นิยาย เกมราชันสงครามออนไลน์ ตอนที่ 80 ศิลปะการต่อสู้ที่กายเลือก
ตอนที่ 80 ศิลปะการต่อสู้ที่กายเลือก
กายมองตามชั้นวางที่มีสำเนาของศิลปะการต่อสู้ในตอนที่มันเดินเข้ามาเพื่อจะอ่านรายละเอียดก็รับรู้ได้ถึงสายตาที่จับจ้องมาจากความมืดซึ่งกายไม่ได้ตกใจมากนักเพราะถ้าไม่มีคนคอยเฝ้าม้วนสำเนาศิลปะการต่อสู้เหล่านี้นั่นแหละถึงจะเป็นเรื่องแปลก
ในบางมุมมองศิลปะการต่อสู้นั้นมีค่ามากกว่าอาวุธและอุปกรณ์ซะอีกเพราะมันคือสิ่งที่มอบพลังให้กับนักรบอย่างแท้จริงมันไม่ใช่พลังจากภายนอกเหมือนดังอาวุธและอุปกรณ์ทั่วไป
ชั้นวางของศิลปะการต่อสู้ไม่ได้ใหญ่หรือมีจำนวนมากนักมันมีเพียงแค่สองชั้นเท่านั้น
ชั้นวางแรกถูกเขียนกำกับไว้ว่า“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธ”และอีกชั้นคือ“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัด”
แม้กายจะสนใจศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดแต่เขาก็เลือกจะอ่านศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธก่อนเขาสงสัยว่ามันมีกอย่างกันแน่
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธสะท้อนขั้น 1-6”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธปัดป้องขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธที่มแทงขั้น 14”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธเจาะทะลวงขั้น 1-6”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธฟาดฟันขั้น 1-9”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธทุบขั้น 1-3”
กายอ่านรายละเอียดละชื่อของศิลปะการต่อสู้ที่มีทั้งหมด 6 ศิลปะการต่อสู้ส่วนใหญ่จะอยู่ไม่เกิน6ยกเว้นฟาดฟันซึ่งมีถึงขั้น 9 และที่กายคิดไม่ถึงคือศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธทุบนั้นมีอยู่ในนี้ด้วยแต่มันมีเพียงแค่สามขั้นเท่านั้น
สถาบันศาสตร์นักรบมีแค่หกศิลปะการต่อสู้รูปแบบศาสตราวุธหรือเพราะพวกเขาอนุญาตให้มีการทำเสนาแค่นี้และนำมาเก็บไว้ที่นี่ถ้าเป็นแบบนั้นยังมีศิลปะการต่อสู้ในรูปแบบศาสตราวุธอะไรอีก…ตอนนี้เรายังไม่ควรไปสนใจมากนักแค่ศิลปะการต่อสู้ทุบกับฟาดฟันก็ยากที่จะเลือนระดับได้แล้วดังนั้นควรจะมาใส่ใจในรูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดดีกว่า
สายตาของชายหนุ่มหันมาจ้องมองม้วนศิลปะการต่อสู้อีกฝั่ง
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดพละกำลังขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความเร็วขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดสัมผัสรับรู้ขั้น 1-4”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความทนทานขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความอึดขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความแม่นยำไร้ขอบเขตขั้น 1-5”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความศรัทธาที่ไม่ย่อท้อขั้น 1”
“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดจิตใจแห่งนักรบขั้น 1-2”
กายอ่านมาถึงศิลปะการต่อสู้สามอันสุดท้ายก็ต้องหยุดจ้องไปที่พวกมันมีสามศิลปะการต่อสู้ที่กายรู้สึกว่ามันแปลกไหมความแม่นยำไร้ขอบเขตน่าความศรัทธาไม่ย่อท้อและจิตใจแห่งนักรบแต่เพราะเขาไม่สามารถเปิดอ่านได้จึงไม่รู้รายละเอียดและความสามารถของศิลปะการต่อสู้เหล่านี้
“มีอาเจ้ารู้จักศิลปะการต่อสู้ทั้งสามนี่ไหม”ชายหนุ่มหันไปถามมีอาเพราะเธอคือคนที่น่าจะรู้มากที่สุดในพวกเขาสามคน
“ข้ารู้จักจิตใจแห่งนักรบมันคือศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนจิตใจเวลาเจ้าตกอยู่ในการต่อสู้มันจะช่วยปกป้องไม่ให้เจ้าหวาดกลัวหรือตกอยู่ในภาพความกลัวของจิตใจ”มีอาอธิบายก่อนจะยกม้วนกระดาษในมือให้กายดูว่าเธอก็เลือกมันมาด้วย
“มันมีแค่สองขั้นเจ้าเลือกมันถือว่าคุ้มค่าอย่างนั้นเหรอ”
“มันอยู่กับว่าเหมาะสมกับเจ้าหรือเปล่าส่วนอีกสองข้าไม่รู้ความสามารถของมันเจ้าควรเลือกสิ่งที่จะใช้จริงๆมากกว่า”
กายพยักหน้าอย่างเข้าใจหลังจากฟังความเห็นของมีอาเขาก็ตัดตัวเลือก“จิตใจแห่งนักรบ”ออกไปก่อนแม้มันจะทำให้ผู้ฝึกไม่หวาดกลัวในขณะที่ต่อสู้แต่ต้องไม่ลืมว่าเขาคือผู้เล่นที่มีสามชีวิตดังนั้นกายจึงแทบจะไม่กลัวอยู่แล้วเวลาสู้เพราะเขาจะไม่ตายจริง
แน่นอนว่ากายก็ยังระวังไม่ให้ตัวเองตายในเกมอยู่เช่นเดิม
“ความศรัทธาที่ไม่ย่อท้อ”…กายเดาว่ามันก็น่าจะคล้ายๆจิตใจแห่งนักรบเขาจึงปล่อยมันไว้ที่เดิมก่อน
ในส่วนของ“ความแม่นยำไร้ขอบเขตนั้นมันดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีถ้าคิดว่าเขาได้เลือกธนูระดับ4มาเพื่อใช้เป็นอาวุธในการโจมตีระยะไกลและอาจจะใช้เสริมความแม่นยำในโจมตีให้กับการโจมตีอื่นๆด้วย
แต่มันยังไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเพราะต่อให้เขามีความแม่นยำไร้ขอบเขตแต่ไม่มีปัญญาจะโจมตีโดนหรือพลังโจมตีที่เพียงพอมันก็ได้ความหมาย
กายหันมาสนใจศิลปะการต่อสู้ที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ที่สุดนั้นคือ“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดพละกำลัง”
สิ่งนี้จะทำให้เราสามารถลดช่องว่างในเรื่องของพละกำลังของนักรบฝึกหัดขั้น3ซึ่งจะทำให้ใช้ค้อนสั่นสะเทือนได้โดยไม่มีปัญหากายตัดสินใจยื่นมือไปหยิบอย่างไม่มีลังเล
กายสามารถเลือกศิลปะการต่อสู้ขั้น 4 ได้สองอย่างดังนั้นตอนนี้เขาต้องเลือกกอย่างถ้าตามความคิดของกายแล้วตอนนี้เขากำลังลังเลระหว่าง“ความเร็ว”“ความอึด”และ“ความทน”
แต่สุดท้ายกายก็ตัดสินใจเลือก“ความเร็ว”เพื่อมากลบจุดอ่อนในเรื่องความเร็วของเขาเพราะความอึดและความทนทานนั้นกายรู้ว่าตัวเองที่เป็นช่างโลหะนมีมากกว่านักรบฝึกหัดในระดับเดียวกัน
ส่วนจุดอ่อนด้านความเร็วนั้นได้แสดงให้เห็นตอนที่กายสู้ในการทดสอบแล้วถ้าตอนนั้นเขาวิ่งหรือเคลื่อนที่ได้เร็วกว่านี้บางทีอาจจะหลบการโจมตีของอาลีน่าและอาจจะไม่ต้องกระโดดหนีลงน้ำตกจนเจอศพและเข้าไปพัวพันกับพวกกลุ่มโจรกิลด์กะโหลกแดงก็ได้
หลังจากหยิบม้วน“ศิลปะการต่อสู้รูปแบบปลดล็อกขีดจำกัดความเร็วขั้น4”มาแล้วนั้นก็เท่ากับว่ากายเลือกของครบตามรางวัลนั้นคือดาบหักสังหารระดับ 5 ธนูโลหะระดับ4ศิลปะการต่อสู้ปลดล็อกขีดจำกัดพละกำลังขั้น 1-4 ศิลปะการต่อสู้ปลดล็อกขีดจำกัดความเร็วขั้น 1-4
เมื่อได้ของครบแล้วกายมีอาและลิลี่ทั้งสามก็ขนของใส่รถเข็นและออกจากคลังสมบัติสถาบันศาสตร์นักรบในทันที
เนื่องจากพวกเขาไม่อยากอยู่ที่นี่นานมากนักเพราะมันอึดอัดที่โดนคนระดับสูงจับตามองตลอดเวลา
“ฟูข้าเกือบหายใจไม่ออกที่คลังนั้นคงมีนักรบแท้จริงจำนวนมากเฝ้าอยู่ในมุมมืดจำนวนมากอย่างแน่นอน”ลิลี่พูดออกมา
“ข้าคิดว่าเจ้าจะก่อปัญหาขึ้นมาซะแล้ว”มีอาหันไปคุยกับเธอ
“ใครจะไปกล้าข้าว่าเรารีบไปแกะของรางวัลกันเถอะข้าชักจะอดใจไม่ไหว
แล้ว”
มีอาพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“ถ้างั้นเราแยกกันตรงนี้ดีหรือไม่ข้าต้องไปที่ร้านก่อน”
“เจ้าจะไม่ตามเราไปที่ห้องของมีอาอย่างนั้นเหรอนี่เป็นโอกาสที่หาเจ้าอาจจะรออยู่ก็ได้นะ”ลิลี่พูดอย่างมีความนัยโดยไม่สนใจมีอาที่ยืนอยู่ด้านข้าง
กายหันไปมองมีอาที่จ้องลิลี่ตาขวางอยู่มันจึงรีบกล่าวแบบขอโทษไป“เออ…ข้าคงไม่รบกวนพวกเจ้าสองคนหรอก”
หลังจากกายออกแรงลากกล่องสองใบไปขึ้นรถม้าลาก4ล้อได้สำเร็จเขาก็ตรงกกลับร้านไร้ขอบเขตในทันทีรถม้าใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงร้านกายเรียกให้นาธานมาช่วยเขายกของทั้งหมดไปที่โรงตีเล็กหลังร้านแต่ไม่ได้เก็บเข้าไปในคลังของร้านเพราะกายคิดว่าหลังจากร้านปิดจะกลับมาตรวจสอบพวกมันที่หลัง
ด้านในร้านยังมีผู้เล่นอยู่บ้างแต่ไม่มากอย่างที่คิดส่วนใหญ่กลับไปหมดแล้วเมื่อรู้ว่าอาวุธที่ขายในวันนี้ถูกขายถึงจำนวนที่กำหนดแล้วแม้จะมีผู้เล่นบ่นไม่พอใจแต่ไม่มีใครกล้าก่อปัญหาส่วนหนึ่งคือไม่อยากดึงความสนใจของทหารยามที่เดินตรวจตราอยู่ในนคร
แต่อีกเหตุผลคือมีข่าวลือในผู้เล่นว่าเจ้าของร้านนั้นแข็งแกร่งมาก
ข่าวลือเหล่านี้กายพอจะเดาได้ว่ามันมาจากหัวขโมยผู้เล่นคนนั้นที่กายฆ่าไปแล้วอย่างแน่นอนในตอนนั้นที่มันตายกายไม่ได้รอให้มันคืนชีพและตามฆ่าต่อ
เพราะผู้เล่นคนนั้นก็แค่หัวขโมยทั่วไปส่วนของมีค่าอื่นๆกายจะเอาเข้าไปเก็บที่โรงตีเหล็กและในคลังของร้านเพราะที่นั่นมีล็อกที่แน่นหนากว่าส่วนอื่นๆในร้านมาก
ตอนนี้เป็นเวลา 15.00น. แล้วซึ่งลูกค้าคนสุดท้ายเดินออกจากร้านไปแล้ว
“ท่านเดวินข้าได้ทยอยเขาเหรียญทองที่ขายได้เก็บไว้ตามที่ท่านบอกแล้วค่ะส่วนนี่คือเหรียญทองที่ขายได้รอบหลัง”มิน่าส่งถุงที่บรรจุเหรียญทองให้เจ้านายเธอด้วยรอยยิ้ม
กายพยักหน้าเป็นอันเข้าใจก่อนที่จะบอกให้เธอไปปิดร้านได้เลยเพราะตอนนี้ร้านไม่มีลูกค้าอีกแล้วก่อนจะถือถุงเหรียญทองเดินเข้าไปที่โรงตีเหล็กก่อนจะเดินไปที่กล่องไม้ธรรมดาที่เหมือนกับกล่องไม่ใส่วัตถุดิบที่หาได้จากในโรงตีเหล็ก
ก่อนจะเปิดออกมาด้านในนั้นมีถ่านหินสีดำด้านไม่มากกายควานหาเชือกสีดำก่อนจะยกมันขึ้นมาแผ่นไม้กันกล่องก็ถูกยกเผยให้เห็นช่องลับที่กายได้สร้างเอาไว้และบอกให้มิล่าเอาเงินมาทยอยเก็บในนี้ตอนที่เขาไม่อยู่
เหรียญทองที่อยู่ภายในถุงทั้งหมดถูกกายหยิบขึ้นมาก่อนจะเอามานั่งนับโดยไม่สนใจสายตาของนาธาน
นาธานกลัวว่ากายจะเข้าใจผิดว่าตัวเองจึงเลือกจะเดินออกไปจากโรงตีเหล็กให้กายนั่งนับเงินอย่างเงียบๆ
วันนี้กายยังขายได้สามพันกว่าเหรียกองนั้นทำให้กายมีเงินทั้งหมด 6,250 เหรียญทอง8เหรียญเงินและเศษอีกไม่กี่เหรียญทองแดงซึ่งคือจำนวนเงินที่ได้จากการขายของและหักค่าใช้จ่ายให้ช่างไม้กิลกับร้านเครื่องหนังค่าจ้างนาธานและมิล่ารวมทั้งค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
หลังๆมาเราจ่ายสกุลเงินออกไปเป็นเหรียญทองมากกว่าพวกเหรียญเงินและเหรียญทองแดงซะอีกกายมองดูเหรียญทองที่แวววาวในถุงเขารู้ว่าอีกไม่นานพวกมันก็จะจากเข้าไปในวันที่6ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน
กายจัดการแบ่ง 2000 เหรียญทองออกเป็นค่าวัตถุดิบที่ต้องสั่งจากร้านตัวตุ่นโลหะ
“เห้อ…แม้เงินจะดีแต่ขณะเดียวกันก็สิ้นเปลืองค่าวัตถุดิบไม่แพ้กันถ้าเราต้องการสร้างของอย่างอื่นด้วยก็ต้องเสียงเสียวัตถุดิบเพิ่มอีก”กายถอนหายใจแม้มันจะไม่ง่ายแต่กายก็ยังจะต้องเดินบนเส้นทางของช่างโลหะต่อไป
เพราะนี่เป็นวิธีที่ผู้เล่นเดี่ยวแบบเขาจะหาเงินได้จำนวนมาก
ยิ่งเวลาผ่านไปกำลังในการซื้อของผู้เล่นก็ยิ่งมากขึ้น…นั้นจะทำให้กายทำกำไรมากขึ้นไปด้วย
กายจัดการเก็บเงิน 4,000 เหรียญทองไว้ตามเดิมและเก็บอีก 250 เหรียญทองไว้กับตัวเผื่อจะต้องใช้จ่ายอะไรก่อนจะเดินออกไปสั่งให้นาธานและมิล่าพากันไปที่ร้านขายวัตถุดิบตัวตุ่นโลหะพร้อมกับรายการวัตถุดิบที่กายจดไป
หลังจากทั้งสองกลับมากายก็ให้พวกเขาช่วยกายตีมีดสั้นและดาบยาวได้ซึ่งกายยังไม่ได้สอนอะไรพวกเขาเพราะต้องการให้ทั้งสองชินกับสภาพที่อยู่ในโรงตีเหล็กและความเร็วในการทำงานของกายซึ่งปกติแล้วไม่มีช่างโลหะคนไหนทำงานหนักแบบกาย
จนในที่สุดวันนี้ก็จบลงสำหรับทั้งสองคนแต่กับกายยังต้องไปฝึกขี่ม้าต่อแน่นอนว่ามีอาและลิลี่ดูเหมือนจะไม่ได้มาเพราะต้องการจะเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ที่พึ่งได้รับมา
ส่วนกายไม่อยากจะเสียเวลาไปเปล่าๆจึงฝึกขี่ม้าไปคนเดียวจนกระทั่งลานต้นโอ๊คมืดมิดกายจึงกลับเข้าไปในนครดาราฟ้า