เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล – ตอนที่ 68.1

บทที่ 68

ฟีเรนเทียไล่พวกแฝดกลับไปก่อน

เพราะไม่ได้พบหน้ากันเสียนาน สองคนนั้นเลยรู้สึกเสียดายอยู่มาก แต่ก็ยอมปลีกตัวกลับไปอย่างว่าง่าย

คงจะคิดว่าเธอใจสลายเพราะเรื่องของท่านพ่อ พวกนั้นเลยปฏิบัติกับเธอด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก

เครย์ลีบันกับเอสทีร่ายังคงอยู่ข้างกายเธอเหมือนเดิม

เธอนั่งลงบนเก้าอี้และเริ่มเรียบเรียงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น

มือทั้งสองข้างที่จับประสานกันอยู่เริ่มเย็นเฉียบ

เธอหลับตาลง นั่งนิ่ง

ใจเย็นๆ ก่อน

ต้องคิดให้ออก

วิธีการที่จะแก้ปัญหาพวกนี้

ฟีเรนเทียค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าออกอย่างเชื่องช้า

ตอนแรกแค่จะหายใจเข้าลึกๆ มันยังไม่ง่ายเลยด้วยซ้ำ

หัวใจที่เต้นโครมครามเสียงดังมันเอาแต่รบกวนความคิดอยู่เรื่อย

แต่เธอก็นึกถึงท่านพ่อขึ้นมา

อาการป่วยของท่านพ่อกำลังแย่ลงเรื่อยๆ และเพราะอาการปวดที่เพิ่มมากขึ้นทำให้ท่านพ่อต้องกินยาแก้ปวดเป็นประจำ ระยะหลังมานี่ท่านพ่อเลยเอาแต่หลับ แทบไม่ตื่นขึ้นมาเลย

เรื่องทั้งหลายแหล่ที่เกิดขึ้นตอนที่ท่านพ่อกำลังอ่อนแอลงเรื่อยๆ พวกนั้น มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่

เธอมุ่งมั่นคิดแต่ว่าจะต้องตั้งสติควบคุมทุกอย่างให้ได้ ทันใดนั้นอาการสั่นก็สงบลงราวกับโกหก

ความคิดที่กระจัดกระจายจนรวบรวมเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้เอง ก็เริ่มเรียบเรียงขึ้นมาได้ทีละเรื่อง

ในตอนที่หัวใจเริ่มนิ่งสงบ เธอก็ลืมตาขึ้น ก่อนจะพูดขึ้น

“เอสทีร่า”

“ค่ะ คุณหนู”

“ยาในตอนนี้มันมีปัญหาอะไรกันแน่ ช่วยอธิบายให้ชัดๆ แต่สั้นกระชับที”

เอสทีร่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเปิดปากพูด

“จำเป็นต้องใช้ตัวกลางที่จะช่วยผสมสมุนไพรทั้งหมดให้เสถียรค่ะ ต้องตามหาวัตถุดิบตัวนั้นให้ได้”

โล่งอกไปที

ว่าแล้วเชียว ยาของเอสทีร่าไม่ได้ห่างไกลจากยาที่เสร็จสมบูรณ์ขนาดนั้น

ลองคิดให้ดีสิ คิด

ชีวิตก่อนเธอเคยอ่านชีวประวัติของเอสทีร่า แต่เพราะไม่มีความรู้พื้นฐานด้านสมุนไพรศาสตร์ เธอเลยจำเนื้อหาเฉพาะพวกนั้นได้อย่างเลือนราง แต่เธอก็ต้องคิดมันให้ออกให้ได้

สิ่งที่เอสทีร่าในตอนนี้แตกต่างจากเอสทีร่าในตอนนั้น

[วันหยุดพักร้อนในรอบ 5 ปี นำพาให้ข้าเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด งานวิจัยเป็นไปได้อย่างเชื่องช้าไม่เห็นผลเสียที ร่างกายและหัวใจที่เหนื่อยล้าได้กลับไปพักผ่อนที่นั่น และณ ที่แห่งนั้น ข้าก็โชคดีได้ค้นพบคำตอบโดยบังเอิญ…]

ใช่แล้ว มันมีเนื้อหาแบบนั้นอยู่แน่ๆ

บางทีอาจจะมีกำแพงเดียวกันที่ขวางกั้นขั้นตอนการวิจัยของเอสทีร่าในตอนนี้กับตอนนั้นอยู่ก็ได้

“เอสทีร่า เจ้าเคยเล่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ให้ย่าของเจ้าที่บ้านเกิดทราบบ้างมั้ย”

“มะ…ไม่ค่ะ พอดีคิดว่าจะต้องเก็บไว้เป็นความลับก็เลย…”

“ข้าจะหาคนให้ เจ้าลองส่งสารไปหาย่าของเจ้าที ยังไงท่านก็มีประสบการณ์ในการหลอมยานานกว่าเอสทีร่าอยู่มาก”

“อ๊า ใช่แล้วค่ะ! ถ้าเป็นท่านย่าละก็ ถ้าเป็นท่านย่าอาจจะทราบก็ได้นะคะ!”

ความหวังปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเอสทีร่า

เธอเขียนโน้ตลงบนกระดาษแผ่นเล็กส่งให้เอสทีร่าเอาไปให้พ่อบ้านโยฮันดู ส่วนเอสทีร่าหลังจากรับโน้ตจากเธอก็ออกจากห้องไปทันที

“และเครย์ลีบัน…”

ข่าวลือเรื่องอาการป่วยของท่านพ่อกับข่าวลือของตระกูลอังเกนัส การที่สองเรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมกัน มันต้องเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกันแน่ๆ

“เวลาไม่ดีเอาเสียเลยครับในขณะที่กำลังคุยกับตระกูลเซอเชาว์เพื่อบุกตลาดทางใต้ กลับมีข่าวลือว่าท่านแคลอฮันป่วยเป็นโรคเทรนด์บลู นี่มันตั้งใจจะฆ่ากันชัดๆ เลยครับ”

“คงจะเล็งเรื่องนั้นไว้แล้วละค่ะ”

นี่ต้องเป็นเรื่องที่พวกอังเกนัสจงใจทำแน่

ไม่รู้ว่าพวกนั้นไปรู้เรื่องที่ท่านพ่อป่วยได้ยังไง แต่บางทีคงจะตั้งใจเคลื่อนไหววินาทีสุดท้ายเพื่อการนี้อยู่แล้วก็ได้

“ตระกูลเซอเชาว์ทราบเรื่องนี้หรือเปล่าครับ”

เครย์ลีบันถามเธอ

“นิสัยอย่างท่านหญิงเซอเชาว์ไม่มีทางฟังแต่คำพูดฝ่ายนั้นแล้วหลงเชื่อหรอกค่ะ ตระกูลลอมบาร์เดียเองก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับนางเสียทีเดียว ไม่ว่าจะในรูปแบบไหนก็ตาม นางจะต้องตรวจสอบกับทางเราให้แน่ใจก่อนแน่นอนค่ะ”

“แบบนั้นก็โล่งอกไปที แต่ยังไงเราก็เหลือเวลาอีกไม่มากจนกว่าท่านหญิงเซอเชาว์จะทราบข่าว คงต้องรีบเคลื่อนไหวโดยเร็วแล้วละครับ”

“ตอนนี้อังเกนัสเข้าเฝ้าอยู่ในวังใช่มั้ยคะ”

“ครับ เป็นเช่นนั้น ได้ยินว่าผ่านประตูวังเข้าไปแล้ว ตอนนี้คงกำลังรอเข้าเฝ้าฝ่าบาทอยู่ครับ”

ฟีเรนเทียเห็นด้วยกับคำพูดของเครย์ลีบันที่บอกว่าไม่มีเวลาแล้ว

เธอต้องรีบเคลื่อนไหวให้เร็วที่สุด

“เรื่องท่านหญิงเซอเชาว์ข้าจะจัดการเอง เครย์ลีบันมีอีกที่ที่ต้องไปค่ะ”

“เชิญกล่าวมาได้เลยครับ ท่านฟีเรนเทีย”

เครย์ลีบันลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุมพลางเอ่ยพูด

โล่งอกที่เธอพอจะรู้จักคนที่จะช่วยพวกเราในตอนนี้ได้อยู่

“ออกไปพบท่านปู่ตอนนี้เลยนะคะ แจ้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี่ให้ท่านปู่ทราบ แล้วขอร้องให้ท่านเดินทางเข้าวังในทันทีค่ะ”

การเข้าเฝ้าจักรพรรดิ ต่อให้เป็นขุนนางชั้นสูงเองก็ไม่ใช่เรื่องง่าย บางกรณียังต้องรออยู่หลายวันกว่าจะได้เข้าเฝ้าก็มี

แต่ถ้าหากเป็นท่านปู่ละก็

ถ้าหากเป็นท่านปู่ที่สามารถเดินทางจากลอมบาร์เดีย มุ่งตรงไปยังห้องทรงงานของจักรพรรดิได้ทันทีละก็

บางทีอาจจะไล่ตามอังเกนัสได้ทันก็ได้

ฟีเรนเทียเหม่อมองแผ่นหลังของเครย์ลีบันที่เดินออกไปจากห้อง ก่อนจะเปิดประตูห้องนอนของท่านพ่อที่ปิดแน่นสนิทออก

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

Status: Ongoing Native Language: Korean
อ่านเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูลเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟีเรนเทียพบว่าเธอได้ย้อนกลับมายังอดีตในสมัยที่เธอเพิ่งจะอายุได้แค่ 7 ขวบ เพื่อช่วยตระกูลลอมบาร์เดียและชีวิตของพ่อ เธอจึงตั้งใจว่าจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset