ตอนที่ 53 หุบปากซะ
กายรบคว้ามือของอาลีน่าไว้ ทางด้านอาลีน่าก็จับมือของกายไว้แน่น แม้เธอจะเป็นผู้หญิง แต่ด้วยระดับของนักรบฝึกหัดขั้น 2 เธอจึงมีพละกำลังมากกว่ากายอยู่เท่าหนึ่ง
มือข้างหนึ่งจับเถาวัลย์ มืออีกข้างจับมือของกายไว้แน่น แต่แม้อาลีน่าจะมีพละกำลังในการรั้งตัวกายไม่ให้ตกลงไป แต่เถาวัลย์และรากไม้ที่มันผูกติดอยู่ไม่อาจจะทนทานไปได้มากนัก โดยเฉพาะจังหวะที่เกิดแรกกระชากตอนอาลีน่าช่วยกายไว้
รากไม้ถูกดึงขึ้นมาจากดินเกือบครึ่ง
กรีที่บาดเจ็บหนักพอตัวต้องฝืนร่างกายคว้ารากไม้และใช้เท้ายันดินไม่ให้มันหลุดออกไปมากกว่านี้
ลูก้านอนตัวแนบติดกับพื้นดินเฉอะแฉะ พยายามเอื้อมมือไปดึงเถาวัลย์ขึ้นมาด้วยความทุลักทุเล อาลีน่าจับมือกายไว้แน่น แต่ดูเหมือน การที่พวกเขาอยู่กับดินโคลนมันจะทำให้มือของทั้งสองที่จับกันอยู่ลื่นมากขึ้นเรื่อย ๆ
กายกัดฟัน พยายามรักษาสมดุลให้มากที่สุดก่อนจะมองหาทางปีนกลับขึ้นไป
“อาลีน่าปล่อยมันไป รากไม้รับไม่ไหวแล้ว” กรีตะโกนบอก ตอนนี้ที่หลังของกรีและต้นขาขวามีเลือดซึมออกมาจากการออกแรงที่มากเกินไป ทำให้สีหน้าเวลาที่พูดบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บ
อาลีน่าไม่ฟังกรี ลินดิน เธอกำมือซ้ายที่จับเถาวัลย์แน่นก่อนจะบิดข้อมือไปมาเพื่อม้วนเถาวัลย์ขึ้นไป ส่วนลูก้าก็จับไปที่เถาวัลย์แน่นไม่ยอมปล่อย ก่อนจะเอาเถาวัลย์พลาดไหลข้างซ้ายที่ไม่บาดเจ็บพลิกหน้าคว่ำคลานถอยหลัง ดึงทั้งสองขึ้น
กรีเห็นว่าเถาวัลย์เริ่มไม่ไหวแล้ว มันจึงบอกกับอาลีน่าอีกครั้งว่า
“ปล่อยมันไป หรือเจ้าอยากจะตกลงไปกับมันด้วย เจ้าจะทำให้พวกเราโดนท่านปู่เจ้าฆ่าอย่างนั้นเหรอ”
“หุบปาก!หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าซะ!!” อาลีน่าตะโกนกลับไปด้วยความโมโห แขนของเธอม้วนเถาวัลย์เข้าหาอย่างต่อเนื่อง
ตัวทั้งสองถูกดึงขึ้นไปเรื่อย ๆ กายพยายามเอื้อมมือไปจับมีดที่เอว จากนั้นก็ใช้มีดปักเข้าไปที่ดินลื่น ๆ พยายามทดน้ำหนักที่อาลีน่าแบกให้ได้มากที่สุด
ข้าไม่ยอมฝากชีวิตไว้กลับคนอื่นหรอก…
กายกัดฟันถีบตัวเองขึ้นเท่าที่จะทำได้
จนในที่สุดมือของอาลีน่าและกายก็เอื้อมมาแตะที่ขอบดินด้านบนได้ กรีรีบเข้ามาจับมืออาลีน่าไว้ให้เธอยึดเกราะดึงตัวเองขึ้นมา ลูก้าก็รีบเข้ามาดึงอาลีน่า
ส่วนกายนั้นเขาจับไปที่รากไม้แถว ๆ นั้นทำให้ปีนขึ้นมาได้เช่นกัน
ทั้ง 4 ทิ้งตัวลงนอนไปกับโคลนหอบหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ส่วนหนึ่งอาจจะเพราะสถานการณ์ที่กดดันเกินไป
กายพยายามสูดหายใจให้ลึกและผ่อนมันออกมาช้า ๆ ปรับลมหายใจเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะลุกขึ้นมามองทั้ง 3 ด้วยท่าทางระวัง
“เราหายกันแล้ว” อาลีน่าหันไปบอกกับกายด้วยท่าทีจริงจัง
กายมองไปที่อาลีน่าที่ตัวเต็มไปด้วยดินโคลน
ที่หายกันเธอคงหมายถึงตอนที่ช่วยเธอไว้ในตอนแรกสินะ ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบติดค้างใคร
“แต่ข้าตกลงไปเพราะเจ้า” กายตอบกลับไปแบบหน้านิ่ง ๆ ซึ่งไม่ใช่เพราะอะไร แต่เขารู้สึกเจ็บจากอาการช้ำใน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการโจมตีของกลุ่มอาลีน่าก่อนหน้านี้
“เราหายกัน” อาลีน่ากัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน ในมือของเธอจับไปที่ธนูแน่น
กายมองไปที่ธนูของอาลีน่าสลับกับใบหน้าที่สวย ๆ นั้นโดยเฉพาะตอนที่เธอไม่พอใจมันมีเสน่ห์มากกว่าปกติหลายเท่านัก
แต่กายไม่มีเวลามาสนใจความงามที่เหมือนกุหลาบทมิฬเบื้องหน้า เพราะดูเหมือนถ้าเขาไม่พูดยอมรับในสิ่งที่เธอบอก เธออาจจะหยิบลูกศรมายิงใส่เขาก็ได้และมันคงไม่ใช่ศรรักอย่างแน่นอน
“อะแฮ่ม…” กายแกล้งไอออกมาเพื่อสลัดความคิดบ้า ๆ ทิ้งไป ก่อนจะกล่าวต่อว่า “หายก็หาย แต่เรื่องที่เธอยิงธนูใส่ข้าก่อนหน้านี้คิดจะฆ่ากันอย่างนั้นเหรอ”
“เจ้าอ่อนแอแล้วยังโง่ด้วยอย่างนั้นเหรอ” อาลีน่าพูดออกมาด้วยน้ำเสียงดูถูก ก่อนจะไม่สนใจกายอีก แต่อันที่จริงในใจเธอคิดว่า อยู่ในสถานการณ์เป็นตายแบบนี้กายยังจะชิว ๆ ได้อยู่อีก
กายได้ยินเช่นนั้น ปากของเขากระตุกหลายครั้งและพูดไม่ออกกับพฤติกรรมของเธอ
ในใจเขาราวกับมีเสียงระบบบอกว่า “คุณเจอลูกคุณหนูเอาแต่ใจ 1 ea.”
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงผู้เล่นวิ่งมาแถวที่พวกเขาอยู่ ดูเหมือนเมื่อกี้พวกเขาจะเสียงดังกันไปหน่อย โดยเฉพาะตอนที่กรีและอาลีน่าตะโกนแข่งกัน
อาลีน่าขมวดคิ้วมน เธอค่อย ๆ แหวกหญ้าออกเป็นช่องเล็ก ๆ มองไปที่พวกโจรผู้เล่นนั้น
“เจ้าชื่ออาลีน่าใช่ไหม? ” กายกระซิบถามเธอ ขณะที่ชะโงกหัวขึ้นไปดูด้วยเช่นกัน
“เจ้าจะรู้ไปทำไม” อาลีน่าถามด้วยเสียงเบา ๆ ด้วยความไม่พอใจ ดูเหมือนทั้งเขาและเธอจะไม่ชอบขี้หน้าพอ ๆ กัน
“ข้าจะได้รู้ว่าชื่อของคนที่ทำให้ข้าตายคือเจ้า” กายพูดไปอย่างประชด
อาลีน่าหันมามองกายตาขวาง แต่กายรีบหลบหันหลังพิงกำแพงดินเปียก ๆ ด้านใต้ต้นหญ้าในทันที อาลีน่าและคนอื่น ๆ ก็รีบทำเช่นเดียวกัน
ตุบ!ตุบ!ตุบ!
เสียงฝีเท้าของผู้เล่นคนหนึ่งเดินเข้ามาเหนือหัวพวกเขา ผู้เล่นพยายามมองหาเบาะแสของพวกเขา แต่แถวนี้มีหญ้าขึ้นสูงจึงบังตัวพวกเขาที่อยู่ด้านล่างอย่างมิดชิด ถ้าไม่นั่งลงก้มหัวลงมาดูก็ยากจะเห็นพวกเขาได้โจรผู้เล่นดึงดาบออกมา ก่อนจะฟันไปที่ยอดหญ้าไปมาราวกับต้องการถางพวกมันออกทั้งหมด
ดาบฟันเฉี่ยวหัวของพวกเขาไปมา อาลีน่าจับไปที่ธนูแน่น เธอกำลังจะยกธนูขึ้น แต่กายกับยืนมือมาห้ามไว้ เขาส่ายหัวช้า ๆ
ทั้งสีเขามือขึ้นมาปิดปากและหาใจให้ช้าที่สุดเสียงเท้าผู้เล่นยังเดินอยู่และดูเหมือนมันใกล้จะออกจากตรงนี้แล้ว
ทั้ง 4 ดูโล่งใจกันขึ้นมาบ้าง
แต่แล้วในตอนนั้นเองที่กายพึ่งนึกขึ้นได้ว่ามีบางอย่างหายไป
หน้าไม้กึ่งอัตโนมัติหายไป… ตอนไหนกัน ใช่แล้วตอนที่ช่วยอาลีน่า
กายมองหาด้วยความร้อนรน ในตอนนั้นเองสายตาเขาก็เหลือบไปทางหุบเหว หน้าไม้ไปติดอยู่ตรงเหวแถวตรงนั้น ห่างออกไปเพียงไม่ถึง 2 เมตร
เขาเหลือบตามองขึ้นไปข้างบน โจรผู้เล่นยังไม่เห็นหน้าไม้ กายขยับตัวช้า ๆ สะกิดทั้งสามคนให้ดู
อาลีน่า ลูก้า กรี ต่างมองตามมือของกายด้วยความสงสัยในการกระทำของเขา แต่พอเห็นหน้าไม้กึ่งอัตโนมัติ ทั้งสามก็กลืนน้ำลายหันมามองกายอย่างตำหนิ
เพราะเธอไม่ใช่หรือไง
กายอยากจะแก้ตัวออกไปอย่างนั้น แต่มันไม่ใช่เวลามาทะเลาะกัน
ลูก้าที่ดูจะเป็นคนที่คล่องตัวที่สุดรีบคลานมาตรงหน้าไม้ แต่พอมันก้มตัวลงแนบกับพื้น ดินก็เหมือนเกิดการกดตัว ส่งผลให้หน้าไม้ขยับเลื่อนลงไปทีละเล็กละน้อย
ลูก้าถึงกลับตัวแข็งทื่อไปไม่กล้าเคลื่อนไหวอะไรในทันที
ตอนนี้หัวใจกลายเต้นผิดจังหวะจนเขาจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว มันมีแต่เรื่องให้เขาลุ้นมากเกินไป ถ้าคนที่เป็นโรคหัวใจมาอยู่ตรงนี้คงช็อกตายไปนานแล้ว
อาลีน่าส่งสัญญาณมือให้ลูก้า ขยับช้า ๆ อย่าเร็วเกิน ๆ ไป
ส่วนกายและกรีก็จับขาลูก้าไว้ แต่แล้วก่อนที่เขาจะได้ลงมือ หน้าไม้บัดซบนั้นก็เลื่อนไถลหล่นลงไปที่เหวอย่างรวดเร็วซะยิ่งกว่าอะไร ราวกับมันรอเวลาที่จะเล่นตลกกับพวกเขามานานแล้ว
ไม่เพียงแค่นั้นมันยังชนเข้ากับแตกละเอียด ส่งสร้างเสียงดังจนโจรผู้เล่นที่เดินออกไปหลายก้าวต้องหันกลับมามอง
ทั้งสี่คนรีบถอยเข้าไปหลบที่เดิมในทันที
โจรผู้เล่นมันเดินมาหยุดอยู่เหนือหัวพวกเขาอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้เสียงเท้าหยุดยืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ก่อนที่จะค่อย ๆ ย่อตัวก้มไปดูเห็นหน้าไม้แตกละเอียดอยู่ด้านล่าง
เมื่อเห็นแบบนั้นผู้เล่นก็เหมือนจะดีใจที่เจอเบาะแสของพวกเขา โจรผู้เล่นนั้นเหมือนจะรู้สึกได้ว่ามีใครมองอยู่เมื่อมันก้มหน้าลงมาดูก็เจอกับพวกเขาทั้ง 4 คน
“พวกมันอยู่…อัก!”
แต่ก่อนที่มันจะได้พูดมากไปกว่านี้ อาลีน่าง้างธนูเงยหน้าขึ้นยิงใส่ตากใต้คางทะลุเขาผ่านหัวทำให้ผู้เล่นฟุบตายอยู่กับพื้นเหนือหัวพวกเขาในทันที
“บ้าเอ๊ยเจ้าทำอะไรลงไป” กายถามขึ้นด้วยความตกใจ
“อะไร…ก็แค่ฆ่ามัน ก่อนที่มันจะเรียกคนอื่น” อาลีน่าบอกออกไปตรง ๆ แต่แล้วเธอก็นึกขึ้นมาได้ ว่าที่ฆ่าไปไม่ใช่โจรปกติ เพราะมันคือ “มนุษย์ไฟ” ตามความเข้าใจของ NPC
ร่างของผู้สลายเป็นลูกไปลอยขึ้นไปบนท้องฟ้ารวดเร็ว ซึ่งสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่ต่างจากบอกตำแหน่งของพวกเขา
“บ้าเอ๊ย เอาพลุสัญญาณออกมายิงเร็วเข้าต้องให้พวกอาจารย์รู้เรื่องนี้” กายบอกไป แต่ทั้งสามกลับนิ่งเงียบ
“พลุสัญญาณของข้าหายไปตอนสู้กับพวกมัน”
“ข้าก็ด้วย”
ทั้งอาลีน่าและลูก้าบอกออกมา
ในตอนนั้นเองกรี ลินดินก็เขาพลุสัญญาณออกมา อาลีน่ารีบรับมา แต่ในตอนนั้นเอง เธอก็เห็นว่ามันมีรูปอยูบนนั้นซึ่งมาจากศรที่ยิงทะลุมัน
แต่มันมีรูอยู่นั้นเพราะมันเก็บไว้ที่ขาตรงที่โดนธนูยิงพอดี อาลีน่าโยนมันคือให้กับกรี กรีรับมาเก็บเอาไว้ก่อนจะเก็บไป ทั้งสามดูจะร้อนรนสุด ๆ
กายชะโงกหน้าไปดู ผู้เล่นกำลังมาทางนี้กันเต็มไปหมด
“ช่างเรื่องพลุสัญญาณไปก่อน ตอนนี้เอาตัวรอดให้ได้ก่อนจะดีกว่า ส่วนเรื่องอาจารย์อิกลินและคนอื่น ๆ อีกไม่นานพวกเขาก็น่าจะพบความผิดปกติ” อาลีน่าบอกกับทุกคน
กายจึงพูดด้วยความไม่พอใจขึ้นมาเป็นนัย ๆ ว่า “แล้วพวกมันเข้ามาที่นี่ได้ยังไง ลองคิดดูสิ!”
ทั้งสามคนเงียบ พวกโจรมันเข้ามาที่นี่ได้ยังไงทั้งที่มีทหารล้อมอยู่ในแต่ละจุด แถมยังรู้เรื่องที่นักเรียนชั้นปีหนึ่งของสถาบันศาสตร์นักรบมาทำการฝึกที่นี่อีก
หนอนบ่อนไส้!
สายโจรในกองทัพ!
ทั้งสามคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้…
แต่กายคิดว่าอะไรก็เป็นไปได้ อย่างเขายังเข้ามาในสถาบันได้เลย ใครจะไปรู้ว่าผู้เล่นคนอื่น ๆ ไปสุ่มเกิดเป็นใครบ้าง และถ้าเป็นแบบนั้นการที่พวกอาจารย์จะพบสิ่งผิดปกติอาจจะนานกว่าปกติ
แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่อาลีน่าพูดถูก พวกเราต้องหนี ต้องรอดไปให้ได้
และแล้วกายหันไปเจอสิ่งที่จะช่วยพวกเขาให้รอดไปจากวงล้อมของผู้เล่น กายหยิบ