ตอนที่ 76 สัมภาษณ์งาน
กายรออยู่ภายในกรมจัดหางานราว ๆ ครึ่งชั่วโมง เจ้าหน้าที่สาวก็เดินมาพร้อมกับคนอีกสองคน หนึ่งเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ กล้ามเนื้อของเขาแสดงออกมาอย่างชัดเจน ทําให้รู้ว่ามีพละกําลังที่สูงมาก แต่ดูจากท่าทีแล้วจะตื่นเต้นจนออกนอกหน้า ต่างกลับเด็กสาวอีกคนที่ดูสุขุมกว่ามาก เธอตัวไม่สูงมากนักราว ๆ 165 เซนติเมตร การแต่งกายแม่จะเป็นเพียงชุดที่ไม่ได้มีราคาแพงอะไร แต่กลับดูเป็นทางการพอสมควร
“ท่านเควิน สองคนนี้คือผู้ช่วยที่ท่านต้องการพบ คนนี้คือ นาธาน ส่วนเด็กคนนี้คือ มิล่า หลังจากนี้ถ้าท่านสอบถามและต้องการทําสัญญาสามารถเรียกข้าได้ตลอดเวลาเจ้าค่ะ”
“ขอบคุณ”
หลังจากเจ้าหน้าที่สาวเดินออกไป กายก็ให้ทั้งสองคนนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม
“พวกเจ้าทําตัวตามสบาย ข้าแค่จะสอบถามพวกเจ้าเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจก็เท่านั้น” กายพูดด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ได้กดดันอะไรทั้งสองคนมาก
หลังจากทั้งสองคนรู้สึกสงสัยว่ากายที่เป็นเด็กหนุ่ม แก่กว่าพวกเขาเพียงไม่กี่ปี จะเป็นช่างโลหะระดับกลางจริงหรือไม่ แต่พวกเขาก็ไม่พูดอะไรออกมาเพราะมันถือเป็นการเสียมารยาทถ้าถามออกไปตรง ๆ อีกอย่างถ้ากายไม่ได้เป็นช่างโลหะทั่วไปจริง ๆ ทั้งสองสามารถมาร้องเรียนที่กรมจัดหางานได้และพวกเขาจะทําการยกเลิกสัญญาและกายจะต้องเสียค่าปรับจํานวนมาก
ตอนนั้นนครดาราฟ้าก้าวมาสู่ยุคที่กฎหมายศักดิ์สิทธิ์และคุ้มครองประชาชนของนครดาราฟ้าอย่างทั่วถึงไม่เหมือนกับช่างหลายร้อยปีก่อนที่ผู้ช่วยนั้นต้องทํางานราวกับทาส
แน่นอนว่าเรื่องการส่งต่อความรู้ผู้ช่วยก็ไม่สามารถเรียกร้องได้มากมายจากกายเช่นกัน
“ถ้าพวกเจ้าสามารถทําให้ข้าจ้างพวกเจ้าเป็นผู้ช่วยได้ ข้าจะให้ 10 เหรียญทองต่อเดือนและให้พวกเจ้าเรียนรู้ทักษะช่างโลหะพื้นฐานของข้าได้ ดังนั้นตอนนี้ลองแนะนําตัวและความสามารถของพวกเจ้าได้” กายไม่อยากเสียเวลามันเลือกให้ทั้งสองแนะนําตัวเอง ซึ่งถือว่าเป็นการสัมภาษณ์ที่กว้างมาก แต่ก็มีข้อดีคือจะทําให้ทั้งสองบอกความสามารถที่ตัวเองมีได้อย่างครบถ้วน
“10…10เหรียญทอง”
ทั้งนาธานและมิล่าได้ยินดังนั้นก็ถึงกับปากสั่นพูดออกมาพร้อมกัน โดยเฉพาะมิล่าที่มาจากสลัมทางทิศใต้ เงินสําคัญมากสําหรับเธอ เธอจําได้ว่าครั้งที่เป็นเด็กฝึกงานให้กับช่างโลหะทั่วไปคนก่อน เธอได้รับเงินต่อเดือนเพียง 2 เหรียญทองเท่านั้น แต่พอรู้ว่ากายให้ถึง 10 เหรียญทองมันถือว่ามากจนทําให้เธอรู้สึกระแวงกายขึ้นมาเล็กน้อย
ถึงจะน่าสงสัย แต่ข้าต้องได้งานนี้
มิล่าเรียกความมั่นใจของตัวเองกลับมาและกล่าวขึ้นมาในทันทีว่า “นายท่าน…”
“เรียกแค่เดวินก็พอ” กายพูดตัดบทตอนนี้มันแค่อายุ 19 เท่านั้นและคิดว่าไม่เหมาะที่ตัวเองจะโดนเรียกว่านายท่าน
มิล่าพยักหน้า
“ท่านเควิน ข้าชื่อมิล่าเป็นคนจากทางสลัมทางทิศใต้ ข้าเคยเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านขายอาหารมาก่อน เลยได้เรียนรู้เรื่องการคํานวณมาบ้าง และต่อมาได้เป็นเด็กฝึกงานให้กับช่างโลหะเกฟาว์ลมาก่อน สามารถสร้างได้เพียงอาวุธธรรมดาที่ไม่มีพลังอะไรและงานโลหะทั่วไปเท่านั้น” มิล่าพูดออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ขณะที่สังเกตการสีหน้าของกายไปด้วย
พอเห็นว่ากายยังไม่พูดอะไรมล่าก็แอบกังวลเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้จึงพูดต่อว่า “ข้าข้าเคยฝึกศิลปะการต่อสู้มาบ้าง”
กายได้ยินดังนั้นก็มีท่าที่เปลี่ยนไปในทันที
เด็กสาวจากสลัมทางทิศใต้เคยฝึกศิลปะการต่อสู้ เรื่องนี้ชักน่าสนใจ “เจ้าเรียนมาจากไหน”
“ข้าเคยเรียนมาจากพ่อที่เคยเป็นทหารผ่านศึกที่ปราการตะวันตก พ่อข้าเคยเป็นนักรบระดับ 2 ก่อนจะเสียขาและปลดประจําการ”
“พาข้าไปหาพ่อของเจ้าหน่อยได้ไหม” กายรู้สึกสนใจทหารผ่านศึกนายนี้มาก โดยเฉพาะข้อมูลต่าง ๆ ถ้าเขาสามารถสอบถามก็จะทําให้รู้เรื่องของปราการตะวันตกได้มากขึ้น แน่นอนว่ารวมถึงศิลปะการต่อสู้ที่เหล่าทหารฝึกกันด้วย
“พ่อข้าเสียไปสามปีแล้ว” มิล่าพูดด้วยน้ําเสียงเจือความเศร้า
กายรู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ไม่สามารถพูดคุยกับทหารผ่านศึกคนนั้นได้ แต่เขาตัดสินใจรับมิล่าเข้ามาเป็นผู้ช่วย เพราะNPC ที่พอจะเรียนศิลปะการต่อสู้ได้นั้นยอมมีประโยชน์มากในโลกราชันแบบนี้ อย่างถ้าเกิดเรื่องโจรปล้นร้านอีกอย่างน้อยมิล่าก็สามารถต่อสู้ได้
กายไม่มั่นใจว่าเธอเรียนศิลปะการต่อสู้อะไร แต่หลังจากนี้เขายังมีเวลาอีกมาก
เมื่อจบเรื่องของมิล่ากายก็หันไปมองนาธานที่ตอนนี้นั่งตัวเกร็งเป็นอย่างมาก มันมองไปทางมิล่าเล็กน้อย แม้จะไม่รู้จักกันแต่ก็เหมือนจะพยายามขอให้เธอช่วย
สุดท้ายนาธานก็ตัดสินใจลอกคําพูดของมิล่ามาเลย
“ข้าชื่อ….ม…เอ้ย นาธาน อายุ 17 ปี มาจากครอบครัวเกษตรกรนอกนครดาราฟ้า หมู่บ้านดินดํา ข้าเคยเป็นผู้ช่วยให้กับช่างโลหะฝึกหัดและข้าแข็งแรงเท่ากับกระทิง 1 ตัว” นาธานพูดด้วยความประหม่า
กายไม่รู้ว่าที่นาธานบอกว่าแข็งแรงเท่ากระทิง 1 ตัวนั้นจริงหรือ ไม่แต่เขาคิดว่านาธานน่าจะแข็งแรงจริง ๆ นั่นต้องไว้ดูกันอีกที
“ข้อมูลของพวกเจ้านั้นตรงตามที่บอกและดีกว่าที่คิดถ้าไม่ติดปัญหาอะไรเราไปทําสัญญาและเริ่มงานกันพรุ่งนี้ได้เลย แน่นอนว่าข้าจะจ่ายเงินเดือนให้พวกเจ้าล่วงหน้าก่อน 5 ทอง”
นาธานได้ยินกายพูดเช่นนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ กายรู้สึกว่านาธานคงจะเป็นคนง่าย ๆ และตรงไปตรงมา แต่ในตอนนั้นเองมิล่าผู้ที่ละเอียดรอบครอบก็ถามขึ้นมา
“ท่านเควิน ข้าถามได้หรือไม่ ท่านจะทําสัญญากับเรากี่ปี”
มิล่าจริงจังเป็นอย่างมาก นาธานเมื่อรู้ว่าตัวเองยังไม่รู้ว่ากายจะให้ตัวเองทําสัญญากี่ปีก็หยุดดีใจ แม้ในใจมันจะคิดว่ากี่ปีก็ไม่มีปัญหาถ้ากายยังจ่าย 10 เหรียญทองต่อเดือนและได้เรียนรู้ศาสตร์ของช่างโลหะ
กายยิ้มออกมาก่อนจะกล่าว “1 ปี หลังจากนี้ถ้าพวกเจ้าอยากจะทําสัญญาต่อก็ค่อยว่ากันไหม”
หลังจากการทําสัญญา 1 ปีจบลงและจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับทางกรมจัดหางานตามที่ระบุไว้ กายแวะกินอาหารกลางวันแถวนั้นโดยถือโอกาสเลี้ยงข้าวให้กับผู้ช่วยทั้งสองของเขาไปในตัว ก่อนจะให้เงินไปอีก คนละ 5 เหรียญทองเป็นเงินเดือนล่วงหน้ากายก็นั่งรถม้าสองล้อตรงกลับไปที่ร้านไร้ขอบเขตในทันที
โดยก่อนรถม้าจะออกไปกายได้บอกชื่อร้านและสถานที่ตั้งทั้งสองต้องไปทํางานเรียบร้อยแล้ว
ขณะที่รถม้าวิ่งออกไปกายก็คิดในใจอย่างเหม่อลอย
เราคงเป็นนายจ้างที่ใจดีที่สุดในนครดาราฟ้าแล้วมั้ง กายยิ้มออกมากับความใจดีของตัวเองอย่างพอใจ บางที่อาจจะเพราะกายเคยใช้ชีวิตและดิ้นรนอย่างยากลําบากมาก่อน มันจึงสงสารทั้งสองคน โดยเฉพาะมิล่า เด็กสาวจากสลัมทางทิศใต้ ที่ต้องเสียพ่อไปตั้งแต่อายุ 14 และใช้ชีวิตอยู่ในสลัม ส่วนทางด้านนาธานนั้นก็อาจจะดีขึ้นมาหน่อย แต่ไม่มากอย่างที่คิดก็ได้ ซึ่งเหตุผลที่นาธานต้องเข้ามาหางานทําในนครดาราฟ้านั้นคงจะเป็นเรื่องความยากจนเช่นกัน
“ในโลกใบนี้ถ้าขาดความแข็งแกร่งก็เป็นได้เพียงเหยื่อที่ต้องดิ้นรนเท่านั้น ไม่สิแม้แต่โลกความจริงก็เช่นกัน” กายพึมพําออกมาคนเดียว
มันนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่ซอยในตอนนั้นที่ต้องสู้กับเหล่านักเลงนั้นทําให้กายรู้สึกว่าตนเองควรจะจริงจังกับการเรียนศิลปะการต่อสู้ให้มากขึ้น กายไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่ที่พอใช้ศิลปะการต่อสู้แบบในเกมแล้วทําให้เขามีพลังจนฟาดกําแพงปูนร้าว
แต่ถึงแบบนั้นกายก็เชื่อว่ามันยังมีเบื้องหลังแปลก ๆ อยู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ และถ้าเขาทําได้อีกไม่นานก็น่าจะมีผู้เล่นคนอื่น ๆ ทําได้เช่นกัน
กายรู้สึกทั้งตื่นเต้นและกลัวในเวลาเดียวกัน
รถม้าให้เวลาสักพักก็มาถึงยังร้านไร้ขอบเขต กายจ่ายให้คนขับไป 5 เหรียญเงิน ซึ่งในมุมมองของชนชั้นล่างของนครดาราฟ้ามันคือเงินที่เยอะพอสมควร แค่ในชนชั้นกลางนั้นมันมากแต่ไม่เกินกําลัง
กายก้าวเท้าลงจากรถม้าเพียงก้าวแรกก็ต้องตกใจ เพราะหน้าร้านของเขานั้นกลับมีผู้เล่นมายืนรอหลายสิบคน จนมันดึงดูดความสนใจร้านรอบ ๆ แน่นอนว่าร้านอื่น ๆ จึงฉวยโอกาสขายของให้เหล่าผู้เล่นไปในตัว โดยเฉพาะร้านอาหารที่ขายดีที่สุด
แม้จะมีผู้เล่นจํานวนมาก แต่ก็ไม่มีใครกล้าสร้างปัญหาอะไร เพราะพวกมันกลัวว่าจะมีทหารมาตรวจสอบ โดยเฉพาะพวกที่ไล่ล่าผู้เล่น ซึ่งหลัง ๆ มานี้ไม่ใช้เพียงทหารที่ตามล่าผู้เล่นแต่ยังมี NPC ที่ทําอาชีพนักล่าค่าหัวเข้ามามีส่วนบ้างแล้วเช่นกัน
ถึงแบบนั้นก็ไม่มีนักล่าค่าหัวคนไหนใจกล้าเข้ามาไล่สังหารคนในนครดาราฟ้ามั่วซั่ว เพราะถ้าเกิดไม่ใช่ผู้เล่นขึ้นมาแบบนั้นมันจะกลายเป็นฆาตกรที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ทันที
แต่ส่วนใหญ่แล้วนักล่าค่าหัวก็จะล่าตามใบค่าหัวเป็นหลักและไม่คิดจะยุ่งกับคนที่ไม่มีค่าหัว
“บ้าเอ๊ยทําไมร้ายยังไม่เปิดอีก”
“แน่ใจใช่ไหมว่าร้านนี้คือร้านที่ลอร์ดเจ็ดโลหะมาซื้ออาวุธจริง ๆ”
“น่าจะไม่ผิดลองดูสัญลักษณ์ ๒ นั้นสิ”
“ข้าว่ามันก็คล้ายกับเลข 8 เหมือนกันนะ”
“ช่างเรื่องนั้นเถอะ เมื่อวานมีหลายคนมาซื้ออาวุธที่นี่มันเป็นของคุณภาพสูงมาก คุ้มค่าเกินกว่าราคาแน่นอน”
“หวังว่าจะเป็นแบบนั้น ถ้าเอาเงินทั้งกิลด์มาซื้อดาบยาวโดยเฉพาะหลังจากนั้นเราจะได้ไปตามล่าพวกโจรที่มีค่าหัวซึ่งทําเงินคืนได้ไม่ยาก”
เหล่าผู้เล่นต่างแลกเปลี่ยนความคิดกันไม่หยุด หลายคนดูเหมือนจะมีการรวมกลุ่มกันแล้วด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ได้ปิดบังว่าตัวเองเป็นผู้เล่นกับผู้เล่นคนอื่นเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าในนั้นยังมีพวก NPC อยู่ด้วยเช่นกัน