำอะไรลงไป เดวินเขาคงไม่คิดมากหรอกนะ ไม่สิข้าต่างหาก…’
ทั้งสองคนหยุดอยู่หน้าประตูสถาบันศาสตร์นักรบ ต่างคนต่างนิ่งเงียบทำอะไรกันไม่ถูก
“คือว่าดาบเล่มนี้มีชื่อเรียกไหม” มีอาถามดาบชื่อของดาบในมือของกายเพื่อเปลี่ยนประเด็นทันที
“เออ…มีสิ! มันเรียกว่าเดซี่ เดซี่ที่แปลว่าดอกไม้สีขาว” กายอธิบายให้กับเธอ
“เดซี่ เป็นชื่อที่เหมาะกับดาบมาก ข้าเคยได้ยินว่ามีดอกเดซี่ขึ้นในเทือกเขาก่อกำเนิด ที่นั่นมีอากาศหนาวมาก แต่น่าเสียดายที่มันหายากมากในนครดาราฟ้า”
“เทือกเขาก่อกำเนิดมันคือที่ไหน?” กายถามด้วยความอยากรู้
“มันอยู่ในรอยต่อชายแดนของสามนครคือ นครพยัคฆา นครต้องสาปและนครดาราฟ้าของพวกเรา… ช่างมันเถอะ…ข้ามีธุระต้องทำอย่างนั้นก็ขอตัวก่อน” มีอาเดินเข้าไปในสถาบันศาสตร์นักรบแต่แล้วก็หยุดและหันกลับมาย้ำกับกายอีกครั้งว่า “เจ้าสัญญาแล้ว อย่าลืมดาบของข้าล่ะ ข้าขอก่อนวันสอบสิ้นเดือนนะ”
เธอมองดาบเดซี่ในมือกายก่อนจะละสายตาเดินต่อไปด้วยความอาลัย
กายเดินเข้าไปในสถาบันจากนั้นก็เอาดาบไปเก็บในห้องก่อนที่จะไปกินอาหารเช้าที่ร้านหมูตุ๋นแถว ๆ หน้าสถาบันศาสตร์นักรบเป็นการเลี้ยงฉลอง
“มื้อนี้คงต้องขอบคุณวิลเลียมที่เลี้ยงข้า ชนแก้ว” กายยกแก้วเบียร์ข้าวบาร์เลย์ของตัวเองขึ้นมาทำท่าทางชนแก้ว แม้เขาจะนั่งกินคนเดียวก็ตาม
‘เห้อ…กินคนเดียวมันน่าเบื่อจริง ๆ รู้แบบนี้คงชวนมีอามาด้วย ถ้าฉันทำเงินได้จากแดนสงครามเมื่อไหร่คงต้องซื้อลิ้งค์เกมให้ไทเลอร์มาเล่นด้วยกันแล้ว ถ้าหมอนั้นเจอกับฮาเกนจะเป็นยังไงนะ’ กายคิดในใจขณะที่ยกเบียร์ข้าวบาร์เลย์ขึ้นมาดื่ม