ตอนที่ 241 นี่มัน… ไอของอาวุธวิญญาณ ?
ความจริงแล้วเย่ฉางชิงคิดมิถึงจริง ๆ ว่ากระบวนท่ากระบี่เมื่อครู่ของตนจะทำให้หลี่ฉางหมิง ที่เป็นถึงผู้สืบทอดจะตกใจจนหมดสภาพเช่นนี้
เย่ฉางชิงกลับคิดว่า เมื่อครู่นี้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพนิมิตเท่านั้น
ทว่าสำหรับหลี่ฉางหมิงที่หน้าซีดเผือดและยังคงมีท่าทีตื่นตระหนก ถึงขนาดทรุดลงไปนั่งที่พื้นแล้ว
‘กระบวนท่าของท่านบรรพจารย์เย่เมื่อครู่ช่างน่ากลัวยิ่งนัก’
‘จิตกระบี่มหาศาลราวเกลียวคลื่น ! ’
‘พลังกระบี่หนักแน่นดุจขุนเขา ! ’
‘โดยเฉพาะพลังกระบี่อันน่ากลัว ที่ทำให้ข้าแทบจะหัวใจวาย’
‘ที่สำคัญที่สุดก็คือกระบวนท่าที่ท่านบรรพจารย์เย่แสดงออกมานั้น เป็นเพียงเคล็ดกระบี่แสงทองที่อยู่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น’
‘ทว่าเคล็ดกระบี่ระดับเริ่มต้นกลับสร้างพลังมหาศาลได้ถึงเพียงนี้ เช่นนั้นหากเป็นเคล็ดกระบี่ระดับสูงกว่านี้เล่า ? ’
‘มิทำลายล้างทุกสิ่งได้อย่างง่ายดายเลยหรือ ! ’
‘น่ากลัว ! ’
‘ช่างน่ากลัวยิ่งนัก ! ’
‘ความเข้าใจในวิถีกระบี่ของท่านบรรพจารย์เย่ แท้จริงแล้วอยู่ระดับใดกันแน่ ? ’
‘มิกล้าคิดจริง ๆ ! ’
‘ใช่แล้ว’
‘การค้นหารากฐาน กลับสู่ธรรมชาติ ! ’
‘หรือว่านี่จะเป็นระดับสูงสุดของวิถีกระบี่ ? ’
‘อืม ! ’
‘คงจะเป็นเช่นนั้น ! ’
เวลานี้เย่ฉางชิงที่สงบสติอารมณ์ของตัวเองลงแล้ว ได้เอ่ยถามด้วยท่าทางจริงจังว่า
“หลี่ฉางหมิง กระบวนท่าของข้าเมื่อครู่เป็นเช่นไรบ้าง ? ”
หลี่ฉางหมิงได้ยินเช่นนั้นก็ได้สติขึ้นมาทันที
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็ทำท่าราวกับมีบางอย่างจุกอยู่ในคอ
จนเวลาผ่านไปหลายอึดใจ
หลี่ฉางหมิงขมวดคิ้วน้อย ๆ เอ่ยอย่างครุ่นคิดว่า
“เรียนท่านเย่ กระบวนท่าของท่านเมื่อครู่มีความลึกซึ้ง จนสามารถสร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปมิได้ขึ้นขอรับ”
เพียงเคล็ดกระบี่ระดับเริ่มต้น ทว่ากลับทำให้เกิดอำนาจที่น่ากลัวเพียงนี้ นี่มิเรียกว่าสร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปมิได้ แล้วจะเรียกว่าอะไรกัน ?
สร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปมิได้ ?
ใช่แล้ว !
นี่ก็คือการสร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปมิได้ในตำนาน !
คิดได้เช่นนั้นแล้วใบหน้าที่ยังคงซีดเซียวของหลี่ฉางหมิงก็เผยรอยยิ้มออกมา
เห็นได้ชัดว่าเขาพอใจกับคำตอบนี้ของตัวเองเป็นอย่างมาก
ทว่าหลังจากเย่ฉางชิงได้ยินคำวิจารณ์เช่นนี้ กลับตะลึงงันไปทันที
‘สร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปมิได้ ? ’
‘เจ้าแน่ใจนะว่ามิได้กำลังล้อข้าเล่น’
‘หรือว่าถูกนิมิตเมื่อครู่ทำให้เจ้าตกใจจนสมองมีปัญหาไปแล้ว ? ’
‘เพราะเมื่อครู่ข้ามิได้ใช้แม้กระทั่งพลังวิญญาณเสียด้วยซ้ำ ! ’
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เย่ฉางชิงก็ยังคงมิรู้ว่าควรตอบกลับหลี่ฉางหมิงเช่นไรดี
เยี่ยงไรเสียก็มิสามารถบอกผู้สืบทอดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไท่เสวียนได้ว่า ความจริงแล้วเมื่อครู่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเพียงภาพนิมิตเท่านั้น
อีกทั้งเขายังมิได้ใช้พลังวิญญาณใด ๆ ด้วยซ้ำ
‘ใช่แล้ว’
‘เจ้าอยากให้ข้าชี้แนะมิใช่หรือ เช่นนั้นเจ้าเข้าใจอะไรขึ้นบ้างหรือไม่ ? ’
คิดได้เช่นนั้นแล้ว
“เจ้าเข้าใจอะไรขึ้นบ้างหรือไม่ ? ”
เย่ฉางชิงเอ่ยถามพร้อมกับมองหน้าหลี่ฉางหมิง
“เรียนท่านเย่ ศิษย์เกิดความเข้าใจขึ้นจริง ๆ ขอรับ”
หลี่ฉางหมิงลังเลเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
“เพียงแต่เวลานี้ตบะบารมีของศิษย์นั้นต้อยต่ำนัก อีกทั้งเพิ่งบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ได้มินาน เช่นนั้นจึงสามารถเข้าใจได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”
‘เกิดความเข้าใจจริง ๆ งั้นหรือ ? ’
‘เจ้าพูดจริงหรือ ? ’
‘คนโกหกต้องกลืนเข็มพันเล่มนะ’
หลังจากเงียบอยู่ครู่หนึ่ง
เย่ฉางชิงก็เหลือบมองหลี่ฉางหมิงอย่างรู้สึกเอือมระอาแล้วเอ่ยว่า
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ทำความเข้าใจกระบวนท่าเมื่อครู่ของข้าไปก็แล้วกัน”
หลี่ฉางหมิงโค้งคำนับพร้อมตอบว่า
“ศิษย์จะตั้งใจทำความเข้าใจ มิทำให้ท่านเย่ต้องเสียแรงเปล่าที่ชี้แนะศิษย์อย่างแน่นอนขอรับ”
เย่ฉางชิงพยักหน้ารับ จากนั้นจึงหมุนตัวเดินเข้าตำหนักกลางไป
มินานหลังกลับเข้ามาในตำหนักกลาง
จู่ ๆ เย่ฉางชิงก็รู้สึกง่วงนอนขึ้นมาอย่างมิทราบสาเหตุ
จากนั้นเย่ฉางชิงจึงมิเกรงใจใด ๆ อีก ก่อนล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วหลับไปทันที
ขณะเดียวกัน หลี่ฉางหมิงที่อยู่ด้านนอกตำหนัก เมื่อรอจนเย่ฉางชิงเดินกลับเข้าไปแล้ว
เขาก็รีบนั่งลงกับพื้นและเริ่มทำความเข้าใจกระบวนท่าของเย่ฉางชิงก่อนหน้านี้อย่างละเอียดอีกครั้ง
เริ่มจากการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าไปจนถึงไอกระบี่ หลี่ฉางหมิงก็เริ่มเกิดความเข้าใจมากขึ้น
ทว่าหลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม
ขณะที่เขาลองทำความเข้าใจจิตกระบี่ในกระบวนท่าเมื่อครู่ของเย่ฉางชิง
จิตวิญญาณของเขาก็สั่นสะท้านขึ้นมาทันทีอย่างห้ามมิได้ และรู้สึกปวดหัวอย่างแสนสาหัส
หลี่ฉางหมิงฝืนทนอยู่กว่าครึ่งก้านธูป สุดท้ายเขาก็ต้องตัดสินใจยอมแพ้
‘ข้าใจร้อนเกินไป จนเกือบลืมไปแล้วว่าท่านบรรพจารย์เย่อยู่ระดับใด ส่วนตัวข้านั้นอยู่ระดับใด’
หลี่ฉางหมิงคิดได้เช่นนั้นก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้น จากนั้นก็ยิ้มเยาะตัวเองออกมา
ในตอนนั้นเองศิษย์ผู้หนึ่งเมื่อเห็นหลี่ฉางหมิง
เขาก็นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินมาตรงหน้าหลี่ฉางหมิงอย่างรีบร้อน
“ศิษย์พี่หลี่ อาจารย์ให้ท่านหาเวลาไปที่ตำหนักไท่เสวียนสักครู่ขอรับ”
ศิษย์ผู้นั้นบอกเสียงเบา
“ข้ารู้แล้ว”
หลี่ฉางหมิงพยักหน้ารับ จากนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืน
หลี่ฉางหมิงชำเลืองมองตำหนักกลางเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวจากไปพร้อมกับศิษย์ผู้นั้น
มินานหลี่ฉางหมิงก็มาถึงหน้าตำหนักไท่เสวียนเพียงลำพัง
ทว่านักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ในตอนนี้ เมื่อเห็นหลี่ฉางหมิงปรากฏตัวที่หน้าตำหนักไท่เสวียนก็รีบลุกขึ้นยืนทันที
“ฉางหมิง อาจารย์บอกให้เจ้าหาเวลาว่างแล้วค่อยมามิใช่หรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนขมวดคิ้วเบา ๆ พร้อมกับเอ่ยตำหนิเล็กน้อย
หลี่ฉางหมิงประสานมือคาราวะทั้งสองท่านเรียบร้อย ก็เอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมว่า
“ท่านบรรพจารย์เย่ขณะนี้กำลังพักผ่อนอยู่ เช่นนั้นศิษย์จึงมาที่นี่ได้ขอรับ”
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้าแล้วถามต่อ
“จริงสิ ประกายกระบี่ที่ทะยานขึ้นที่ยอดเขาฉางหมิงก่อนหน้านี้ เกิดจากอะไรเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
หลี่ฉางหมิงได้ยินเช่นนั้นก็เหลือบมองสวีฉิงเทียนที่มีท่าทางสนอกสนใจ จึงเผยสีหน้าลังเลออกมาอย่างอดมิได้
“พี่สวีมิใช่คนนอก เจ้าพูดมาตามตรงได้เลย”
นักพรตฉางเสวียนเอ่ยขึ้นทันที ที่มองออกว่าหลี่ฉางหมิงมีความกังวล
หลี่ฉางหมิงจึงพยักหน้าและเริ่มเล่าว่า
“เมื่อครู่ท่านบรรพจารย์เย่ชี้แนะศิษย์ในการบำเพ็ญเพียรวิถีกระบี่ และยังแสดงกระบวนท่าหนึ่งในเคล็ดกระบี่แสงทองให้ศิษย์ดู จึงทำให้เกิดสุดยอดประกายกระบี่ขึ้นขอรับ”
“เคล็ดกระบี่แสงทอง ? ”
นักพรตฉางเสวียนมีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วถามออกมาอย่างเหลือเชื่อว่า “เจ้าแน่ใจว่าเป็นเคล็ดกระบี่แสงทองจริง ๆ งั้นหรือ ? ”
สวีฉิงเทียนเอ่ยอย่างฉงน
“พี่เหอ เคล็ดกระบี่แสงทองมีปัญหาอันใดเยี่ยงนั้นหรือ ? ”
นักพรตฉางเสวียนลังเลอยู่สักครู่ จากนั้นก็บอกกับสวีฉิงเทียนตรง ๆ ว่า “พี่สวี ท่านคงมิรู้แท้จริงแล้วเคล็ดกระบี่แสงทองนี้เป็นเพียงเคล็ดกระบี่ระดับเริ่มต้นเท่านั้น”
“เคล็ดกระบี่ระดับเริ่มต้น ? ”
สวีฉิงเทียนตกตะลึงในทันที ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความงุนงง
หลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง
สวีฉิงเทียนก็ได้เอ่ยถามต่อ
“ฉางหมิง ผู้อาวุโสเย่ยังบอกอะไรเจ้าอีกบ้าง ? ”
หลี่ฉางหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบว่า
“ท่านบรรพจารย์เย่ยังบอกว่า การบำเพ็ญเพียรหมื่นวิถี สุดท้ายก็เป็นเพียงแค่การค้นหารากฐาน กลับสู่ธรรมชาติ วิถีกระบี่เองก็เช่นกัน”
เมื่อนักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนได้ยินเช่นนั้น ก็มีท่าทางเคร่งขรึมลงทันที
ตอนนั้นเอง
“อาจารย์ ผู้อาวุโสสวี พวกท่านว่าความหมายของท่านบรรพจารย์เย่ใช่…”
หลี่ฉางหมิงเอ่ยพลางครุ่นคิดว่า “การบำเพ็ญเพียรหมื่นวิถี ล้วนเริ่มจากง่ายไปซับซ้อน จากนั้นก็หวนคืนสู่ความเรียบง่าย ? ”
หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง สวีฉิงเทียนและนักพรตฉางเสวียนก็สบตากันเล็กน้อย จากนั้นก็ส่ายหน้าออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“แม้จะกล่าวเช่นนั้นทว่าตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีใครบ้างที่ทำได้เช่นนี้ ? ”
นักพรตฉางเสวียนพยักหน้าเห็นด้วย หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง ก็ยื่นมือไปตบที่บ่าของหลี่ฉางหมิงเบา ๆ แล้วเอ่ยเสียงหนักแน่นว่า
“ฉางหมิง การที่ท่านบรรพจารย์เย่เอ่ยเช่นนี้ ดูท่าเขาคงจะตั้งความหวังกับเจ้าเอาไว้มิน้อย นับจากนี้เป็นต้นไปเจ้าต้องตั้งใจบำเพ็ญเพียร อย่าได้ทรยศต่อความตั้งใจดีของท่านบรรพจารย์เย่เด็ดขาด”
“ศิษย์ทราบแล้วขอรับ”
หลี่ฉางหมิงคาราวะให้เล็กน้อย จากนั้นจึงหยิบกระบี่โบราณที่ท่านบรรพจารย์เย่ใช้ก่อนหน้านี้ออกมาจากแหวนเก็บสมบัติอย่างลังเล
“อาจารย์ ผู้อาวุโสสวี รบกวนพวกท่านช่วยข้าดูกระบี่มังกรเพลิงเล่มนี้หน่อยขอรับ ? ”
หลี่ฉางหมิงใช้สองมือประคองกระบี่สีทองเล่มนี้ขึ้น พร้อมกับเอ่ยออกมา
ทว่าวินาทีต่อมา เมื่อสัมผัสได้ถึงไอพลังที่กระบี่มังกรเพลิงเล่มนี้แผ่ออกมา
นักพรตฉางเสวียนและสวีฉิงเทียนก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปแทบจะพร้อมกัน ท่าทางของพวกเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
“นี่มัน… ไอของอาวุธวิญญาณ ? ! ”
มิกี่อึดใจต่อมา สวีฉิงเทียนก็ได้โพล่งออกมา
นักพรตฉางเสวียนขมวดคิ้วแน่น พร้อมกับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย