เธอกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปเปิดประตูหลายบานที่เชื่อมกับห้องรับรอง
ห้องนอนกับห้องเล็กสำหรับแขก และห้องหนังสือ
“ย้ายห้องหนังสือของเทียที่อยู่คฤหาสน์หลักมาไว้ที่นี่แทนน่ะ อยู่ด้านนี้น่าจะใช้งานมันได้สะดวกกว่าเดิม”
จริงด้วย
หนังสือที่เคยผ่านมือเธอและเครื่องเขียนทั้งหลายถูกย้ายมาไว้ที่นี่ทั้งหมด
“ต่อไปเทียใช้บ้านนี้ได้ตามสบายเลยนะ แน่นอนว่าถ้าแวะลงมาชั้นล่างบ้างพ่อก็คงจะเหงาน้อยลงหน่อย”
“พ่อ…”
“และพอลองคิดดูว่าต่อไปก็คงจะยุ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้ก็น่าจะสะดวกกว่าใช่มั้ยล่ะ”
หลอกท่านพ่อไม่ได้จริงๆ
อย่างที่สัญญาเอาไว้กับท่านพ่อเมื่อคราวก่อน เธอเล่าให้ท่านฟังบางเรื่องตามสมควร
พวกเรื่องง่ายๆ อย่างเรื่องที่ ‘คิดยังไงถึงได้ส่งชานาเนสไปหาท่านหญิงเซอเชาว์’ กับ ‘สนิทกับเฟเรสมาตั้งแต่เมื่อไหร่’ อะไรพวกนั้น
แต่ท่านพ่อที่ได้ข้อมูลแค่ชิ้นส่วนไม่กี่ชิ้นพวกนั้น ดูเหมือนจะประเมินเรื่องทุกอย่างได้หมดจด
ดูจากที่ท่านถามความเห็นของเธออย่างเป็นธรรมชาติ เกี่ยวกับการตัดสินใจเรื่องงานของ ‘ร้านขายเสื้อผ้าแคลอฮัน’ ก็พอจะคาดเดาได้รางๆ อยู่เหมือนกัน
และไอเดียแปลกใหม่ที่ได้ก็คือ ‘ลิมิเต็ด’ นี่แหละ
“เทียของพ่อ…”
ท่านพ่อสวมกอดเธอแน่น
“สุขสันต์วันเกิดนะ พ่ออยากจะให้ของขวัญวันเกิดเป็นคนแรกก่อนใครน่ะ”
“ขอบคุณนะคะ พ่อ”
เธอกอดท่านพ่อแน่นเช่นกัน
“เหมือนฝันเลยค่ะ”
การที่ท่านพ่ออยู่ด้วยกันกับเธอแบบนี้ในวันเกิดอายุครบสิบเอ็ดปีของเธอ
การที่ท่านพ่อเอาชนะโรคเทรนด์บลู และอยู่เคียงข้างเธอด้วยภาพลักษณ์ที่แข็งแรงเช่นนี้
จุ๊บ
ท่านพ่อจุมพิตที่เปี่ยมด้วยความรักลงบนหน้าผากกลมมนของเธอ
เธอรู้สึกเหมือนน้ำตาจะไหลออกมา จึงกอดท่านพ่อแน่นกว่าเดิม
ตอนนี้เป้าหมายแรกที่เธอตั้งไว้ว่าจะทำให้สำเร็จหลังจากได้ย้อนเวลากลับคืนมาก็สำเร็จลุล่วงแล้ว
การช่วยชีวิตท่านพ่อ
แต่สำหรับเธอยังเหลืออีกหลายเรื่องที่ต้องทำมันให้สำเร็จให้ได้
“เริ่มการประชุมกันเถอะ”
ประธานในที่ประชุมซึ่งนั่งตำแหน่งสูงสุดของโต๊ะเอ่ยเรียกความสนใจจากผู้คนในที่ประชุม
“มีคนที่ยังไม่มาอยู่อีก รออีกสักพักเถอะครับ”
เฟรดริก อังเกนัสนั่งลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้านพลางเอ่ยพูดขึ้น
“แต่ว่า…”
มันล่วงเลยเวลาเริ่มประชุมมาได้พักใหญ่แล้ว
สาเหตุเป็นเพราะตระกูลหลายตระกูลที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอังเกนัสยังไม่มากัน
ขุนนางหลายสิบคนที่มาถึงเต็มห้องประชุมตรงเวลาต่างก็กำลังรอคนไม่กี่คนนั่นอยู่
“ถ้าคนสำคัญยังมากันไม่ถึง เริ่มประชุมไปก็ไม่มีความหมายไม่ใช่…”
“อุตส่าห์รีบร้อนมาเพราะนึกว่าสายเสียแล้ว แต่นี่ยังไม่เริ่มกันอีก นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ใครคนหนึ่งผลักประตูห้องประชุมออกพรวด แล้วเดินเข้ามาข้างในด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“จะ…เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย…”
ประธานในที่ประชุมลุกขึ้นพรวดจากที่นั่งในขณะที่กล่าวทักทาย
รูลลัก ลอมบาร์เดียคนนี้ ก่อนที่ตนจะกลายมาเป็นประธาน เขาเป็นคนที่เคยนั่งในตำแหน่งประธานหลายสิบปี
“มาถึงที่นี่มีธุระอะไรหรือครับ”
“พักมาได้หลายปีแล้ว ก็เลยตั้งใจว่าจะกลับมาสนใจเรื่องงานบริหารบ้านเมืองดูบ้างน่ะ”
“โอ๊ะ! ถ้าอย่างนั้นตำแหน่งประธาน…”
“ไม่ ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้กลับมาเพื่อรับภาระหนักนั่นหรอก ตัวข้าคนนี้ชราเกินกว่าจะทำเช่นนั้นได้แล้ว แค่มาร่วมประชุมเฉยๆ ไม่ต้องมากพิธีหรอก”
“มาเฉยๆ ถ้าเช่นนั้น…”
“พอดีมีนัดกับใครบางคนน่ะ”
รูลลักตอบเช่นนั้นในขณะเดียวกันก็ส่งยิ้มให้เฟรดริก อังเกนัสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ต่อไปเจ้าจะต้องคิดเช่นนั้นอีกนับครั้งไม่ถ้วน เสียใจแล้วเสียใจอีก ว่า ‘ตอนนั้นไม่น่ายื่นมือเข้าไปยุ่งกับแคลอฮันเลย’ ยังไงล่ะ”
อึก!
เจ้าตระกูลอังเกนัสนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องทรงงานของฝ่าบาท เขาสะอึกเสียงดังด้วยความหวาดกลัวโดยไม่รู้ตัว
“เริ่มประชุมกันเถอะ มีเหตุผลอะไรให้คนมากมายตรงนี้ต้องมัวแต่รอคนแค่ไม่กี่คนกัน”
ประธานในที่ประชุมเหลือบมองเจ้าตระกูลอังเกนัสเล็กน้อย ก่อนที่จะใช้ค้อนประชุมเคาะเสียงดัง ตึง ตึง
ต่อให้ตระกูลอังเกนัสจะสำคัญแค่ไหน แต่มันเทียบกับลอมบาร์เดียไม่ได้เลย
สุดท้ายตลอดการประชุม อังเกนัสก็ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่อย่างเดียว เพราะการขัดขวางของรูลลักที่ยื่นมือเข้ามาแทรกในทุกเรื่องและเหล่าสมาชิกสภาขุนนางที่เก็บกดอะไรหลายอย่างต่ออังเกนัสตลอดเวลาที่ผ่านมา ต่างก็ออกหน้าเห็นด้วยกับรูลลัก
รูลลักยิ้มกว้างกล่าวกับเฟรดริกอังเกนัสที่ทำหน้าราวกับเคี้ยวของเสีย
“ทำหน้าราวกับจะร้องไห้อยู่รอมร่อแบบนั้นได้เช่นไรกัน ต่อไปยังมีเรื่องให้ต้องเสียใจอยู่อีกตั้งมากแท้ๆ”
เจ้ากลายเป็นก้อนขี้แล้ว
รูลลักหัวเราะเยาะทิ้งท้ายเช่นนั้น
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัวก่อน”
“เจ้าตระกูลลอมบาร์เดีย ถ้าพอมีเวลาอย่างไรไปร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน…”
“น่าเสียดาย แต่คงต้องเป็นครั้งหน้าแล้วละ วันนี้มีงานที่สำคัญมากอยู่น่ะ”
“อา หรือว่ามีนัดหมายกับฝ่าบาท…”
“งานวันเกิดหลานสาวข้า”
“ครับ?”
“ข้าต้องไปงานปาร์ตี้วันเกิดหลานสาว โอ๊ะ สายแล้วเหรอเนี่ย! เคาะค้อนได้แล้ว!”
ประธานในที่ประชุมใช้ค้อนเคาะสองครั้งเป็นการปิดประชุมตามคำสั่งด้วยใบหน้างุนงง
หมายความว่าการประชุมในวันนี้จบลงอย่างเป็นทางการแล้ว
“งั้นข้าขอตัวก่อนนะ!”
ประธานสภามองภาพของรูลลักที่ออกไปจากห้องประชุมราวกับสายลม เขายังคงงุนงงอยู่ไม่น้อย แต่ก็พอจะมั่นใจได้อย่างหนึ่ง
ต่อไปอังเกนัสจะไม่สามารถควบคุมเรื่องในที่ประชุมขุนนางได้ตามใจชอบได้อีกแล้ว