ตอนที่ 44 อาจารย์ใหญ่แอดดิสัน NPC ที่แข็งแกร่ง
กายมองตามไปยังคนสุดท้ายที่เดินออกมา เป็นชายวัยกลางคนใบหน้ายิ้มแย้ม แต่งกายด้วยชุดของสถาบันศาสตร์นักรบ ผ้าคลุมสีเงินขาว กายไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอเขาสบตากับชายคนนี้ เขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังหวาดกลัว
NPC ที่แข็งแกร่งอีกคนปรากฏตัวแล้ว…
มีอาที่เห็นกายยืนอยู่ด้านข้างตัวสั่นเหงื่อออก เธอก็รีบบอกกับกาย “ท่านนั้นคืออาจารย์ใหญ่ของสถาบันศาสตร์นักรบ อาจารย์ใหญ่แอดดิสัน เขามีพลังถึงนักรบแท้จริงขั้น 6 เจ้าอย่ามองตาเขาอาจจะเกิดภาพหลอนได้ คนที่มีพลังสูง ๆ นั้นจะมีกดดันทางจิตต่อคนที่ระดับต่ำกว่า แม้ว่าเขาจะไม่ได้ตั้งใจสะกดข่มก็ตาม”
ชายหนุ่มรีบหลบสายตา นักรบแท้จริงขั้น 6 น่ากลัวจริง ๆ ตอนนี้ตัวเขายังเป็นแค่เพียงนักรบฝึกหัด ขั้น 1 เท่านั้นเอง ช่างห่างไกลกันนัก “สมแล้วที่สถาบันศาสตร์นักรบเป็นที่รวมของอัจฉริยะของนครดารา ก็ต้องมีอาจารย์ใหญ่ระดับนี้ล่ะนะ”
กายรู้สึกว่ามีอาจจะรู้เรื่องหลาย ๆ น่าดู ตระกูลเจ้าพนักงานของเธอคงไม่ธรรมดาอย่างที่คิด แต่ทำไมเธอถึงต้องไปอยู่หมู่บ้านเล็ก ๆ ด้วยแทนที่จะมาอยู่นครดาราฟ้า ด้วยตระกูลของเธอการจะมีบ้านและที่ดินที่นครมันคงเป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอ?
กายได้แต่สงสัย แต่เขาไม่ได้ถามออกไปเพราะมันถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวเขาควรจะมีมารยาท อย่างน้อยเธอก็เป็นเพื่อนของเขา
ตอนนี้กายไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยว่าเขาไม่ได้มองมีอาเป็นเพียง NPC ในเกมเหมือนตอนแรก ๆ อีกแล้ว
นอกจากเหล่าคณะอาจารย์แล้ว ด้านหลังยังมีกองทหารอีก 100 นายตามมาด้วย ทหารจากกองกำลังรักษานครได้เข้ามาช่วยสถาบันศาสตร์นักรบด้วย
หนึ่งในนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่คือบาเรนทหารที่คอยคุ้มกันการเดินทางให้กับพวกเขาตอนมาสถาบันศาสตร์นักรบแต่ดูเหมือนชุดเกราะที่เขาใส่จะต่างออกไปเล็กน้อย บาเรนคงได้เลื่อนขั้น
กายมองหาฮาเกนแต่ดูเหมือนเขาจะไม่ได้มาด้วย
ซึ่งก็ไม่แปลกฮาเกนยังคงเป็นทหารใหม่คงจะฝึกอยู่ในค่ายกองทัพรักษานคร ว่าแต่ที่นี่เขามีวันเยี่ยมญาติทหารใหม่หรือเปล่า ถ้ามีเขาควรจะไปดูฮาเกนสักหน่อย
ทหารที่เดินนำหน้ามานั้นดูเหมือนกายไม่เคยเห็นมาก่อนคงเป็น NPC ทหารคนใหม่อีกแล้ว แต่ดูยศน่าจะใหญ่กว่าบาเรนอยู่หนึ่งขั้น
ทหารคนนั้นทักทายอาจารย์ใหญ่แอดดิสันอย่างนอบน้อม
“ท่านอาจารย์ใหญ่ N30 ข้าน้อย ไซโก้ หัวหน้าหน่วยทหารราบ ที่ 12 กองพลที่ 4 กองทัพรักษานคร รับคำสั่งให้มาช่วยสถาบันศาสตร์นักรบในการคุมสอบครั้งนี้”
“ขอบใจเจ้ามาก ไว้ข้าจะตอบแทนวันหลัง”
“คงไม่รบกวนท่าน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นหน้าที่ของกองทัพที่จะได้ช่วยเหลือเด็ก ๆ พวกนี้ให้เติบโตเป็นต้นกล้าที่แข็งแกร่ง สักวันพวกเขาต้องช่วยเหลือนครดาราฟ้าได้อย่างแน่นอน” ไซโก้พูดมาอย่างห้าวหาญก่อนจะไปยืนนิ่งอยู่ด้านหลังตามแบบฉบับทหารกล้า
อาจารย์ใหญ่แอดดิสันไม่ได้พูดอะไร เขายิ้มออกมา ซึ่งมันชัดเจนอยู่ในการกระทำอยู่แล้ว
กายมองดูอาจารย์ใหญ่และหัวหน้าทหารคุยกัน ในใจของเขาสงสัยว่าจะต้องออกจากนครดาราฟ้าจริง ๆ แน่นอนว่าทุกคนก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีแล้ว
ในระหว่างนั้นเองอาจารย์อิกลินก็ก้าวเดินออกมาก่อนที่จะเริ่มอธิบายเรื่องการทดสอบในครั้งนี้ให้กับนักเรียนปี 1 ได้ฟัง
“ทุกคนคงเตรียมตัวเรื่องการทดสอบมาบ้างแล้ว อาจารย์จะบอกเรื่องการทดสอบอย่างละเอียด ขอให้ตั้งใจฟังเพราะจะพูดแค่ครั้งเดียว การทดสอบของนักเรียนชั้นปี 1 เป็นการทดสอบการชิงเหรียญตรา”
พอพูดถึงตรงนี้นักเรียนทั้ง 1000 คนก็ฮือฮากันขึ้นมาทันที แต่แค่แป๊บเดียวก่อนที่จะเงียบลง เพราะพวกเขาต้องการฟังที่อาจารย์อิกลินพูดต่อ
“แต่ละคนมีหนึ่งเหรียญตรา หลังจบการทดสอบทุกคนต้องมีอย่างน้อย 2 เหรียญตรา ใครที่ได้เหรียญตราเยอะที่สุด 10 อันดับแรก จะสามารถขอสอบภาคปฏิบัติเพื่อเลือนชั้นปี 2 ได้โดยตรง และยังมีรางวัลให้อีกด้วย” อาจารย์อิกลินหยิบเหรียญตราออกมา
เจ้าหน้าที่ของสถาบันศาสตร์นักรบเริ่มเดินแจกทีละคนอย่างไม่รีบร้อน กายถือมันไว้ในมือ และมองอย่างละเอียด
แน่นอนว่ามันเป็นเหรียญตราแบบพิเศษ มีสัญญาลักษณ์ดาวหกแฉกที่แทนดวงดาวและหมู่เมฆที่แทนท้องฟ้าของนครดาราฟ้าอยู่ในเหรียญตราด้วย
ส่วนอีกด้านนั้นเขียนไว้ว่าสถาบันศาสตร์นักรบ เป็นการบ่งชี้ว่าของสิ่งนี้คือของสถาบันศาสตร์นักรบ
ทุกคนถือเหรียญตราไว้อย่างตื่นเต้น ในใจของทุกคนเต้นตุบตับแม้แต่กายก็เช่นกัน
อาจารย์อิกลินรอให้ทุกคนเงียบและกล่าวต่อ “ในการต่อสู้ห้ามตั้งใจฆ่าคู่ต่อสู้โดยเด็ดขาด ถ้าจับได้จะถือว่าหมดสิทธิ์สอบทันที อีกทั้งยังโดนลงโทษตามกฎทหารโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ ใครมีคำถามอะไรอีกไหม”
เมื่ออาจารย์อิกลินถามก็มีคนกล้ายกมือ “ห้ามฆ่าแล้วถ้าเกิดพลั้งมือทำจนบาดเจ็บสาหัสละ”
กายรู้สึกคุ้น ๆ เสียงและพอหันไปมองก็เป็นเหมือนที่คิด คนที่ถามไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นวิลเลียม
“ถือว่าคนพวกนั้นอ่อนแอ แต่ถ้าใครกลัวก็ถอนตัวแล้วเก็บของออกจากสถาบันศาสตร์นักรบไปได้เลย” อาจารย์อิกลินพูดอย่างเย็นชา ไม่มีความเห็นใจเลยแม้แต่น้อย แต่กลับไม่มีใครสักคนถอนตัว
ทุกคนคงทำใจกันมาอยู่แล้ว แน่นอนว่ากายก็เช่นกันยังไงเขาก็ต้องเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ชั้นสูงคงไม่ถอนตัวเพราะเรื่องแค่นี้ หนทางในการหาเงินในเกมราชันสงครามยังอีกไกล
ในตอนนั้นเองก็มีคนยกมือถามขึ้นอีกว่า “แล้วคนที่ไม่มีเหรียญตราหลังหมดเวลาทดสอบละครับ”
อาจารย์อิกลินมองด้วยสีหน้าเฉยชาก่อนจะกล่าว “คนพวกนี้ถือว่าสอบตกจะถูกไล่ออกจากสถาบันศาสตร์นักรบทันทีที่กลับมาถึง”
“เฮือก!!” ทุกคนต่างตกใจ ก่อนที่จะเงียบลง
กายรู้สึกว่าจากบรรยากาศในตอนแรกเหมือนเด็กนักเรียนกำลังไปทัศนศึกษา ตอนนี้บรรยากาศรอบ ๆ กลายเป็นพวกเขาแข่งขันสอบเข้ามหาลัยที่รับคนแค่หนึ่งในพันไปแล้ว
แม้จะไม่เคยไปสอบเข้ามหาลัย แต่กายคิดว่ามันคงไม่ต่างจากตอนนี้มาก ทุกคนมองกันและกันอย่างระวังตัว
“เอาละกฎก็บอกแล้ว หัวหน้าคุมการทดสอบครั้งนี้คือ ข้าอาจารย์อิกลิน และ เรายังร่วมมือกับกองทัพรักษานครด้วย ซึ่งได้ท่านหัวหน้าไซโก้ หน่วยทหารราบที่ 12 กองพลที่ 4 กองทัพรักษานครมาช่วยดูแลเรื่องความปลอดภัย ทุกคนยังจะได้รับพลุสัญญาณ ใครที่ถอนตัวให้ยิงขึ้นมาจะมีทหารเข้าไปช่วยออกมาในทันที แน่นอนว่าถ้าอยู่ไม่ครบก่อนหมดเวลาก็ถือว่าสอบตกเช่นกัน”
กายได้ยินว่าไม่ต้องห่วงแต่ทำไมเขาถึงรู้สึกว่ามันคือคำปลอบในยังไงก็ไม่รู้
ทุกคนมองไปที่ไซโก้ที่แต่งตัวเต็มยศด้วยชุดเกราะทองแดง ที่คอมีสร้อยซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์หัวหน้าหน่วยทหารราบที่ 12 อยู่
ไซโก้ไม่พูดอะไร อาจารย์อิกลินกล่าวต่อ “ส่วนท่านนี้หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักหรือรู้จักแล้ว ท่านคืออาจารย์ใหญ่แอดดิสัน แม้ท่านไม่ได้ไปกับเราแต่ก็มาส่งพวกเราก่อนออกไปจากสถาบันศาสตร์นักรบ”
อาจารย์ใหญ่แอดดิสันก้าวมาข้างหน้าก่อนจะพูดแทนอิกลิน
“พวกเจ้าอาจจะคิดว่าการสอบของสถาบันศาสตร์นักรบนั้นคือการบีบให้เด็กปี 1 อย่างพวกเจ้าออกไปจากที่แห่งนี้ แน่นอนพวกเจ้าคิดถูก ในโลกราชันไม่มีที่ให้คนอ่อนแอ แม้นครดาราฟ้าจะยึดถือหลักการที่ว่า “เสรีภาพคืออำนาจของทุกคน” แต่ไม่ใช่ทุกคนจะมีสิทธิ์พูดถึงเสรีภาพ คนที่มีสิทธิ์พูดได้คือคนที่แข็งแกร่งและสำคัญที่สุดคือคนที่อยู่รอดเท่านั้น ดังนั้นหวังว่าจะมีสัก 200 จาก 1000 คนตรงนี้ที่ยังได้เรียนต่อที่สถาบันศาสตร์นักรบ โชคดี”
อาจารย์แอดดิสันกล่าวจบด้านหน้าปราสาทสถาบันศาสตร์นักรบก็มีรถม้าลากขนาดใหญ่ที่บรรจุคนได้ 40 คนต่อคันพร้อมด้วยม้าที่ใช้ลากจำนวน 4 ตัว จำนวน 30 คันมาหยุดอยู่ที่หน้าปราสาทสถาบันศาสตร์นักรบ พวกมันจอดอย่างเป็นระเบียบ
ทุกคนมองไปที่รถม้าตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเขาต้องออกเดินทางจริง ๆ แล้ว
นักเรียนชั้นปี 1 เดินออกทีละแถว พวกเขาทยอยขึ้นรถมาไปเรื่อย ๆ หลังจากคนสุดท้ายขึ้นแล้วรถก็ออกจากสถาบัน โดยมีรถม้าลากทั้ง 25 คันที่บรรจุนักเรียนจนเต็มออกเดินทางนำไป และตามหลังมาด้วยรถม้าลากที่บรรจุทหาร อาจารย์และเสบียงด้านหลังตามมาอีก 5 คัน
แน่นอนว่ายังทหารที่ขี่ม้าคุ้มกันด้านข้างไปด้วยจำนวนหนึ่ง
……..
กายนั่งอยู่ในรถม้ามองไปที่นักเรียนปี 1 ทุกคนที่ต่างพากันนั่งเงียบ เขาไม่รู้สึกคุ้นหน้าใครเลยแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่แปลกนักเรียนชั้นปี 1 มีทั้งหมด 1000 คน กายคงไม่มาเดินทักทายและจำหน้าทุกคนอยู่แล้ว
ทุกคนมีท่าทีระวังต่อกันเพราะอีกไม่นานพวกเขาต้องสู้กันเอง ทุกคนคือศัตรู หลาย ๆ คนเริ่มจับจ้องไปที่เหรียญตราของคนอื่น ๆ มีนักเรียนบางคนที่ถูกคนเจ้าเล่ห์หรอกถามว่าเก็บเหรียญตราไว้ตรงไหน ตัวเองจะได้เก็บบ้าง
แน่นอนว่านักเรียนคนที่โดนถามก็ดันไปบอกซะอย่างนั้นแถมยังโม้ว่าตรงนี้ปลอดสุดคงไม่มีใครหาเจอ ทุกคนได้แต่มองและส่ายหัวกับความซื่อบื้อของชายคนนี้
แต่พอสังเกตหน้าตาแล้ว ก็คงจะซื่อบื้อจริง ๆ ด้วย