ตอนที่ 85 ราชันทมิฬสมองกลับ
หลังผ่านประตูเมืองที่ลึกลับและมืดมนเข้ามา ภาพตรงหน้าก็พลันสว่างขึ้นทันใด
ถนนโบราณสายหนึ่งคลาคล่ำไปด้วยเหล่าปีศาจและรถม้า บรรยากาศคึกคักเหลือคณา
เพราะเมืองจิ้งจอกนั้นถือเป็นถิ่นของเผ่าปีศาจเทือกเขาแดนใต้ เช่นนั้นทั่วทั้งถนนจึงมีทั้งชายหญิงที่มีลักษณะเฉกเช่นมนุษย์ ปีศาจที่กายเป็นมนุษย์แต่ศีรษะเป็นอสูร ปีศาจที่ยังมิอาจแปลงร่างโดยสมบูรณ์ หรือแม้แต่ปีศาจตัวน้อยที่คลานอยู่บนพื้นก็ยังมี
และแม้เทือกเขาแดนใต้จะเป็นถิ่นของเผ่าปีศาจ แต่เนื่องด้วยผ้าไหมแพรพรรณ เครื่องย้อมต่าง ๆ ที่มนุษย์ทำขึ้นนั้น เป็นสิ่งที่เหล่าปีศาจมิอาจทำด้วยตัวเองได้ จึงทำให้เหล่าพ่อค้าที่เป็นมนุษย์ยอมเสี่ยงตายเข้ามาขายสินค้าในเมืองจิ้งจอกแห่งนี้ เพื่อหวังว่าจะได้ราคาที่สูง
เป็นเช่นนั้นมาเนิ่นนาน จนมีขบวนคาราวานเข้ามาขายของในเมืองโบราณของเทือกเขาแดนใต้อยู่เป็นประจำ จึงเห็นได้ว่าในเมืองจิ้งจอกมิได้มีเพียงปีศาจจากเผ่าต่าง ๆ เท่านั้น แต่ยังมีมนุษย์ธรรมดาปะปนอยู่ด้วย
ราชันทมิฬเอามือทั้งสองข้างไพล่หลัง ก่อนจะเดินอาด ๆ ไปตามถนนโดยมิแยแสสิ่งใด
เหล่าปีศาจตัวน้อยที่เดินอยู่บนถนนต่างรีบแหวกทางให้ทันที เมื่อสัมผัสได้ถึงลมปราณอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากกายของมัน
ขณะที่ปีศาจตนอื่นกำลังสำรวจปีศาจสุนัขที่สวมกางเกงสีสันฉูดฉาด ท่าทางราวกับมนุษย์ด้วยแววตาสงสัยอยู่นั้น มินานก็มีผู้ที่จำราชันทมิฬได้
“เหตุใดข้ารู้สึกคุ้นหน้าผู้แข็งแกร่งท่านนี้นะ ? ”
“ใช่แล้ว นี่มันปีศาจต่ำช้าไร้ยางอายที่เผ่าต่าง ๆ หมายหัวก่อนหน้านี้มิใช่หรือ ? ”
“แต่มิกี่เดือนก่อนเผ่าต่าง ๆ ส่งข่าวมาว่าราชาปีศาจทั้งเจ็ดได้ร่วมมือกันสังหารปีศาจตนนี้ไปแล้วนี่นา ! ”
“ใช่ ๆ ได้ยินว่าเผ่าหมาป่าเงินนำหนังของปีศาจตนนี้ไปแขวนเอาไว้ที่ประตูด้วยนะ”
“ดูท่าข่าวก่อนหน้านี้คงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ ! ”
“แต่ปีศาจตนนี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ขนาดโดนราชาปีศาจทั้งเจ็ดรุมสังหารก็ยังรอดมาได้ ! ”
“นั่นน่ะสิ ! ”
“แต่เจ้าปีศาจไร้ยางอายผู้นี้กล้ากลับมาอย่างมิกลัวเกรงเช่นนี้ แสดงว่าต้องมีแผนการบางอย่าง มิแน่อาจจะกลับมาแก้แค้นราชาปีศาจทั้งเจ็ดก็เป็นได้”
“ใช่แล้ว อีกมิกี่วันองค์หญิงสิบสามก็จะอภิเษกกับราชาปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำแล้ว พวกเจ้าว่าเจ้าปีศาจตนนี้จะชิงลงมือกับราชาปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำก่อนหรือไม่ ? ”
“เป็นไปได้ ! ”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่ ! ”
ขณะที่เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งถนน ฉับพลันก็มีบุรุษรูปร่างกำยำสวมชุดเกราะสีดำสนิท ขี่พยัคฆ์ดำตัวใหญ่และมีไอพลังสีดำล่องลอยอยู่รอบกายปรากฏกายขึ้น
บุรุษผู้นี้มีท่าทางน่าเกรงขามยิ่งนัก จนสัมผัสได้ถึงอำนาจของราชาที่แผ่ออกมา
ด้านหลังของบุรุษผู้นี้ มีกลุ่มชายหนุ่มสวมชุดเกราะสีขาวราวกับหิมะแบกหีบสิบกว่าใบตามหลังมาด้วย
บนหีบมีดอกไม้สีแดงขนาดใหญ่ผูกเอาไว้ ดูราวกับขบวนสู่ขอ
ทันใดนั้นปีศาจน้อยที่มีสายตาเฉียบแหลมตนหนึ่ง ก็ตะโกนขึ้นทันทีที่เห็นภาพตรงหน้า “ทุกคนดูนั่นสิ ราชาปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำเตรียมขบวนสู่ขอมาแล้ว ! ”
พลันทุกสายตาต่างก็จับจ้องไปยังอีกฝั่งของถนน
ทว่าในวินาทีถัดมาเมื่อทุกคนได้สติอีกครั้ง ก็พากันหันมามองราชันทมิฬที่เดินอยู่กลางถนน หากราชาปีศาจทั้งสองพบกันอีกครั้ง ทุกคนจึงอดสงสัยมิได้ว่าพวกเขาจะต่อสู้กันตรงนี้เลยหรือไม่ ?
มินานราชาปีศาจของเผ่าพยัคฆ์ดำก็ได้พบกับราชันทมิฬ ที่เดินเอามือไพล่หลังอยู่กลางถนน
แต่ราชาปีศาจอย่างพวกเขากลับมิได้เปิดศึกกันแต่อย่างใด
“คาดมิถึงว่าคราก่อนมิอาจสังหารเจ้าได้ ทั้งยังกลับมารวดเร็วปานนี้”
เฮยจวงที่อยู่บนหลังพยัคฆ์ดำ ปรายตามองขณะกล่าวกับราชันทมิฬ
ราชันทมิฬยกมุมปากขึ้น แววตาอันน่าเกรงขามมีประกายบางอย่างที่ยากจะคาดเดาแวบผ่าน พลางเอ่ยด้วยท่าทางจริงจังว่า “เจ้าแมวดำ ครานี้ข้ามิได้มาแก้แค้นเจ้า แต่มาอวยพรให้แก่องค์หญิงสิบสาม”
“หากเจ้ากล้ายั่วโทสะข้า เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าสังหารเจ้าโดยมิไว้หน้าองค์หญิงสิบสามและเผ่าจิ้งจอกวิญญาณก็แล้วกัน”
เอ่ยจบราชันทมิฬก็แค่นเสียง “หึ” ออกมา พลังบนกายพลันปะทุขึ้นมา พร้อมกับระเบิดลมปราณสูงสุดระดับราชาปีศาจออกมาทันที
“เจ้า ! ”
ใบหน้าของเฮยจวงเข้มขึ้นทันที ที่รับรู้ได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งของราชันทมิฬ
เขาจำได้ดีว่ามิกี่เดือนก่อนปีศาจตนนี้ ถูกพวกเขาเจ็ดราชาปีศาจรุมสังหารจนบาดเจ็บหนัก จนยอมเผาผลาญเลือดเนื้อของตนเพื่อหาทางหนีเอาตัวรอด
แต่บัดนี้ชั่วระยะเวลาเพียงมิกี่เดือนต่อมา ปีศาจตนนี้มิเพียงแต่กลับมาเป็นปกติ ทั้งยังเห็นได้ชัดว่าใกล้จะบรรลุขั้นจักรพรรดิปีศาจอีกด้วย
‘หรือว่ามิกี่เดือนมานี้เจ้าปีศาจตนนี้ได้รับโชค และโอกาสที่พลิกฟ้าพลิกสวรรค์มาเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
ก่อนหน้านี้บรรพบุรุษของเผ่าพยัคฆ์ดำเคยคาดเดาเอาไว้ว่า ชีพจรของราชันทมิฬนั้นเบาบางอย่างมาก แม้แต่ปีศาจน้อยในเทือกเขาแดนใต้ยังแข็งแกร่งกว่าเขาหลายเท่านัก
แต่เพราะไปได้รับโอกาสพลิกฟ้าพลิกสวรรค์มา จึงทำให้ชีพจรเกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้น
ตอนที่เขาได้ยินก็อดที่จะรู้สึกอิจฉาโชคชะตาของราชันทมิฬมิได้
แต่บัดนี้เพิ่งผ่านไปได้มินาน เจ้าปีศาจตนนี้กลับได้รับโชคชะตาและโอกาสที่พลิกฟ้าพลิกสวรรค์บางอย่างมาอีกแล้ว
อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ถึงพลังสายเลือดที่แผ่ออกจากกายของราชันทมิฬอีกด้วย
ต้องบอกให้รู้ว่าเผ่าพยัคฆ์ดำของพวกเขามีสายเลือดของราชาอันสูงส่ง แต่บัดนี้ พลังสายเลือดของเขากลับถูกปีศาจตนนี้สะกดเอาไว้
‘หรือว่าสายเลือดของเจ้านี่จะพัฒนาเป็นสายเลือดระดับจักรพรรดิแล้วเยี่ยงนั้นหรือ ? ’
‘เป็นไปมิได้ ! ’
‘เป็นไปมิได้เด็ดขาด ! ’
เฮยจวงคิดถึงตรงนี้ก็ส่ายหน้าอย่างแรง
ขณะนั้นเอง ราชันทมิฬที่บังเอิญเหลือบไปเห็นขบวนสู่ขอด้านหลังของเฮยจวง ก็พลันเกิดความคิดบางอย่างขึ้น
“เจ้าแมวดำ หลายเดือนก่อนพวกเจ้าเจ็ดราชาปีศาจต้องการรุมสังหารข้า ตอนนั้นเสียงของเจ้าดังที่สุด อีกทั้งยังทำร้ายข้าจนบาดเจ็บมากที่สุดอีกด้วย”
ดวงตาของราชันทมิฬจับจ้องไปยังใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวของเฮยจวง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พลังของข้าในตอนนี้เกรงว่าเจ้าเองก็คงจะรับรู้ได้ บวกกับเคล็ดวิชาของข้าแล้ว ภายภาคหน้าจะต้องบดขยี้เผ่าพยัคฆ์ดำของเจ้าได้อย่างแน่นอน ”
“แต่เห็นแก่หน้าขององค์หญิงสิบสาม ข้าจะให้โอกาสเจ้าและเผ่าพยัคฆ์ดำของเจ้าสักครา”
เอ่ยถึงตรงนี้ราชันทมิฬก็แสยะยิ้มออกมา พร้อมกับยักไหล่ราวกับมนุษย์
เฮยจวงได้ยินเช่นนั้นก็มีสีหน้ามิสู้ดีขึ้นมาในพริบตา
‘ปีศาจตนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ การที่ให้โอกาสเขาเช่นนี้เห็นได้ชัดว่าจะต้องมีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างเป็นแน่’
‘แต่สิ่งที่เจ้านี่พูดมาก็มีเหตุผล ดูจากความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของมันแล้ว อย่าว่าแต่ขั้นจักรพรรดิปีศาจเลย ภายภาคหน้าการจะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวปีศาจก็มิใช่เรื่องยากอันใด’
‘หากครานี้เรามิยอมทำตาม มิแน่ภายภาคหน้าเผ่าพยัคฆ์ดำอาจต้องพบกับหายนะก็เป็นได้’
“เจ้าว่ามา เจ้าอยากได้สิ่งใดจากข้ากัน ? ”
หลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เฮยจวงก็เม้มริมฝีปากเล็กน้อยพลางจ้องราชันทมิฬ ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
ราชันทมิฬแลบลิ้นสีแดงสดขึ้นมาเลียตรงมุมปาก ดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย “ให้ลูกน้องของเจ้าเปิดหีบทั้งหมดออก ข้าจะเลือกของหนึ่งสิ่งไปเป็นของขวัญให้แก่องค์หญิงสิบสาม”
เฮยจวง “…..”
กลุ่มคน “…..”
‘ปีศาจตนนี้ช่างไร้ยางอายจริง ๆ ’
‘กล้าปล้นสินสอดของราชาปีศาจจากเผ่าพยัคฆ์ดำ เพื่อนำไปมอบเป็นของขวัญแต่งงานให้แก่องค์หญิงสิบสาม’
‘เจ้านี่สมองกลับแล้วหรือเยี่ยงไรกัน ? ’