ตอนที่ 32 น้ำตาของเด็กหนุ่ม
ขณะที่กายเดินกลับบ้านเขาก็ไม่อาจจะหยุดยิ้มออกมาได้ ในหัวของเด็กหนุ่มได้ร่างแผนการใช้เงินไว้มากมาย แต่เพราะวันนี้เขารู้สึกเหนื่อยมากจึงเดินกลับไปที่บ้านเพื่อพักผ่อนแทน
‘บ่ายสามแล้ว ต้องรีบกลับไปนอนเทียงคืนนี้ยังมีเกมที่ต้องเข้าไปเล่นอีก’ กายรีบเดินกลับบ้านให้เร็วขึ้น เพื่อที่จะได้มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น แต่พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีเงินพอสมควรก็ควรที่จะนั่งรถกลับ
การนั่งรถครั้งแรกกายรู้สึกว่ามันสุดยอดมาก “เพียงแค่นั่งเฉย ๆ ก็พึ่งบ้านได้แล้ว สุดยอด”
กายรู้สึกดีสุด ๆ เขามองผ่านกระจกไปด้านนอก ผู้คนเดินผ่านไปมาบนฟุตบาท แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว กายมาถึงซอยเข้าบ้านแล้ว
“650 บิท” คนขับบอกราคา แม้ท่าทีของคนขับจะแสดงออกอย่างสุภาพ แต่ในสายตากับดูถูกออกมาอย่างเห็นได้ชัด
ซึ่งก็ไม่แปลก เพราะท่าทางของกายตอนนั่งรถราวกับพวกยากจนไม่มีผิด อีกอย่างยังให้มาส่งในซอยที่เป็นบ้านของพวกชนชั้นแรงงาน
กายไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเขาเพียงจ่ายเงินไปตามปกติเท่านั้นและเดินเข้าไปในซอยอย่างรวดเร็ว
สำหรับเขาสายตาและคำดูถูกของคนขับรถนั้นมันเพียงแค่เล็กน้อยมาเมื่อเทียบกับวัยเด็กที่ผ่านมา…
กายเดินมาถึงหน้าประตูบ้านกำลังจะจับลูกบิดเปิดประตูเข้าไปด้านใน เขาก็พึ่งนึกได้ว่าวันนี้ตนเองนั้นไม่ได้ไปทำงาน บางที่เขาอาจจะโดนไล่ออกเลยก็ได้
แต่นั้นไม่ใช่ปัญหาเพราะกว่าที่บ้านจะรู้ก็คงรอลุงแฟรงค์กลับมาตอนเย็น แต่ที่เป็นปัญหาตอนนี้คือเข้าจะเข้าไปนอนในบ้านยัง
‘ซวยละสิลืมไปซะสนิทเลย ถ้าเข้าไปตอนนี้ต้องโดนป้ามิแรนด้าเห็นแน่’ กายชักไป…
หลังคิดอะไรได้สักพักเขาก็เดินไปส่องตามช่องกระจกมองหาป้ามิแรนด้า แต่ดูเหมือนความกังวลของกายจะเสียเปล่า เพราะในบ้านกลับไม่มีใครอยู่เลย
……
กายเข้ามาในห้องใต้หลังคา หลังจากเปิดน้ำใส่ถังก็ถือมันกลับเข้าไปในห้องใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัวด้วยความสบายใจ
“เห้อ ถ้าได้อาบน้ำแบบในโลกราชันก็ดีสิ” กายคิดถึงการแช่ตัวลงไปในน้ำทั้งตัว “หลังเข้าไปในเกมคืนนี้ ฉันควรหาเวลาไปนอนแช่น้ำสักหน่อย”
กายคิดอะไรไปเรื่อย ขณะที่เปิดคอมเครื่องเกาของตัวเอง เขาลองเปิดดูราคาของแคปซูล เพราะคิดว่าอาจจะซื้อมาไว้สักเครื่อง
แต่เมื่อเห็นราคากายก็รีบเปลี่ยนความคิดของตัวเองในทันที เพราะแคปซูลเกมราชันสงครามออนไลน์นั้นราคาแพงเป็นอย่างยิ่ง
“ฉันอาจจะต้องเวลาอีกมากถ้าต้องการจะซื้อแคปซูล” กายลองคำนวณ แต่ถ้าเขาคิดว่ามันยังคงไม่จำเป็นเพราะตอนนี้เขาก็สามารถใช้แคปซูลของเจ๊ซาเรียได้อยู่
เขาจึงเลือกเก็บเงินไว้ทำอย่างอื่น ๆ ก่อน
กายทิ้งตัวเอนหลังพิงเก้าอี้อยู่หน้าจอคอมมองไปนอกหน้าต่าง “สกายไลท์ (หน้าต่างบนหลังคา) ” ที่ถูกปิดอย่างแน่นหนา
วันนี้ฝุ่นควันน้อยกว่าปกติเมื่อมองผ่านหน้าต่างไปจึงทำให้เห็นโอเอซิสได้ชัดเจน
“เธอคงไปถึงที่นั่นแล้วสินะ ไอซ์…”
“รอฉันก่อน ฉันจะต้องเก็บเงินไปเรียนต่อที่นั้นให้ได้และจะบอกกับเธอว่า…” เสียงของ 1 เบามากจนแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้ยิน แต่หัวใจของเขาได้ยินอย่างชัดเจน
หลังจากที่คนเราไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน มันก็ทำให้ทุกอย่างดูจะผ่อนคลายไปซะหมด แม้แต่เด็กหนุ่มอย่างกายก็ไม่เว้นเขาหลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เขาหลับไปเหมือนจะได้ยินเสียงของป้ามิแรนด้าด่าทออยู่หน้าประตู ซึ่งแน่นอนว่ากายไม่ได้สนใจลุกขึ้นมาแก้ตัวอะไรเพราะทำไมก็เท่านั้น หลังจากผ่านไปสักพักเสียงของป้ามิแรนด้าก็หยุดลง
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ถือว่าเป็นเรื่องปกติอย่างมาก
กายหลับลึกเป็นอย่างมากกว่าจะตื่นอีกทีก็เป็นเวลากลางคืนแล้ว อากาศเริ่มเย็น เขาตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือและหิวน้ำเป็นอย่างมาก
เมื่อมองดูนาฬิกาตอนนี้มันก็สี่ทุ่มครึ่งแล้ว หลายคนหลับไปหมดแล้วกายจึงเปิดประตูออกมาเบา ๆ เพราะไม่ต้องการจะไปปลุกใคร
กายกำลังจะลงมาที่ห้องครัว แต่ก็ได้ยินเสียงแปลก ๆ
‘ใครกัน พี่อานน หรือ อันยา สองคนนั้นไม่น่าจะใช่ ป้าและลุงเองก็น่าจะนอนไปแล้ว’ กายพอจะรู้พฤติกรรมคนในบ้านมาบ้าง อีกอย่างตอนนี้ไฟในบ้านก็ปิดอยู่ ถ้าเป็นใครใน 4 คนคงต้องเปิดไฟไปแล้ว
แต่เจ้าของเสียงดูเหมือนว่าจะมีความคิดเดียวกับกายคือไม่คิดจะให้ใครเห็นตัวเอง
“หรือว่าจะเป็นโจร!”
กายค่อย ๆ เดินไปเบา ๆ เขาอยากจะรู้นักว่าใครกันที่แอบเข้ามาขโมยของในบ้านที่จนขนาดนี้
และก็เป็นอย่างที่กายคิด มีชายแปลกหน้าอยู่ในบ้าน แม้มัจะมืดแต่จากรูปร่างเป็นผู้ชายอย่างแน่นอน
‘โจรมันยังไม่รู้ตัว’ กายที่เห็นว่าโจรยังไม่รู้ตัวว่าโดนจับได้แล้ว เพราะชายแปลกหน้าคนนั้นยังคงเดินหาของอยู่
กายคิดว่าเขาควรจะเข้าไปจัดการ แต่ด้วยความที่ตอนนี้มือเปล่า กายจึงหันซ้ายหันขวาไปเจอมีดทำครัว เขาคว้ามีดอย่างไม่ลังเล
“แกเป็นใคร เข้ามาในบ้านคนอื่นทำไม?” กายชี้มีดไปที่ชายแปลกหน้า
ชายแปลกหน้าดูจะตกใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่จะตามมาด้วยท่าทีลนลานคิดจะวิ่งไปที่ประตูทางออกของครัว
กายที่เจอโจรบุกเข้ามาในบ้านครั้งแรก แต่น่าแปลกที่เขากลับใจเย็นเป็นอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่า เขาเริ่มจับมีดด้วยความชำนาญเหมือนตอนที่จับดาบในเกม ‘น้ำหนักด้ามกับตัวมีดมันไม่สมดุล ไม่สิตอนนี้ต้องจัดการโจรก่อน’
“หยุด! คิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ” กายเข้ามาขวางชายแปลกหน้าไว้ทันที
เมื่อกายยืนขวางประตูไว้ ชายแปลกหน้าก็ตัดสินใจพุ่งชนกาย แต่กายกลับเคลื่อนไหวด้วยท่าทางแปลก ๆ หมุนตัวหลบ
ชายแปลกหน้าไม่คิดว่ากลายจะหลบตนแบบนั้นทำให้มันเสียหลักจะล้ม ด้วยสัญชาตญาณจึงหันไปคว้าแขนกาย ซึ่งดันเป็นข้างที่เขาถือมีดทำครัวอยู่ ทำให้เกิดการเสียหลักจนมีดทำครัวบาดจนเกิดแผลที่แขนของชายแปลกหน้า
“อ๊ากก!!” ชายแปลกหน้าร้องด้วยความ แม้ว่าแผลมันจะไม่ได้ลึกมาก็ตาม
“หยุดน่ะ แกทำอะไรแฟนฉัน” เสียงของอันยาดังขึ้น เธอตกใจเมื่อได้ยินเสียงร้องของแฟนจึงรีบมาเปิดไฟในบ้านดูว่าเกิดอะไรขึ้น
ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นแขนแฟนของเธอมีเลือดออก
อันยาไม่สนใจกายที่กำลังงงอยู่รีบเข้ามาดูแผลของแฟนหนุ่ม
“ตัวเองเป็นอะไรไหม”
“บ้าเอ๊ย แกเป็นใครวะ ถึงเอามีดมาฟันแขนฉัน” แฟนหนุ่มพูดด้วยความโมโหไม่สนใจอันยาที่เข้ามาดูแผลของตัวเอง กลับชี้หน้าด่ากาย
“แฟน ไอ้หมอนี่แฟนของเธอเหรอ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงก็เห็นมันเข้ามาหาอะไรในครัวตอนดึกแบบนี้ เดียวก่อนไอนี่มันแอบเข้ามาใช่ไหม” กายถามออกไป
“นายไม่ต้องมายุ่งเรื่องของฉัน! เอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ!” พูดด้วยความประชดประชัน
“เกิดอะไรขึ้น ใครเป็นอะไรทำไมร้องเสียงดัง” ป้ามิแรนด้าถาม ขณะที่เดินเข้ามาในห้องครัว โดยมีลุงแฟรงค์เดินตามมาด้วย
‘บ้าเอ๊ย! ซวยแล้ว! ไอ้บ้านี้ร้องดังจนปลุกป้ามิแรนด้าจนได้’ กายคิดในใจตัวเองว่าซวยแล้ว
“แก ไอ้เด็กเวรยังมีหน้ามาโผล่หัวในครัวอีก ฉันนึกว่าแกนอนตายไปแล้ว ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงาน แกคิดจะหนีไปเที่ยวจนโดนไล่ออกจากงานเลยใช่ไหม ฉันคงเลี้ยงแกมาดีเกินไปถึงได้สำคัญตัวคิดว่าไม่ยอมไปทำงานแล้วฉันจะไม่ตีแกเหมือนตอนเด็ก ๆ ใช่ไหม” ป้ามิแรนด้าพอเห็นกายก็ด่าออกมาไม่หยุด โดยไม่สนใจแฟนของอันยา ซึ่งดูเหมือนป้าจะรู้จักกับเด็กหนุ่มนั้นอยู่แล้ว
กายพยายามจะพูดอธิบายแต่ป้ามิแรนด้ากลับไม่คิดจะเปิดช่องให้กายพูด
อันยาที่เห็นว่าแฟนหนุ่มเจ็บแผลมากก็โกรธขึ้นมิดว่ากายตั้งใจทำร้ายแฟนของเธอ จึงคิดจะตบกาย
กายที่เห็นแบบนั้นก็ยกมือขึ้นมาจับแขนหยุดมือของเธอไว้ก่อนที่จะโดนหน้าเขา
“เธอทำอะไร! ฉันบอกแล้วไงก็นึกว่าแฟนเธอเป็นโจร อีกอย่างเขาก็เข้ามาดึงแขนฉันเองจนโดนมีดบาด” กายจับแขนอันยาไว้
“ปล่อยมือสกปรกของแกนะ” อันยาสะบัดมืออย่างรุนแรง
กายที่เห็นแบบนั้นก็รีบปล่อยมือเพราะกลัวเธอเจ็บ แต่มันกลับทำให้เธอเสียหลักจะล้มลงก้นกระแทกพื้น
“อ๊า” อันยาร้องด้วยความเจ็บจนน้ำตาเกือบไหล
กายเห็นอันยาล้มก็ตกใจ เพราะเขาไม่ตั้งใจจะให้เป็นแบบนี้จึงเข้าไปจะช่วยเธอแต่ในตอนนั้นเองป้ามิแรนด้าก็เดินเข้ามาด้วยความโกรธ
“ไอ้เด็กเวร แกฟันแขนลูกเขยของฉัน แล้วแกกล้าทำร้ายลูกสาวฉันอย่างนั้นเหรอ”
เพี้ยะ!
ใบหน้าของกายโดนตบด้วยมือของป้ามิแรนด้า เขารับรู้ได้ถึงอาการชาที่ใบหน้า ตามมาด้วยความแสบ แต่ที่มากกว่านั้นคือในใจเขาเจ็บมาก
เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองทำผิดอะไร
“แกไอ้เด็กอกตัญญูแกเก็บของออกจากบ้านนี้ไปซะ” ป้ามิแรนด้าตะคอกด้วยความโมโห
“แม่ตีมันอีก มันเอามีดฟันแขนแฟนหนูจนเป็นแผล ดูสิ!” อันยาชี้ไปที่แขนแฟนหนุ่มที่จับแผลและมองกายด้วยความไม่พอใจอยู่ด้วยข้าง
เธอยังพูดต่อว่า “อีกอย่างหนูยังรู้มาว่ามันแอบไปเล่นเกมมา วันนี้มันก็คงโดดงานไปเล่นเกมมาด้วย ไม่รู้ว่ามันเอาเงินมาจากไหนเหมือนกัน” อันยาพูดด้วยความโกรธที่ล้มลงจนเจ็บ
เธอพูดออกไปจนหมด ถึงเรื่องที่กายไปเล่นเกมที่ร้ายเกมเสมือนจริงหมายเลข 8
ลุงแฟรงค์ที่ยืนอยู่ด้านหลังก็ขมวดคิ้วกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขารู้สึกไม่พอใจแฟนของลูกสาวที่แอบเข้ามาดึก ๆ แบบนี้ แต่ตอนนี้เขาคิดว่าต้องจัดการเรื่องในบ้านก่อน แฟรงค์คิดจะห้าเพราะกลัวเรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่ แต่สามแม่ลูกก็พูดแทรก
“ใครเอาเงินไปเล่นเกม กายใช่ไหม หรือว่ามันคือคนที่ขโมยสร้อยข้อมือของผมจริง ๆ ” อานนที่พึ่งเดินออกมาจากห้องมาทันจังหวะที่กายโดนป้ามิแรนด้าตบหน้าก็รีบพูดออกมา
“ถ้างั้นกายคือคนที่ขโมยสร้อยจริง ๆ สินะ วันก่อนฉันเจอกายแถวย่านบันเทิงแต่ตามไปไม่ทันวันนี้ฉันเลยแอบตามไปใหม่ก็เห็นว่ากายแอบไปเล่นเกมที่ร้านเกม”
สองพี่น้องพูดออกมา…
กายยิ่งฟังเขาก็ยิ่งคับข้องใจมองไปทางลุงแฟรงค์ที่เป็นที่พึ่งหวังว่าลุงจะเข้ามาช่วยเขา เพราะเขารู้ตัวว่าตนเองไม่ได้ทำในสิ่งที่สองพี่น้องกล่าวหาแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่กายได้คือสายตาที่ลังเลของลุงแฟรงค์ ทำให้กายเข้าใจว่าในบ้านนี้ไม่มีใครกล้าขัดป้ามิแรนด้า
“ไอ้เด็กเวรแอบซุกเงินไว้แล้วยังขโมยของในบ้านอีก แกคงห่างมือฉันมานานสินะถึงได้ทำตัวเป็นหัวขโมยแบบนี้” ป้ามิแรนด้ายกมือขึ้นมาคิดจะตบหน้ากายอีกครั้ง
“ป้ามันไม่ใช่แบบนั้น อย่าตีผม” กายยกแขนขึ้นมากัน แต่ด้วยรูปร่างของเขาทำให้พลาดไปผลักป้ามิแรนด้าจนชนขอบโต๊ะ เธอร้องด้วยความเจ็บ
ลุงแฟรงค์ที่อยู่ด้านหลังเห็นเมียของตัวเองโดนหลานชายผลักก็ตกใจและโมโห ตอนแรกเขาคิดจะเข้าไปห้ามการทะเลาะนี้ แต่ตอนนี้กลับโมโหมาก เพราะอย่างไรเขาก็คิดว่ากายไม่น่าจะผลักป้าตัวเองแบบนี้
แฟรงค์รีบเข้ามาพยุงช่วยเมียของตนเองทันทีและหันไปพูดกับกายด้วยความเย็นชา “แกรีบออกไปซะ!”
“ลุงมันไม่ใช่…” กายกลืนคำพูดลงคอไป เขามองมองลุงและป้า จากนั้นก็มองอันยาและอานน
เขามองทุกคนแบบครอบครัว แต่สายตาของทุกคนที่มองกลับทำให้ กายรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูกในใจของเขาคิดแต่เพียงว่า ‘บางทีโลกความจริงใบนี้อาจจะไม่ใช่โลกของเราก็ได้’
กายคิดถึงโลกใบนั้น โลกที่เขาพึ่งรู้จัก แม้จะไม่มีอะไรมาก แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้เป็นตัวของตัวเอง
“ผมขอโทษ…” กายพูดออกมาด้วยเสียงสั่น ๆ น้ำตาที่ซึมออกมา
กายรีบเช็ดมัน จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากบ้านทันที โดยไม่แม้แต่จะหยิบหน้ากากกันฝุ่นไป ยังดีที่วันนี้เป็นวันที่ฝุ่นไม่มาก
แฟรงค์เห็นแบบนั้นก็คิดว่าตัวเองอาจจะพูดแรงไปคิดจะห้าม แต่ป้ามิแรนด้าเจ็บมาก แฟรงค์จึงพยุงเธอไปนั่งที่เก้าอี้ซึ่งเธอก็เอาแต่ด่าตามหลังกายมา
ตอนนี้กายรู้สึกว่าโลกทั้งใบมันไม่มีที่สำหรับเขา กายเดินไปตามถนนไปเรื่อย ๆ กายไม่รู้จะไปไหน
เขาพยายามติดต่อไทเลอร์แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ดูเหมือนว่าไทเลอร์จะไปเลี้ยงฉลองที่ไหนจนอาจจะเมาหลับไปแล้ว
กายรู้ตัวอีกทีเขาก็เดินมาจนถึงร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 เขาไม่มีที่ไปเพราะกายไม่รู้จะไปพึ่งใครอื่นอีกนอกจากเจ๊ซาเรีย
(เขียนตอนนี้ไรท์น้ำตาซึมเลย อยากจะต่อยลุงแฟรงค์จริง ๆ)