เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล – ตอนที่ 22.2

ฟีเรนเทียหลุดถอนหายใจออกมาโดยอัตโนมัติ เธออยากจะถามเหลือเกินว่านี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรในวันเกิดของเธอที่ควรจะได้ใช้เวลาอย่างสนุกสนานกันแน่

 

แต่สีหน้าของเบเลซักก็ถือว่าคุ้มที่ได้เห็นอยู่เหมือนกัน

 

โดนเจ้าชายเมินเฉยยังพอทนได้ แต่พอโดนเปรียบเทียบกับเธอเข้าหน่อยกลับทนไม่ไหว ถึงได้กำมือทั้งสองข้างแน่น ถลึงตาจ้องหน้าเธอเขม็ง

 

เธอ? ทำไมเป็นเธอล่ะ

 

คนที่มองนายแล้วพูดจาแบบนั้นมันเจ้าชายนะ ไม่ใช่เธอเสียหน่อย

 

ดูเหมือนความโกรธเคืองของเบเลซักเองคงจะแกร่งต่อหน้าคนอ่อนแอ เขาถึงแสดงท่าทางอ่อนแอต่อหน้าคนแข็งแกร่งและทำเพียงแค่แสดงท่าทางเป็นปรปักษ์ออกมาเฉยๆ เท่านั้น

 

“ฟีเรนเทีย”

 

แต่แล้วในตอนนั้นเองก็ได้ยินเสียงดั่งเสียงสวรรค์เอ่ยเรียกเธอ

 

“มานี่สิ”

 

คนที่เรียกเธอจากไกลๆ คือชานาเนส

 

“ถ้างั้นหม่อมฉันขอตัว”

 

“อ๊ะ? เฮ้! ”

 

“เจ้าชาย! ไปกับพวกเรา…”

 

อาสทาน่าตั้งใจจะเดินตามเธอมา แต่เบเลซักกลับฉวยจังหวะเกาะติดเขาเอาไว้

 

สุนัขก็รู้จักที่ขี้เหมือนกันสินะเนี่ย

 

เธอรีบวิ่งเข้าไปหาชานาเนส กลัวว่าจู่ๆ จะถูกรั้งตัวเอาไว้อีก

 

“ไม่มีเรื่องอะไรนะ?”

 

ชานาเนสเป็นห่วงว่าเธอจะโดนเจ้าชายลำดับที่หนึ่งกลั่นแกล้ง

 

ถึงแม้เจ้าชายอาสทาน่าจะถือของขวัญมาขอโทษพูดโน่นนี่ แต่ไม่มีใครเชื่อหรอกว่าทำจากใจจริง

 

“น่ารำคาญไปหน่อย แต่ไม่เป็นไรค่ะ! ว่าแต่เรียกข้ามาทำไมเหรอคะ”

 

“คนอื่นๆ ช่วยจัดการของขวัญที่ได้รับมาหมดแล้ว เจ้าของงานก็ต้องไปแกะของขวัญสักหลายกล่องหน่อย เป็นการแสดงความจริงใจสิ”

 

“อ๊ะ ของขวัญ! ”

 

อารมณ์ที่ขุ่นมัวไปเพราะการปรากฏตัวของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง

 

งานวันเกิดก็ต้องมีของขวัญแน่นอนสิ!

 

อีกอย่าง คนที่มางานเลี้ยงส่วนใหญ่ก็เป็นคนระดับสูงในอาณาจักรกันทั้งนั้น จะได้เงินทองมากขนาดไหนกันนะ!

 

แค่คิดก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาแล้ว

 

“แกะของขวัญตลอดงานเลี้ยงก็น่าจะดีเหมือนกันนะคะ! แหะๆ”

 

สีหน้าของชานาเนสดูแปลกพิลึกเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ

 

“…จะไม่เหนื่อยแย่เหรอ”

 

แค่แกะของขวัญไม่กี่ชิ้น ต่อให้เหนื่อยแล้วมันจะไปเหนื่อยอะไรขนาดนั้นกัน

 

เธอส่ายหน้าหวือ

 

“อืม ถ้างั้นก็ทำตามที่เจ้าอยากทำก็แล้วกัน”

 

ชานาเนสพูดแบบนั้น ก่อนจะพาเธอไปยังมุมที่จัดเรียงของขวัญที่ผู้คนนำมา

 

และเธอก็สามารถเข้าใจความหมายของสีหน้าของชานาเนสได้ในทันที

 

“ทะ…ทั้งหมดนี่คือของขวัญของข้าเหรอคะ”

 

“ของขวัญของข้ากับสองแฝด ของลุงใหญ่ ลุงเล็ก ทั้งหมดเอาไปไว้ที่ห้องของเจ้าแล้ว พวกนี้เป็นของที่คนที่มาร่วมงานเลี้ยงนำมาให้น่ะ”

 

“เปิดทั้งหมด…ไม่ไหวแน่เลยค่ะ”

 

ทำแบบนั้นตั้งแต่พรุ่งนี้คงได้นอนป่วยไข้แน่

 

เพราะของขวัญที่วางสุมกองพะเนินอยู่นั่น มันมีมากสมกับคำพูดอย่างภูเขาขนาดย่อมจริงๆ

 

ข้างล่างส่วนใหญ่จะเป็นพวกของชิ้นใหญ่ ส่วนข้างบนเป็นของชิ้นเล็ก มันถูกจัดเรียงเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ

 

ก็นะ คนมาร่วมงานเลี้ยงเป็นร้อย ดังนั้นของขวัญก็ต้องมีมากขนาดนี้เป็นเรื่องแน่นอนอยู่แล้ว

 

“มีนัยน์ตาหลายคู่มองดูอยู่ เพราะฉะนั้นไปลองเปิดแค่ไม่กี่ชิ้นก็ได้”

 

“ได้ค่ะ”

 

เธอรับความช่วยเหลือจากชานาเนส นั่งลงเปิดของขวัญตรงนั้น

 

คนเหล่านี้เป็นชนชั้นสูงมีระดับอย่างแน่นอน ไม่มีของขวัญชิ้นไหนเลยที่ไร้ราคา

 

ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเครื่องประดับหรืออัญมณีที่เด็กเล็กสามารถสวมใส่ได้ และยังมีหนังสือภาพวาดสวยๆ สำหรับเด็กอยู่หลายเล่ม สงสัยคงจะไปได้ยินมาจากไหนสักแห่งว่าที่จริงแล้วเธอชอบอ่านหนังสือ

 

และการเปิดกล่องของขวัญนี่ก็สนุกกว่าที่คิด

 

เธอเริ่มรู้สึกเสพติดความรู้สึกเวลามือสั่นเทาด้วยความตื่นเต้นราวกับเปิดกล่องแรนด้อมที่ไม่รู้ว่าอะไรอยู่ข้างในเสียแล้วละ เปิดของขวัญไปทีละชิ้นๆ โดยไม่ได้รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว ผ่านไปสักพักทั้งลาลาเน่กับสองแฝด และเครนีย์น้องชายของอาสทัลลีอู ต่างก็มารวมตัวกันดูเธอเปิดของขวัญกันแล้ว

 

กล่องแรนด้อมแบบนี้ ปกติแค่มองดูคนอื่นเปิดก็เป็นเรื่องน่าสนุกเหมือนกันนี่นะ

 

“คราวนี้เอาอันนี้สิ! ลองเปิดอันนี้ดู!”

 

คิลลีวูหยิบกล่องขนาดใหญ่มากที่วางอยู่มุมหนึ่งเข้ามาวางลงตรงหน้าเธอ

 

“ได้สิ”

 

ที่จริงก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมาก

 

เพราะปกติกล่องของขวัญน่ะ มันต้องยิ่งเล็กถึงจะยิ่งมีของดีใส่อยู่ข้างใน

 

“โอ้ๆ ตุ๊กตานี่นา!”

 

“ตุ๊กตาหมี! ”

 

ว่าแล้วเชียว กล่องใบใหญ่ไม่ค่อยจะมีของอะไรหรอก

 

ต่างจากเธอที่ไม่ได้ชอบตุ๊กตาเสียเท่าไหร่ ลาลาเน่และบีชีเย่ต่างก็ส่งสายตาเป็นประกายแวววาวนอกจากตุ๊กตาหมีตัวนี้ ในบรรดาของขวัญที่เธอเปิดไปแล้วยังมีอีกตัว

 

ยังไงเธอก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว เอาให้สองคนนี้ไปเลยดีมั้ยนะ

 

แต่แล้วในตอนที่กำลังคิดเช่นนั้น

 

“เทีย!”

 

“อ๊ะ? พ่อ! ”

 

เธอโยนของขวัญที่เปิดอยู่ไปด้านข้าง ยื่นมือทั้งสองข้างออกไปหาท่านพ่อที่กำลังวิ่งเข้ามาหาเธอ

 

“ขอโทษนะที่พ่อมางานวันเกิดของลูกสาวช้า! รอนานเลยใช่มั้ย!”

 

ท่านพ่อทำหน้าราวกับจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ อุ้มเธอตัวลอย

 

“ไม่เป็นไรค่ะ! กำลังเล่นสนุกกับคนอื่นๆ อยู่ค่ะ!”

 

“เหรอๆ กำลังเปิดของขวัญกันอยู่นี่เอง”

 

ท่านพ่อเอ่ยถามในขณะที่มองดูกล่องของขวัญว่างเปล่าซึ่งถูกวางกองอยู่บนพื้นที่กว้าง

 

“เปิดไปตั้งเยอะแล้ว แต่ยังเหลือมากขนาดนั้นเลยครับ!”

 

เมโลนพ่นลมหายใจฟืดฟาดด้วยความตื่นเต้นพลางเอ่ยพูด

 

“…ของขวัญเยอะเชียว”

 

ท่านพ่อตกใจ เหม่อมองกองภูเขาของขวัญ

 

“อื้อ! ชอบมากเลยค่ะ! คนมากันเยอะเลยด้วยค่ะ!”

 

“เหรอ ด้านแบบนี้เทียต่างจากพ่ออยู่นิดหน่อยเหมือนกันสินะ”

 

ท่านพ่อมีนิสัยไม่ชอบความวุ่นวายและเสียงดังโหวกเหวก

 

“เรื่องพวกนั้นเหมือนกับข้ายังไงล่ะ”

 

ท่านปู่เดินไปรอบงานเพื่อพบปะแขกเหรื่ออยู่หนึ่งรอบ ก่อนจะเดินกลับมา

 

เบเจอร์กับลอเรนซ์เองก็ตามหลังท่านปู่มาด้วยเช่นกันดูเหมือนเบเจอร์จะยังโมโหไม่หาย ถึงได้มองท่านพ่อด้วยหางตา

 

“แต่มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้ทั้งหมดแบบนี้ รู้สึกอารมณ์ดีเหมือนกัน”

 

ท่านปู่ยิ้มพอใจ หันไปมองคนในครอบครัว

 

ตระกูลลอมบาร์เดียและสี่พี่น้องรวมถึงครอบครัวของพวกเขา ต่างก็เป็นผลผลิตของท่านปู่ถึงแม้จะไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรแต่ในรอยยิ้มของท่านปู่ที่มองดูความสำเร็จของตนนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

 

“อะแฮ่ม”

 

แขกไม่ได้รับเชิญแทรกเข้ามาในฉากอันแสนอบอุ่นของครอบครัวที่ไม่ได้เกิดขึ้นเสียนาน

 

“มีอะไรหรือ เจ้าชายลำดับที่หนึ่ง”

 

ท่านปู่เอ่ยถามออกไปอย่างไม่ไยดี คล้ายกับว่าจะไม่ค่อยพอใจนักที่อาสทาน่าโผล่พรวดเข้ามาทำลายบรรยากาศ

 

“มีของจะมอบให้น่ะครับ”

 

“ของจะมอบให้?”

 

ท่านปู่เลิกคิ้วขึ้นข้างหนึ่ง จับจ้องสายตาไปยังเจ้าชายลำดับที่หนึ่ง

 

“หากเป็นของขวัญของฟีเรนเทีย เมื่อครู่นี้ก็มอบให้แล้วไม่ใช่หรือไร”

 

“นะ…นี่ไม่ใช่ของขวัญที่จะมอบให้ฟีเรนเทียครับ”

 

ทั้งท่านปู่ ทั้งคนอื่นๆ ในครอบครัวที่รวมตัวกันอยู่ที่นี่ ต่างก็เอียงคอด้วยความสงสัย

 

อาสทาน่าหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็กเก็ตที่เขาสวมอยู่

 

มันคือซองสีม่วงเข้มปิดผนึกด้วยขี้ผึ้งประทับตราสัญลักษณ์ราชวงศ์

 

“นั่นมัน…”

 

เบเจอร์พูดพึมพำ เขาเป็นคนแรกที่รู้ว่าซองนั้นคือซองอะไร

 

นัยน์ตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้นเช่นกัน

 

มันเป็นซองที่เธอเคยเปิดอยู่หลายครั้งในระหว่างที่ทำงานในฐานะเลขาฯ ของท่านปู่เมื่อชาติที่แล้ว

 

“องค์จักรพรรดินีสั่งให้ข้านำบัตรเชิญงานเลี้ยงมื้อเย็นที่พระราชวังมามอบให้ครับ”

 

เจ้าชายลำดับที่หนึ่งพูดแบบนั้น ก่อนจะเริ่มก้าวเท้าเดินเข้ามาเสียงดังตึก ตึก

 

เธอคิดว่าคงจะต้องมอบให้ท่านปู่อย่างแน่นอน แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้เธอจะคิดผิด

 

อาสทาน่าเดินถือซองเข้ามา หยุดอยู่ตรงหน้าเธอกับท่านพ่อที่กำลังอุ้มเธอไว้

 

“หวังว่าจะมาสร้างสีสันให้แก่งานเลี้ยงนะครับ ท่านชายแคลอฮัน ลอมบาร์เดีย”

 

ท่านพ่อรับซองนั่นมาถือไว้ด้วยมือสั่นเทา

 

มันคืองานเลี้ยงมื้อเย็นของจักรพรรดินี ที่เบเจอร์ผู้เป็นลุงใหญ่ไปร่วมงานแทนท่านปู่อยู่เสมอ และมักจะเขียนจ่าหน้าซองด้วยชื่อ ‘รูลลัก ลอมบาร์เดีย’

 

แต่คราวนี้กลับแตกต่างไปจากที่เคย

 

บนซองหรูสีม่วงมีชื่อ ‘แคลอฮัน ลอมบาร์เดีย’ ถูกเขียนไว้ด้วยลายมืออย่างชัดเจน

 

และเธอก็ต้องฝังใบหน้าลงกับไหล่ของท่านพ่อแน่น เพื่อไม่ให้หลุดเสียงตะโกนร้องเชียร์ด้วยความดีใจออกมา

 

หัวใจพองตัวขึ้นมา

 

คราวนี้ก็ได้เวลาไปพบกับเขาที่พระราชวังแล้ว

Related

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูล

Status: Ongoing Native Language: Korean
อ่านเรื่อง เกิดใหม่ชาตินี้ ฉันจะเป็นเจ้าตระกูลเมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ฟีเรนเทียพบว่าเธอได้ย้อนกลับมายังอดีตในสมัยที่เธอเพิ่งจะอายุได้แค่ 7 ขวบ เพื่อช่วยตระกูลลอมบาร์เดียและชีวิตของพ่อ เธอจึงตั้งใจว่าจะขึ้นเป็นเจ้าตระกูลคนถัดไปให้ได้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset