ตอนที่ 89 มุ่งหน้าสู้ทุ่งหญ้ากิรา
ราวสี่ทุ่มกว่าเมญ่าก็มาถึงโรงพยาบาลก่อนเวลาที่กายบอกไว้พอสมควร เธอเป็นห่วงไทเลอร์จึงพักผ่อนแค่ไม่กี่ชั่วโมงและรีบมาที่โรงพยาบาลหลังจากเมญ่ามาถึงก็เห็นว่ากายนั่งพักผ่อนอยู่
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“ไม่มีอาการแทรกซ้อนอะไร หมอพึ่งมาตรวจไปเมื่อสักครู่นี้เอง” กายลุกขึ้นนั่งตอบเมญ่าจากนั้นก็หันไปความเสื้อโค้ตมาสวมและหยิบหน้ากากกันฝุ่นก่อนจะหันไปบอกกับเมญ่า“ผมต้องรีบไปก่อนนะ ถ้าไทเลอร์ฟื้นขึ้นมาหรือมีอะไรสามารถโทรมาบอกผมได้เลย”
“อืม” เมญ่าตอบรับ แต่สายตาของเธอเอาแต่เฝ้ามองไปที่ไทเลอร์
เฮ้อ… กายได้แต่ทอนหายใจก่อนจะนั่งรถไปที่ร้านเกมเสมือนจริงหมายเลข 8 ตอนนี้ร้านยังมีคนเล่นเกมอยู่จํานว นมากและคึกคักเหมือนเช่นทุกวันกายเปิดประตูเข้าไปในร้านเดินเบียดตัวไป หยุดอยู่หน้าเคาน์เตอร์และทักทายซา เรียตามปกติ
“สวัสดีครับเจ้ซาเรีย”
“อืม…หมอนั่นเป็นยังไงบ้าง” ซาเรียพยักหน้าตอบและถามเรื่องของไทเลอร์
“เขาพึ่งเข้าผ่าตัดใหญ่และตอนนี้อาการพ้นขีดอันตรายแล้วแต่ยังไม่ฟื้นเจ้รู้อะไรเกี่ยวกับกลุ่ม…”กายคิดจะถามเรื่องกลุ่มต่อต้านแต่ในตอนนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าเจ้ซาเรียสั่นศีรษะเบา ๆ ก่อนจะมองไปรอบ ๆ เป็นการบอกว่าที่นี่คนเยอะเกินไป
“เรื่องนี้อันตรายทางที่ดีนายอย่าสนใจหรือสืบเรื่องของพวกเขาดีกว่า” เจ้ซาเรียเงียบไปก่อนจะพูดต่อ “นายควร ไปนอนสักพัก ก่อนจะเข้าไปเล่นในโลกราชัน”
กายคิ้วขมวดชนกันไม่รู้ตัว แม้จะรู้ว่าเจ้ซาเรียไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งและหวังดีกับเขาแต่ครั้งนี้ไทเลอร์เกือบตายมัน ทําให้กายรู้สึกโกรธมาก
เจ้พูดว่าพวกเขา หรือว่าเจ้จะรู้จักพวกกลุ่มต่อต้าน
กายอิ่งอยู่สักพักเมื่อเห็นสีหน้าที่จริงจังของเจซาเรีย
“ผมจะไม่ยุ่งกับพวกเขา” กายตอบกลับก่อนจะเสริมในใจว่า…แค่ตอนนี้เท่านั้น
หลังจากนั้นกายก็เข้าไปที่ห้องเกมส่วนตัวก่อนที่จะตั้งนาฬิกาปลุกและงีบหลับไปสักพัก
เวลา 00.00 น. ของวันที่ 1 เดือน พฤษภาคม ปีที่ 70 ในโลกความจริง
วันนี้คือวันที่ 24 เดือน 2 ปีดาราที่ 997 วันนี้คือวันสําคัญในการเริ่มทําภารกิจเลื่อนชั้นปี 2 ของผู้ชนะสิบอันดับแรกในการทดสอบที่ผ่านมา
กายจัดการเก็บข้าวของใช้ที่จําเป็นพร้อมทั้งไปรับม้าทั้งสองตัวที่ฝากเลี้ยงไว้ที่คอกม้าเฟรเดริกมาที่ร้านไร้ขอบเขตก่อนจะจัดการผูกสัมภาระอันประกอบด้วยกล่องที่ใส่ธนูโลหะหนักหนึ่งกล่อง กล่องที่ใส่ดาบหักสังหารอีกหนึ่งกล่องซึ่งทั้งสองผูกไว้ที่ข้างลําตัว
ส่วนกล่องสุดท้ายนั้นเป็นพวกเสื้อผ้าชุดสํารองพร้อมกับถุงเงินที่เต็มไปด้วยเหรียญทองที่กายขายของได้ในช่วงที่ผ่านมา
ในกล่องไม้นั้นยังมีค้อนที่ได้จากบ้านบนเขาที่ใช้สร้างอาวุธมาตลอดเก็บอยู่ด้วยกายเคยชินกับการมีค้อนชิ้นนี้ไปไหนมาไหนด้วยแล้ว เขาจึงหอบมันไปด้วยเพราะอาจจะได้ใช้งาน
หลังจากตรวจสอบทุกอย่างแล้วกายก็จับสายบังเหียนของ“เจ้าถูก” ซึ่งเป็นชื่อของม้าสายพันธุ์คลายเดสเดลที่กายซื้อมาเดินไปหามาอีกตัวที่ทางร้านเรียกมันว่า 16 กายก็จัดการเปลี่ยนชื่อมันเป็น“เจ้าหมอก”เพราะสีเทาของมัน
กายผูกสายบังเหียนไว้กับเจ้าหมอกจากนั้นเขาก็เดินไปทางด้านซ้ายของมันเท้าเหยียบโกลนม้ากระโดดขึ้นไปบนหลังเจ้าหมอกก่อนจะตบเท้ากระทั่งท้องผ้าเบา ๆ บอกให้มันเริ่มออกเดินทางเจ้าถูกด้านหลังรู้หน้าที่รีบเดินตามเจ้าหมอกไป
ท่ามกลางสายหมอกที่ลงในช่วงเช้าทําให้อากาศยามเช้าของนครดาราฟ้านั้นเย็นสบายมีน้ำค้างจับที่เกราะเกล็ดท มิฬที่กายสวมใส่เล็กน้อยกายยกมือขึ้นสัมผัสกับหมอกเย็น ๆ ก่อนจะตบเข้าแรงความเร็วของเจ้าหมอกตรงไปที่สถาบันศาสตร์นักรบเพื่อรายงานตัว
เมื่อไปถึงที่สถาบันศาสตร์นักรบกายคาดว่าตนเองอาจจะมาถึงเป็นคนแรกแต่กลับไม่ใช่ เพราะว่าที่นี่มีคนมารออยู่ก่อนแล้ว
ผู้ที่มารออยู่ก่อนแล้วนั้นก็คือวิลเลียมลูคัสและโจชั่วพวกเขาจับกลุ่มยืนด้วยกันด้านข้างยังมีเอเรนเบลลีชายหนุ่มผู้มีผมสีทองผิวขาวสูงโปร่งหน้าตายิ้มแย้มดูสุภาพ ม้ามืดที่ได้อันดับ 4 ชายคนนั้นหันมาพยักหน้าทักทายกายกาย จึงพยักหน้าตอบกลับไปเพื่อไม่ให้เป็ นการเสียมารยาท
นอกจาก 4 คนนี้ เขาคือคนที่ 5 ที่มาถึงหลังจากรอสักพักมีอาและลิลี่ก็มาถึง กายทักทายมีอาและลิลื่อย่างเป็นกันเอง และพูดคุยกันตามปกติ จนกระทั่ง อาลี น่าและลูก้ามาถึงเช่นกัน
ตอนนี้เวลาใกล้จะหกโมงเช้าแล้วในที่สุดคนสุดท้ายในสิบอันดับแรกของการทดสอบก็มาถึง
โบเวน วาธ นั้นเป็นชายผมดําคิ้วคมหน้าเข้มหล่อเหลาไม่แพ้เอเรน เบลลีเป็นคนจริงจังและเงียบขรึมเดินจูงม้าที่แบกสัมภาระเข้ามายังจุดที่พวกเขายืนอย่างไม่พูดไม่จามากนัก
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่อาจารย์คาเตอร์เดินออกมาหาพวกเขาพอดี
“พวกเจ้ามาพร้อมแล้วสินะภารกิจของพวกเจ้าในการเลือนชั้นปี 2 คือการตามล่าโจรที่ทุ่งหญ้ากิราโดยกําหนดค่าหัวของโจรคือค่าหัว 1,000 เหรียญทองจํานวน 3 คนและโจรค่าหัวจํานวน 3,000 เหรียญทองอีกหนึ่งคนส่วนเวลาในภารกิจนั้นคือไม่เกินสองเดือน พวกเจ้าเข้าใจหรือไม่”อาจารย์คาเตอร์หยุดถามพวกเขา
ทุกคนพยักหน้าอย่างไม่มีปัญหาอะไรก่อนที่อาจารย์คาเตอร์จะกล่าวต่อ “ก่อน ไปพวกเจ้าจะได้รับเอกสารยืนยันตัวตนในฐานะนักล่าค่าหัวและสุดท้ายนี้ข้าหวังว่าหลังจากจบภารกิจพวกเจ้าจะก ลับมาที่นครดาราฟ้าอย่างปลอดภัยทุก
คน”
มันไม่มีพิธีอะไรมาก พวกเขาต่างหยิบเอกสารยืนยันตัวตนของนักล่าค่าหัวมาเก็บเข้าไว้ด้วยกันกับหนังสือยืนยันตัวตน ในหน้าหลังสุด
กายทําตามคนอื่น ๆ ก่อนจะสอดมันเข้าไปเก็บไว้ในช่องลับในเกราะเกล็ดทมิฬคนอื่น ๆ แยกตัวไปขึ้นม้าของตนเองและออกเดินทางในทันทีเพราะใครก็ตามที่ไปถึงก่อนก็จะได้เริ่มล่าค่าหัวพวกโจรก่อน
ในตอนนั้นเองมีอาก็บังคับม้าเดินเข้ามาใกล้ ๆ กาย
“เราไปด้วยกันเลยไหม”
“แน่นอนอยู่แล้ว” กายยิ้มตอบกลับเธอ
ขณะเดียวกันอาลีน่าและลูก้าก็เดินมาหาพวกเขาทั้งสามคนเช่นกัน
“พวกเราไปด้วยได้หรือไม่ การเดินทางไปที่ทุ่งหญ้ากิรานั้นอันตรายแต่ถ้า ไปด้วยกันมันจะปลอดภัยมากขึ้น”ลูก้า พูดออกมา ขณะที่อาลีน่ายืนอยู่ไม่พูดอะไรอยู่ด้านข้าง
“แน่นอนแล้วเจ้าจะมาหรือไม่”ภายหัน ไปถามอาลีน่า
“เจ้าอย่าพาพวกเราไปตายก็พอ”อาลีน่าตอบกลับกายอย่างกวน ๆ
“แน่นอน ถ้างั้นเราก็ออกเดินทางกัน
เถอะ”
การออกเดินทางไปทุ่งหญ้ากิราในครั้งนี้กลุ่มของกายมีกันอยู่ 5 คนคือ มีอา ลิ ลี่ อาลีน่า ลูก้า และตัวเขาด้วยแต่ละค นมีม้าอยู่สองตัวเหมือนกับกาย ทําให้กลุ่มดูใหญ่พอสมควร
พอออกจากนครดาราฟ้า พวกเขาก็มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้เพื่อไปที่ ทุ่งหญ้ากิราด้วยเส้นทางที่ทั้งไกลและเส้นทางที่อันตรายทําให้พวกเขาคาดการว่าต้องเดินทางถึง 3 วัน
สามวันในการเดินทางไปที่ทุ่งหญ้ากิ รานั้นถือว่าไวมากแล้วถ้าพวกเขาใช้รถม้าในการเดินทางมันคงต้องใช้เวลา มากกว่า 7 วัน
กายสังเกตไปรอบ ๆ ทุ่งหญ้ากิราท้อง ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงส้มสภาพอากาศยังคงร้อนแห้งอย่างต่อเนื่องทําเอาพวกเขาหอบหายใจด้วยความเหนื่อยอ่อน แต่พอผ่านไปสักพักอากาศก็เริ่มเย็นตัว ลงอย่างช้า ๆ นั้นทําให้ทั้งหมดใช้โอกาสนี้ในเร่งเดินทางอีกครั้ง
จนกระทั่งเวลา 5 โมงเย็นกายก็แนะนํา ให้ทุกคนหาที่พักกันได้แล้ว
“เราควรไปพักที่นั่น ตรงนั้นมีบ่อน้ำบา ดาลเก่าอยู่” กายชี้ไปยังต้นไม้ใหญ่ด้านหน้าเป็นเพียงหญ้าแห้ง ๆ ซึ่งไม่มีวี่แววว่าจะมีหนอกน้ำแม้แต่น้อย
“เจ้าแน่ใจนะว่ามีบ่อน้ำบาดาลตรงนั้น” อาลีน่าถามอย่างไม่ค่อยเชื่อเพราะเธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“แน่นอน”
กายไม่รอช้าบังคับม้าเดินเข้าไปทาง นั้นทันที จุดตันไม่ใหญ่ที่กายมานั้นมีร่องรอยของกองไฟอยู่หลายจุดพวกมันดูเหมือนจะเป็นจุดพักผ่อนที่นิยมของคนที่เดินทางแถบนี้
ชายหนุ่มผูกม้าไว้กับต้นไม้ กระโดดลง จากหลังม้าด้วยความเคยชินดังตุบ!พื้นที่เท้าจมเป็นรอยเท้าของกายเพราะน้ำหนักของค้อนสั่นสะเทือนที่แบกไว้บนหลังก่อนจะถือถุงน้ำและเดินไปทางพุ่ม ไม้ด้านหลังของต้นไม้
อยู่ตรงไหนนะ ตามที่อ่านมาจากข้อมูลที่เจ๊ซาเรียหามาจากผู้เล่นมันน่าจะ อยู่แถว ๆ นี้…กายเดินเข้าไปเจ็ดแปดเมตรก็เจอกับกองกิ่งไม้แห้งที่สุ่มรวมกันอยู่ เขารองใช้เท้าเขี่ย ๆ มันออกเมื่อเห็นว่าไม่เป็นอันตรายก็นั่งลงใช้มือปัดใบไม้ออก
“ข้าเจอบ่อน้ำบาดาลแล้ว” กายตะโกนบอกคนอื่น ๆ ลุการีบจิ้มเท้าเข้ามาหากาย
“หืม มีบ่อน้ำบาดาลจริง ๆ ด้วย”
“เจ้าเคยมาที่นี่ก่อนอย่างนั้นเหรอ”มีอาเดินเข้ามาเช่นกัน ก่อนที่คนอื่น ๆ จะทยอยมาดูบ่อน้ำบาดาลเก่า
“ข้าเคยอ่านเจอ” กายเสริมในใจว่า…ในข้อมูลของผู้เล่นที่เดินทางเส้นนี้บ่อย ๆ ละนะ
“บ่อนี้เก่ามา มีไม่ปิดไว้อยู่ แต่ดูเหมือนไม้นี่จะมีคนพึ่งเอามาปิดมันคงเป็นจุดพักในเส้นทางนี้” อาลีน่าเดินไปรอบ ๆ บ่อน้ำก่อนจะทําท่ายกแผ่นไม้ออก
ลิลี่รีบเข้าไปช่วยอาลีน่าทันทีแผ่นไม้ไม่ได้หนักมากนัก แค่พวกเธอสองคนก็ สามารถยกมันออกได้อย่างไม่อยากเย็น
หลังบ่อน้ำบาดาลถูกเปิดออก ก็เผยให้เห็นบ่อที่ลึกลงไป 20 กว่าเมตรด้านล่างสุดมีน้ำสะอาดอยู่ล่างสุดมันมีดน้อยแต่ก็พอมองเห็นน้ำได้อย่างชัดเจน
“ไม่เห็นมีอะไรใช้ตักน้ำเลย หรือจะให้พวกเรากระโดดลงไปเอาน้ำขึ้นมา” ลิลี่พูดออกมาอย่างเซ็งๆ ในตอนนั้นเองกายก็เดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะกลับมาพร้อมกับถังน้ำที่ปลายอีกด้านผูกเชือก ปานเส้นยาวไว้ด้วย
“ไม่ต้องลงไปหรอกเราใช้นี่ในการดักน้ำได้” กายยิ้มบอกลิลี่
“มาข้าทําเอง” ลิลี่เห็นดังนั้นก็รีบไปคว้าถังน้ำมาและหย่อนมันลงไปตักน้ำมาเธอยกถังน้ำขึ้นมาอย่างง่ายดายราวกับมันไม่มีน้ำหนักอะไรกายเห็นว่างานที่ใช้แรงก็มีคนอาสาทําไปแล้ว เขาจึงกลับออกไปก่อกองไฟด้วยความรวดเร็วให้สมกับช่างโลหะทั่วไป